ชายาตัวสำรอง (คลั่งรัก ฟินๆ)

61.0K · จบแล้ว
ลออจันทร์ / เลี่ยงจิน 亮金
23
บท
23.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สาวใช้ต้อยต่ำเป็นเพียงชายาตัวสำรอง แม้ท่านแม่ทัพกอดข้า จูบข้า หลับนอนร่วมเตียงกับข้า แต่ท่านไม่อาจรู้ว่าข้าเป็นใคร...

นิยายจีนโบราณนิยายรักคนต่ำต้อยแม่ทัพท่านอ๋องรักหวานๆจีนโบราณแต่งงานแทนผู้ชายอบอุ่น18+

บทนำ คู่หมั้นอัปลักษณ์

บทนำ

คู่หมั้นอัปลักษณ์

ข้าจะถอนหมั้น

“ไม่! ไม่มีวันที่ข้าจะไปดูแลชายพิการ!”

คุณหนูหลัวน่าแห่งสกุลหวงสะบัดน้ำเสียงห้วนด้วยความเดือดดาลระคนหงุดหงิด เมื่อจู่ๆ นางก็ได้รับคำสั่งจากบิดาให้ไปดูแลคู่หมั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสงคราม ซึ่งเวลานี้หน่วยการแพทย์ทหารกำลังเคลื่อนย้ายร่างอันแสนบอบช้ำของ ‘แม่ทัพซุนจ้าวเฟิง’ หรือ ‘อ๋องสิบเอ็ด’ กลับไปยังจวนเพื่อจะได้ให้แพทย์จากวังหลวงดูแลฟื้นฟูร่างกายเป็นลำดับต่อไป

“หลัวเอ๋อร์แต่เจ้าเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋อง ยามนี้ท่านอ๋องประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก หากเจ้าไม่ไปดูแลแล้วใครจะไปดูแลเล่า”

“ข้าไม่ใช่หมอ ข้าทำอะไรไม่ได้หรอกเจ้าค่ะท่านแม่ ให้ข้าไปก็รังแต่จะเกะกะ”

คุณหนูแสนเอาแต่ใจยังคงตอบสะบัดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแทบผูกเป็นปม สองแขนยกขึ้นกอดอกอย่างดื้อรั้นถือดี

“เจ้าก็รู้มิใช่หรือว่าท่านอ๋องผู้นี้นอกจากจะรั้งตำแหน่งแม่ทัพภาคแล้ว ยังเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาอีกด้วย พวกเราต่างรู้ดีว่าจนป่านนี้แล้วไทเฮายังคงมีอิทธิพลในวังหลังมาโดยตลอด อีกทั้งยังคอยชักใยอยู่เบื้องหลังองค์ฮ่องเต้ อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือใครพวกเราต่างตระหนักดี คิดดูให้ดีเถอะหลัวเอ๋อร์ การทำดีกับท่านอ๋องในยามยากลำบากเช่นนี้เป็นหน้าที่ที่ดีของว่าที่ชายา เจ้าจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหญิงที่มีจิตใจงดงาม ชื่อเสียงในด้านดีจะช่วยส่งเสริมตระกูลหวงและหน้าที่การงานของท่านพ่อเจ้าอีกด้วย”

ผู้เป็นแม่เกลี้ยกล่อมบุตรสาว พยายามยกสายน้ำทุกสายขึ้นมากล่าวอ้างหวังให้บุตรคล้อยตาม ทว่าหลัวน่ากลับนั่งหน้างอง้ำ ริมฝีปากบิดเบี้ยว ส่งผลให้ความงามความน่ารักมลายหายไปสิ้น

ฮูหยินหวงเห็นท่าทางของบุตรสาวดังนั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา

ถัดไปไม่ไกล...

‘จงฟางเหม่ย’ สาวใช้ที่นั่งก้มหน้ามาโดยตลอดเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง มือเล็กจิกทึ้งกระโปรงผ้าเนื้อหยาบราคาถูกเอาไว้แน่น หูอื้ออึง สมองหนักอึ้ง หัวใจเต้นแผ่วราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้

‘ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บจากสงครามงั้นหรือ!’

‘ไม่จริง! ท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไร!’

ราวกับผืนแผ่นดินไหวเอนพลิกคว่ำคะมำหงาย เนื้อตัวของนางเย็นเฉียบด้วยความห่วงหาชายชาติทหารผู้นั้นสุดดวงใจ

เรียวปากพึมพำเฝ้าอธิษฐานต่อพระโพธิสัตว์และเหล่าเทพเซียนบนสวรรค์ชั้นฟ้า ได้โปรดดลบันดาลให้ชายที่นาง ‘แอบรัก’ ปลอดภัยด้วยเถอะ

“เป็นที่โปรดปรานของไทเฮาแล้วอย่างไรเล่าท่านแม่ มันไม่มีความหมายอะไรเลยในเมื่อท่านอ๋องที่เคยรูปงามกลายเป็นคนตาบอด ใบหน้ามีแผลเป็นอัปลักษณ์กว่าครึ่งซีก แถมยังขาหักอีกด้วย ข้าไม่อยากได้สามีเป็นคนพิการน่าขายหน้า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะถอนหมั้น!”

หวงหลัวน่ายื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด แผดเสียงดังลั่นไปทั้งจวน ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกจากห้องพลางกระแทกส้นเท้าลงกับพื้นอย่างคุณหนูที่ถูกตามใจจนเคยตัว

แต่ทว่า...

บานประตูที่เปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของบิดากลับทำให้นางต้องอ้าปากค้าง ก้าวถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น

“ทะ...ท่านพ่อ”

“ยังเห็นว่าข้าเป็นพ่อของเจ้าอยู่หรือ!”

น้ำเสียงทุ้มกังวานกึกก้องเต็มไปด้วยอำนาจ ร่างสูงยืนเหนือบุตรสาวอย่างคุกคาม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราเขม็งเครียด

หวงเจียงสงขุนนางระดับสูงมีชื่อเสียงในเรื่องความยุติธรรม เฉลียวฉลาด ไต่เต้าจนได้ดำรงตำแหน่งสำคัญตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มฉกรรจ์ วางรากฐานทางการเมืองและพรรคพวกในวังไว้อย่างแน่นหนา เมื่อย่างเข้าสู่วัยชราจึงกลายเป็นขุนนางระดับอาวุโสที่ได้รับการเคารพนบนอบจากทั่วทุกสารทิศ

เพราะกรำงานหนักจึงได้ปล่อยให้เรื่องในจวนอยู่ภายใต้การดูแลของฮูหยินผู้เป็นภรรยาเอก และนั่นคือสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต เพราะฮูหยินหวงเป็นคนไม่เด็ดขาด อีกทั้งยังตามใจบุตรธิดาจนเสียผู้เสียคน

“ท่านพี่ได้โปรดใจเย็นก่อน หลัวเอ๋อร์ก็แค่วู่วามอย่างเด็กสาวทั่วไปเท่านั้น”

“เด็กสาวทั่วไปงั้นเหรอ นางผ่านพ้นวัยปักปิ่นมาหลายฤดูแล้ว นี่เจ้ายังมองว่านางเป็นเด็กสาวงั้นเหรอ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกตามใจนางเสียที หา!”

“ขะ...ข้า”

ฉินเซิงผู้เป็นภรรยาถึงกับละล่ำละลักราวกับติดอ่าง ก่อนจะก้มหน้างุดอย่างไม่อาจหาข้อแก้ต่างให้ตนเองได้ ด้วยปกติก็เป็นคนไม่มีปากเสียง ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับสามีที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวน

“เก็บเสื้อผ้า! พรุ่งนี้เจ้าต้องเดินทางไปยังจวนสกุลซุน ไปดูแลท่านอ๋องสิบเอ็ดในฐานะคู่หมั้น ห้ามทำให้ข้าขายหน้าเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าอย่าหาว่าพ่อคนนี้ใจร้าย”

พูดพลางยื่นมือไปบีบที่ไหล่ของบุตรสาว บีบแรงจนใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเหยเก กระนั้นนางกลับไม่กล้าร้องออกมาสักแอะ เพราะรู้ดีว่าบิดาเป็นคนดุเพียงใด

“ฟางเหม่ย...”

“เจ้าค่ะใต้เท้า”

สาวใช้ที่นั่งตัวเล็กลีบอยู่มุมห้องรีบปราดเข้ามาใกล้ๆแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นนายด้วยความนอบน้อมทันที ขุนนางเฒ่าเจียงสงปล่อยมือจากไหล่บุตรสาวก่อนจะหันมามองใบหน้างดงามของสาวใช้ตรงหน้า

ใบหน้าขึ้งเคียดผ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด สาวใช้ผู้นี้เขาเห็นนางมาตั้งแต่ยังตัวแดงๆ อยู่ในห่อผ้าเก่าคร่ำคร่า มีคนนำนางมาทิ้งไว้ที่หน้าจวนสกุลหวงในช่วงก่อนใกล้รุ่ง โดยในห่อผ้ามีชื่อแซ่ของนางเขียนเอาไว้ด้วยตัวหนังสือยึกยือจนแทบอ่านไม่ออก

‘จงฟางเหม่ย’

เขาเป็นผู้พบและอุ้มนางกลับเข้าจวนมาตั้งแต่บัดนั้น

แรกทีเดียวเจียงสงตั้งใจจะรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เพราะตอนนั้นสกุลหวงยังไม่มีบุตรสาว แต่ถัดจากนั้นไม่นานจ้าวฉินเซิงฮูหยินเอกก็ตั้งท้องและคลอดหลัวน่าออกมา

แน่นอนว่าตระกูลจ้าวของฮูหยินเอกไม่เห็นด้วยที่เขาจะรับเด็กคนนี้เข้ามาร่วมสายสกุล เขาในตอนนั้นไม่อาจทัดทานคำห้ามปรามของผู้ใหญ่ทั้งฝั่งเขาเองและฝั่งภรรยา อีกทั้งยังติดพันงานราชการจึงปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในการดูแลของฮูหยินเอก

ท้ายที่สุดเด็กสาวผู้นี้จึงเติบโตขึ้นมาเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น

เป็นสาวใช้ที่แตกต่างจากสาวใช้คนอื่นๆ ในจวนสกุลหวงโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา กิริยามารยาท และการวางตัว

หากนางได้เป็นบุตรสาวของเขา...

เขาอาจไม่ต้องเหนื่อยใจอย่างเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้

“ฟางเหม่ยข้าฝากดูแลหลัวเอ๋อร์ด้วย ในบรรดาสาวใช้ทั้งหมดก็เห็นจะมีแต่เจ้าที่ข้าพอจะวางใจได้”

“เจ้าค่ะใต้เท้า”

พูดจบแล้วขุนนางสูงวัยก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เสียงกรีดร้องโวยวายของบุตรสาวเพียงคนเดียวดังไล่หลังตามมาอย่างอิดหนาระอาใจ