ตอนที่ 8
สตรีโฉมสราญนางหนึ่งเดินเข้ามาในศาลพร้อมสาวใช้ ภายนอกมีองครักษ์รออยู่หลายคน สตรีนางนั้นสวมเสื้อคลุมยาวและเปียกปอนไปทั้งตัว
"องค์หญิง...ภายนอกฝนตกหนัก พวกเราคงต้องพักที่ศาลนี้สักครู่นะเพคะ"
"อื้ม...ข้าจะขอไหว้เจ้าแม่ก่อน"
สตรีนางนั้นถอดผ้าคลุมที่เปียกปอนออก เผยให้เห็นใบหน้าหวานซึ้งงดงาม ทว่ากลับซีดเซียวไร้สีเลือด นางยังไอออกมาอีกหลายที สาวใช้เข้ามาจับแขนนาง
"องค์หญิง..."
"ข้าไม่เป็นอันได เจ้าถอยไปรอด้านนอกก่อน"
"เพคะ..."
สาวใช้เดินออกไปนอกศาล สตรีโฉมงามมาคุกเข่าไหว้เจ้าแม่ ฉีลู่กับเสี่ยวเซี่ยได้เห็นหน้านางชัด ๆ ก็อดตกใจไม่ได้
"องค์หญิง...ไยนางหน้าเหมือนท่านเล่าเพคะ"
"นั่นสิ...ไยนางหน้าตาเหมือนข้าเช่นนี้"
ฉีลู่จับจ้องมองสตรีสูงศักดิ์นางนั้น และเดินมามองใกล้ ๆ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือน ได้ยินสตรีนางนั้นกล่าวว่า
"ข้าแต่เจ้าแม่หนวี่วา..."
"ห๊ะ!...นี่คือเจ้าแม่หนวี่วาหรือ"
ฉีลู่พึมพำแล้วคุกเข่าลงไหว้เจ้าแม่ข้าง ๆ สตรีนางนั้น
"...ตัวข้าเป็นธิดาคนโตของแคว้นฝานหรง (繁榮) ด้วยน้องชายเพียงคนเดียวของข้ายังเด็กนัก...เพิ่งอายุ 13 ปี ข้าจึงต้องแบกรับภาระบ้านเมือง บัดนี้บ้านเมืองเราต้องเผชิญกับปัญหามากมาย แม้ข้าจะเป็นสตรี...ก็ไม่เคยเกี่ยงงอนแบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ แต่ตัวข้ากลับอ่อนแอ ร่างกายเหมือนเทียนไขที่ใกล้ดับ..."
องค์หญิงผู้นั้นร้องไห้ออกมา ฉีลู่หันมามองและนึกสงสาร
"...ข้าไม่รู้ควรทำฉันใด จึงจะช่วยแคว้นและชาวประชาไม่ให้ต้องลำบากจากภัยสงครามและความอดอยาก ขอเจ้าแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์...ได้โปรดยืดอายุให้ข้าได้ยืนยาวอีกสัก 5 ปี รอให้อนุชาของข้าเติบใหญ่พอจะช่วยบ้านเมืองได้ ข้าขอวิงวอน...เจ้าแม่ได้โปรดช่วยข้าด้วย"
องค์หญิงก้มกราบทั้งน้ำตา ฉีลูสงสารนางจับใจ จึงปรากฏร่างออกมา
"เอ๊า!....องค์หญิง ไยจึงเผยตัวเช่นนี้เล่า"
เสี่ยวเซี่ยไม่คิดว่าจู่ ๆ ฉีลู่จะคลายเวทย์เผยตัว นางจะคลายบ้าง แต่ฉีลู่หันไปส่ายหัวให้ เสี่ยวเซี่ยจึงยังคงกำบังตนต่อไป
องค์หญิงเงยหน้าจากกราบเจ้าแม่ เห็นฉีลู่ยืนอยู่ก็ตกใจ ลุกขึ้นถามนางเสียงสั่น
"เจ้า...เจ้าคือผู้ใดกัน"
"ข้าผ่านเข้ามาหลบฝน และคิดค้างคืนที่นี่ เมื่อครู่ได้ยินที่เจ้าพูดคุยกับเจ้าแม่...ก็เลยออกมาดู"
"เจ้าแอบฟังข้าหรือ"
"ไยข้าต้องแอบฟัง ข้าเข้ามาอยู่ก่อนเจ้านานแล้ว"
องค์หญิงมองฉีลู่ที่หน้าตาคล้ายตน ก็นึกแปลกใจ
"ช่างน่าประหลาดนัก ไยแม่นางผู้นี้จึงละม้ายข้าเช่นนี้ ราวกับข้าส่องกระจกมองตนเองก็ไม่ปาน นางเป็นใครกันนะ..."
ฉีลู่ได้ยินเสียงความคิดนาง ก็บอกไปว่า
"หน้าเราสองคนละม้ายกันดังฝาแฝด ขอถามนามท่านจะได้หรือไม่"
"ข้าชื่อฉีลู่...เป็นองค์หญิงของแคว้นฝานหรงนี้"
"อะไรนะ...เจ้าก็ชื่อฉีลู่หรือ"
องค์หญิงพยักหน้า
"ประหลาดจริง ข้าก็ชื่อฉีลู่เช่นกัน ข้าเป็นองค์หญิงจากหนันไห่"
"หนันไห่...ท่านมาจากแคว้นทางใต้หรือ ท่านมาทำอันใดที่นี่"
"บอกตามตรงนะ...ข้าหนีออกจากบ้านมา ข้าทำความผิด...เสด็จพ่อจะจับข้าขังไว้ที่เจดีย์เทียนคง"
"ห๊า!...เจดีย์เทียนคง ที่อยู่บนสรวงสวรรค์นะหรือ"
ฉีลู่พยักหน้า องค์หญิงไม่เชื่อก็หัวเราะออกมา
"เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ"
"ขออภัย...ข้าไม่อาจเชื่อท่านได้ มนุษย์จะขึ้นไปบนสวรรค์ได้อย่างไร ต่อให้เป็นฮ่องเต้...ก็ไม่อาจขึ้นไปได้"
"ข้าขึ้นได้นะ...ขึ้นไปหลายครั้งแล้วด้วย"
"แม่นาง...ท่านอย่าล้อเล่นเช่นนี้เลย สวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาพูดเล่นสนุกปากได้นะ"
"ข้าไม่ได้โกหกเจ้าจริง ๆ นะ ข้าเคยขึ้นไปบนสวรรค์แล้วจริง ๆ ซ้ำยังไปทั้งครอบครัวด้วย เพราะเสด็จพ่อของข้าคือเจ้าสมุทรหนันไห่"
"อะไรนะ...เช่นนั้นท่านก็เป็นธิดาเจ้าสมุทรน่ะสิ"
"ใช่...ข้าคือธิดาเจ้าสมุทร"
ฉีลู่พูดจบก็คืนร่างเป็นมังกรให้ดู องค์หญิงตกใจอ้าปากค้าง
"เชื่อหรือยัง..."
นางพยักหน้าเบา ๆ ฉีลู่ก็แปลงกลับมาเป็นมนุษย์
"มังกรหรือ...นับเป็นวาสนาที่ข้าได้พบมังกรก่อนตาย"
องค์หญิงไอออกมาชุดใหญ่ นางเอามือปิดปาก พอเอามือออก ก็เห็นเลือดติดอยู่ที่ฝ่ามือ สีหน้านางที่ซีดอยู่แล้ว กลับซีดลงไปอีก
ฉีลู่เห็นเลือดสด ๆ บนมือองค์หญิงก็ตกใจเช่นกัน องค์หญิงกำมือน้ำตาไหล
"เลือด...ไยเจ้าจึงมีเลือด เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือ"
ฉีลู่ถามอย่างเป็นห่วง องค์หญิงใบหน้าซีดเซียว รู้ว่าชีวิตตนคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
"ข้าเป็นโรคร้าย ร่างกายอ่อนแอ หมอหลวงบอกว่า หากข้าไอเป็นเลือดเมื่อไร นั่นหมายถึงว่า...ชีวิตข้าใกล้ถึงวาระสุดท้ายแล้ว"
องค์หญิงร้องไห้น่าสงสาร
"หมอรักษาไม่ได้หรือ"
"ไม่ได้...ข้ากินยามานาน เสด็จพ่อหาหมอทั้งแผ่นดินมารักษาข้า แต่ทำได้เพียงประทังชีวิตเท่านั้น"
"อะไรกัน...หมอในแดนมนุษย์ช่างไร้ฝีมือนัก เจ้าไปกับข้า...ข้าจะพาเจ้าไปให้หมอบนสวรรค์รักษาเอง"
ฉีลู่จับมือองค์หญิงจะพานางออกไป แต่นางกลับดึงแขนห้ามฉีลู่ไว้
