ตอนที่ 4 ได้ออกจากกรงแล้ว
แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้งเชื่อฟัง อึดอัดเป็นที่สุด
นางจึงเฝ้ารองานมงคลด้วยใจจดจ่อพร้อมกับบำรุงร่างกายที่บอบบางนี้ไปด้วย
ฉึก!!! ใบมีดถูกเหวี่ยงปักบนต้นไม้ หวังชิงหว่านยิ้มมุมปาก พลังแขนเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาได้บ้างแล้ว
และในที่สุด!! ก็มาวันแต่งงานความอดทนนี้ได้สิ้นสุดเสียที
นางเป็นเพียงบุตรอนุ งานแต่งจึงไม่ได้มีพิธีการมากนักทันทีที่นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็นับว่านางเป็นของตระกูลเซียวแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นพร้อมเสียงคนตะโกน “เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว”
สักพักก็มีคนมาเตะเกี้ยวหลังจากนั้นม่านเกี้ยวก็ปัดออก มือของบุรุษผู้หนึ่งยื่นเข้ามาประครองนางลงจากเกี้ยว หลังพิธีคำนับเสร็จพวกนางก็ถูกพาเข้าไปในห้องหอ ผ้าคลุ่มศีรษะของนางถูกเจ้าบ่าวดึงออกเบื้องหน้าของนางจึงสว่างวาบขึ้นมา มาตอนนี้หวังชิงหว่านพึ่งได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวชัด ๆ ครั้งแรก ขณะนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเข้ามาจัดแจงให้นางดื่มสุราคล้องแขน หลังเสร็จพิธีก็เหลือเพียงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว
ชายหนุ่มนั่งเงียบมองหน้านางอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มพูดเสียงเบา “เจ้าอยากจะล้างหน้าสักหน่อยหรือไม่ หิวหรือเปล่า...”
หวังชิงหว่านก้มหน้าลงกล่าว “ข้ารู้สึกหิวอยู่บ้าง”
เซียวอี้หยางยิ้มกว้าง “เจ้ารอข้าสักครู่”หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวดออกไป หวังชิงหว่านหลุดยิ้มกับท่าทีอีกฝ่าย นางยกมือขึ้นปลดเครื่องประดับบนหัวออกขณะนั้นก็ปรายตาสำรวจดูห้องหอ นางอมยิ้มไม่แปลกที่หวังชิงหว่านจะยอมเสี่ยงชีวิตเรียกร้อง เครื่องเรือนห้องนี้ยังเทียบไม่ได้กับเรือนบุตรอนุอย่างนาง หญิงสาวทอดถอนใจ
เซียวอี้หยางกลับมาพร้อมกับโจ๊กถ้วยหนึ่ง เขาวางมันบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น “น้องหญิง...เจ้ารีบมาทานเถอะโจ๊กกำลังร้อน ๆ”
หวังชิงหว่านวางของในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งบนเก้าอี้ พลางชำเลืองมองเซียวอี้หยางที่ดูกำลังประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มเห็นสายตาของอีกฝ่ายจึงเอ่ยพูด
“ข้าเห็นว่าน้องหญิงไม่มีสาวใช้มาด้วย อีกอย่างน้องหญิงก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่...ข้าคิดว่าข้าไปเอามาให้น่าจะดีกว่า”
หวังชิงหว่านกลืนโจ๊กคำเล็ก ๆ ลงคอแล้วพูดขึ้น “ท่านพี่ไม่ทานด้วยกันหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอ่อนหวานแววตาที่จ้องมองมางดงามเปี่ยมเสน่ห์แทบจะกระชากวิญญาณเซียวอี้หยางให้หลุดลอย ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอแล้วพูดขึ้นสั้นๆ “น้องหญิงทานเถอะ...ข้าไม่หิว...”
ภายในใจของหวังชิงหว่านสั่นไหวขึ้นมา นางคลี่ยิ้มบางแล้วทานโจ๊กต่อ คืนนี้เป็นคืนเข้าหอ นางไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสา ย่อมรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น นางไม่คิดจะขัดขืนหรือดึงดันต่อต้านอะไรเพราะอย่างไรนี่ก็เป็นการแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณี ยิ่งในยุคที่นางจากมาความสัมพันธ์ร่างกายไม่สำคัญเท่าชีวิตนางไม่คิดถือสาเรื่องพวกนี้
ตระกูลเซียวเป็นตระกูลเล็ก ๆ แขกส่วนใหญ่กลับไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ เซียวอี้หยางจึงไม่จำเป็นต้องออกไปรับแขกอีกในขณะที่หวังชิงหว่านทานโจ๊กชายหนุ่มก็เดินไปยังฉากกั้นปรับเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากทานโจ๊กจนหมดหวังชิงหว่านก็ลุกขึ้นตั้งใจจะเอาถ้วยไปเก็บ เซียวอี้หยางเดินออกมาจากฉากกั้นพอดีก็เอ่ยขึ้น “น้องหญิงปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถอะ ข้าจะไปเก็บเอง”
ความเอาใจใส่เอาใจอย่างกระตือรือร้นของอีกฝ่าย สร้างความประทับใจให้หวังชิงหว่านไม่น้อย นางพยักหน้าขอบคุณด้วยแววตาหวานล้ำทำให้เซียวอี้หยางแทบคลั่งกับฮูหยินคนงามของตนเอง
หวังชิงหว่านมองตามหลังชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ไปจัดการข้าวของและสินเดิมของตนเอง นางไม่ใช้สาวใช้ติดตามมาด้วยเพราะอย่างไรสองคนนั้นก็เป็นคนเองของสวีเพ่ยอีกอย่างนางก็ไม่ใช่หวังชิงหว่านตัวจริงจะต้องมีสักวันที่ถูกจับผิดสังเกต
มาที่นี่ นับว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตของนางจริง ๆ เสียที
