บทย่อ
สวี่ซือเหยาเป็นคุณหนูที่แสนโง่งม ที่ถูกแม่เลี้ยงจัดฉากให้เสียกับบุรุษต่ำต้อย นางเดินตามเส้นเรื่องเหมือนคนโง่ที่ไร้สมอง เมื่อเดินทางมาถึงจุบจบของชีวิตจึงได้รู้ว่า ตัวเองเป็นเพียงตัวประกอบอย่างน้องสาวตัวร้ายในนิยายเท่านั้น แต่แล้วสวรรค์เหมือนจะเห็นใจตัวประกอบไร้ค่าอย่างนาง ถึงได้ให้นางกลับมาแก้ไขอดีต ในเมื่อนางหวนคืนกลับมาแล้ว นางเอกของเรื่องก็อย่าฝันว่าจะได้โจวเยี่ยนเฉินสามีนางไปครอบครอง เพราะตอนนี้นางมีความคิดเป็นของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีนักเขียนบงการจากปลายปากกา ต่อไปนี้นางจะสร้างครอบครัวของนางเองด้วยสองมือและหัวใจ ส่วนพี่ชายที่เป็นตัวร้ายเมื่อต้นเหตุคือตัวนางเอง ฉะนั้นหากนางไม่ตายพี่ชายที่แสนดีของนางก็จะไม่กลายเป็นตัวร้าย เส้นทางชีวิตของสวี่ซือเหยาจะเป็นอย่างไร ติดตามในเรื่อง ชาติใหม่ข้าจะไม่หวนคืนชะตาเดิม ได้เลยเจ้าค่ะ
บทนำ ขอทานสกปรกที่ถูกรังเกียจ 1
สองข้างทางเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ถนนทุกเส้นในเมืองหลวงถูกประดับประดาเพื่อฉลองชัย โคมไฟสีแดงติดเรียงรายเป็นทิวแถว ประกาศผลงานอันยิ่งใหญ่ที่จวิ้นอ๋องนำกลับมา
กระถางดอกไม้ถูกนำมาตั้งเรียงตั้งแต่หน้าประตูวังกระจายออกไป เสมือนเกียรติยศที่กำลังเบ่งบานชูช่อ เสียงชื่นชมยินดีและสรรเสริญดังแซ่ซ้องไปทุกหัวมุมเมือง
ช่างแตกต่างจากตัวนางในตอนนี้เสียจริง…
สตรีร่างผอมแห้งแทบเหลือแต่หนังติดกระดูก เดินโซเซเจียนล้มทุกย่างก้าว ดวงตาว่างเปล่าเหมือนปลาตาย สวี่ซือเหยาเป็นถึงคุณหนูสกุลสวี่ บิดาเสนาบดีมีจวนใหญ่โตโอ่อ่า มีเบี้ยเลี้ยงให้ใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยทุกวัน
แต่ตอนนี้นางมีสภาพไม่ต่างจากขอทานคนหนึ่ง หรือบางทีขอทานอาจมีสภาพดูดีกว่านางด้วยซ้ำ ผิวที่เคยเนียนนุ่มแห้งแตกด้วยไม่ได้รับการดูแลอย่างเก่า ริมฝีปากแห้งผากคล้ายเอาทรายมาทาเคลือบ สีหน้าเศร้าหมองเกินทนดูได้
ตอนนี้นางเป็นเพียงหญิงบ้าเสียสติที่ได้แต่เดินเตร่ไปมาด้วยหัวใจล่องลอย และสวี่ซือเหยาหวังว่ามันจะหลุดลอยไปจริง ๆ ในสักวัน ดวงใจของนางแตกสลายไม่มีชิ้นดี หากแหลกลาญเป็นผุยผงเสียวันนี้เลยคงดีกว่า
ชีวิตคุณหนูสกุลสวี่เคยดีกว่านี้มาก นางเคยมีเสื้อสวย ๆ ใส่ มีปิ่นปักผมหลายอัน มีสาวใช้คอยติดตามดูแล
เรื่องนี้มันผิดพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แม้จะเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ผิดพลาด แต่นางก็เต็มใจอยู่กับเขาในภายหลังมิใช่หรือ หรือว่านี่เป็นทัณฑ์สวรรค์ ที่ลงโทษนางเพราะบันดาลโทสะกับเขาในคราวแรก
หนักหนาไปหรือไม่กับสิ่งที่ข้าสูญเสีย
นางกลายเป็นหญิงบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เสียสามี หรือตอนที่เสียลูกไปกัน…
สวี่ซือเหยาไม่เข้าใจ ดวงตาหงส์เลื่อนลอยไม่เหลือประกายใด ๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันเป็นก้อนจากการที่ไม่ได้สางมานาน เสื้อที่ขาดแหว่งและมองไม่ออกว่าอดีตมันเคยเป็นสีอะไรมาก่อน สภาพของนางยามนี้น่าสมเพชจนสุนัขยังไม่กล้าเห่าไล่ แล้วเสียงเฮโลก็ดังขึ้น เมื่อคนที่อยู่นอกสุดมองเห็นธงที่ปักตราประจำแคว้นเคลื่อนขบวนมาแต่ไกล เขาตะโกนบอกต่อกันเป็นทอด ๆ ว่า จวิ้นอ๋องมาถึงแล้ว!
ผู้คนเบียดเสียดเดินมุ่งไปยังถนนสายหลัก หลังได้ยินเสียงแตรเป่าเป็นสัญญาณ ฝูงชนแน่นขนัดจนดันสวี่ซือเหยาให้เคลื่อนตัวไปตามคลื่นมนุษย์นั้น ขบวนเสด็จของจวิ้นอ๋องที่กลับมาจากชายแดนดูยิ่งใหญ่สมความดีความชอบที่ได้กระทำ ชัยชนะหลายต่อหลายครั้งได้มาเพราะเขาคนนี้จนจวิ้นอ๋องได้ฉายาว่าเทพสงคราม
ศัตรูที่ว่ามีการป้องกันแน่นหนาล้วนแตกพ่ายไปเพราะแผนการอันแยบยลของเขา
คนยังดันกันออกมาด้านหน้ามากขึ้น แต่สภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าขอทานนี้ทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ พวกเขาต่างผลักไสนางให้ออกห่าง ทำสีหน้ารังเกียจอย่างโจ่งแจ้ง เพราะไม่มีใครสนใจหรือเอาเรื่องหากรังแกสตรีวิปลาสผู้นี้
"เกะกะจริง หลบไป"
"อย่ามาเบียดข้าสิ นางคนสกปรกนี่"
"ทำไมนางมาอยู่ที่นี่ได้ ไล่นางไปเลยนะ"
สารพัดเสียงขับไล่ไสส่งดังผสมโรงกันจนนางคร้านจะฟัง ได้ยินมาบ่อยเสียจนความขมขื่นนี้ชินชาไปเสียแล้ว สวี่ซือเหยาประคองร่างตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล เดินสวนทางกับผู้คนที่มุ่งหน้ามายังถนนสายหลักนี้
"จวิ้นอ๋องใกล้มาถึงหรือยัง ข้ายอมทิ้งร้านเพื่อมาดูเขาท่านเลยนะ"
"พึ่งผ่านประตู อีกเดี๋ยวคงถึงแล้ว"
"ชื่นชมบุรุษอื่นออกนอกหน้าปานนี้ สามีเจ้าไม่ทำไหน้ำส้มแตกหรือ"
"เขาน่าชื่นชอบยิ่งกว่าข้าเสียอีก เอาความมุ่งมั่นเป็นแบบอย่างเชียวล่ะ"
"คราวนี้สงบศึกหรือปราบปรามสำเร็จ มีใครได้ยินข่าวบ้าง"
"ไม่ใช่จะติดประกาศแจ้งพรุ่งนี้หรอกหรือ"
บทสนทนาที่เต็มไปด้วยความสงสัยใครรู้ ดังมาจากทุกตรอกซอกซอย แต่สวี่ซือเหยาหาได้สนใจไม่ นางแค่อยากไปจากตรงนี้แต่ฝูงชนที่เบียดเสียดกันมาเหมือนไม่เข้าใจผลักไสนางแต่ก็ไม่เปิดทางให้ได้ไปไหน นางอยากออกไปจากที่แออัดแห่งนี้เต็มทน
ผู้ถือธงรบของแคว้นยิ่งใกล้มาถึงตรงนี้แล้ว สวี่ซือเหยาเห็นผืนธงโบกสะบัดอย่างชัดเจน ขบวนอาชาของทหารม้าเดินย่ำเปิดทาง กลองรบที่ได้พักหลังศึกสงบแล้วถูกตีด้วยความฮึกเหิม เพื่อประกาศชัยชนะให้เป็นประจักแก่ชาวบ้านที่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง ชายผู้หนึ่งถูกนางยืนขวางทางก็ผลักอกออกอย่างแรงจนหญิงสาวหน้าคะมำอย่างไม่ทันตั้งตัว
พอดีกับที่ม้าของจวิ้นอ๋องวิ่งมาถึง มันตกใจร้องลั่น ยกขาหน้าขึ้นด้วยอาการตื่นตระหนก กระทั่งเหยียบศีรษะนางไปโดยไม่ตั้งใจ
ทุกอย่างเงียบลงฉับพลัน ก่อนดังเซ็งแซ่ขึ้นมาราวกับเสียงฝูงนกกระพือปีก เสียงกรีดร้องอย่างสยดสยองดังหวีดขึ้นจนเป็นคลื่นส่งไปถึงคนรอบ ๆ
"มีคนตาย!"
"ตายแน่หรือเปล่า!?"
"นั่นหญิงบ้าคนนั้นใช่ไหม!"
"คุณพระช่วย!"
ผู้ที่ตกอกตกใจและแสดงความเห็นใจออกมา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชราที่ผ่านโลกมามาก ชายคนนั้นที่ผลักขอทานสปรกถูกประณามทางสายตาในทันทีจนต้องรีบเดินหนีหลบไป แต่การทำให้ขบวนเสด็จหยุดชะงักเป็นคนละเรื่องกัน
หากสวี่ซือเหยาเป็นผู้ไม่หวังดีที่ตั้งใจก่อกวนขึ้นมา คงถูกบั่นคอในทันที แต่เห็นสภาพของหญิงสาววิปลาสผู้นี้แล้วพวกเขาก็ปัดตกความคิดที่ว่านั่นไป
สวี่ซือเหยาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองมาอยู่ตรงนี้ รู้เพียงว่าสติเริ่มเลือนรางลงเต็มที ทั้งมึนหัวและวิงเวียนจนแรงจะพยุงตัวให้ลุกขึ้นยังไม่มี
เสียงเอะอะโวยวายดังอยู่พักหนึ่ง ก็มีพลทหารมาลากร่างนั้นออกไปไม่ให้เป็นที่ระคายสายตา สวี่ซือเหยาถูกดึงขึ้นจากพื้นอย่างไม่สนว่าจะเป็นหรือตาย
ร่างกายที่ทรุดโทรมจากอาการป่วยสะสมทำให้นางกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เปรอะเปื้อนจนย้อมชุดมอมแมมให้กลายเป็นสีชาด หญิงวิปลาสที่พวกชาวบ้านพากันเรียกหมดลมหายใจไปในทันที
กลายเป็นเพียงร่างติดกระดูกที่ถูกหิ้วไปมาอย่างน่าเวทนาเกินจะทนดู
"อะไรเนี่ย น่าขยะแขยงจริง" พลทหารนายหนึ่งเอ่ยออกมาทั้งแสดงสีหน้ารังเกียจชัดเจน

