ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ

101.0K · จบแล้ว
ประดับดิน
70
บท
26.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จิตสุดท้ายก่อนจะสิ้นสติ ถังชิงหว่านตำรวจหน่วยพิเศษขอพรให้ชาติหน้าได้มีโอกาสใช้ชีวิตสงบสุขบ้าง ได้เกิดใหม่ในร่างสาวงามมีเงิน มีครอบครัว ทุกอย่างเหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

นิยายจีนโบราณสายลับนางเอกเก่งนักวรยุทธเกิดใหม่ปลูกผักจีนโบราณโรแมนติกพระเอกเก่งคนธรรมดา

ตอนที่ 1 ตัดพ้อสวรรค์

ภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ!!

เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง เรือเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ถังชิงหว่านไม่ทันได้ไตร่ตรองหาวิธีเอาตัวรอด แรงกระแทกทำให้ร่างของเธอตกลงไปท้องทะเล แม้เธอจะว่ายน้ำเก่งแค่ไหนน้ำแต่อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้เธอไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

หลังจากประเมินสถานการณ์ ถังชิงหว่านก็ไม่หาคิดวิธีรักษาชีวิต เธอสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว

ทำงานด้านนี้เธอย่อมไม่เคยหวาดกลัวความตาย

ตายไม่เสียดาย แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ใช้เงินเก็บเหล่านั้น เดิมคิดว่าอีกสักสี่ห้าปีจะลาออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยวใช้เงินอย่างซ้อในบาร์โอสต์ซื้อความสุขโดยไม่เสียดาย

แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

ก่อนจะสิ้นสติถังชิงหว่านยังตัดพ้อสวรรค์ เธอทำงานด้านความมั่นคงให้คนอื่นได้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ทำความดีมากมายขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง หวังว่าชาติหน้าสวรรค์จะชดเชยจุดนี้ให้เธอสักเล็กน้อย

จากนั้นความมืดก็จู่โจมเข้ามา ไม่ทันได้เจ็บปวดมากนัก

ถังชิงหว่านก็หมดสติไป

ณ จวนเสนาบดีหวัง

เรือนเล็ก ๆ แทบจะอยู่ท้ายจวนเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งนอนไร้สติอยู่บนเตียง หมอวัยชราดึงมือออกจากจุดชีพจรสีหน้าดูเคร่งเครียด อนุหลิวลอบมองด้วยใจตื่นตระหนก

“เป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินหวังเอ่ยถามหมอจ้าวด้วยน้ำเสียงกังวล

“เรียนหวังฮูหยินคุณหนูเจ็ดถูกไอเย็นอย่างหนัก ชีพจรอ่อนแรง ทว่าหากผ่านคืนนี้ไปได้จึงจะนับว่าปลอดภัยขอรับ”

อนุหลิวฟังคำกล่าวนี้แฝงนัยว่าเด็กสาวคนนี้คงมีชีวิตไม่พ้นคืนนี้ ด้วยสีหน้าซีดเซียวไร้วาจา หวังฮูหยินภายในแม้จะไม่เสียใจแต่ใบหน้าก็ยังแสดงความเศร้าโศก กล่าวขอบคุณหมอจ้าวจากนั้นก็หันไปสั่งงานบ่าวไพร่ ให้จัดการสิ่งที่ควรจัดการ อะไรที่จะต้องเตรียมก็ต้องเตรียมเสีย แล้วค่อยมาปลอบอนุหลิวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าผิดเอง...ข้าไม่ควรบีบคั้นนาง” อนุหลิวส่ายหน้าก้มหน้าสะอื้นร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เป็นลมหมดสติ หวังฮูหยินจึงเรียกคนให้มาพานางกลับไปพักที่เรือน

นับว่าหมอจ้าวกล่าวไม่ผิด คืนนี้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งวิญญาณของถังชิงหว่านได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว...เหลือเพียงร่างกายที่ยังมีลมหายใจแผ่วเบา ในช่วงเสี้ยววินาทีก็มีวิญญาณหนึ่งเข้ามาพร้อมกับขุมพลังสายหนึ่งปรับให้ลมหายใจแผ่วเบากลับมาเต้นเป็นจังหวะอย่างมั่นคงอีกครั้ง

ถังชิงหว่านค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาจากความมืดมิดพร้อมความทรงจำที่เหมือนไม่ใช่ของเธอผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน

สาวใช้ไป๋ถิงที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงเห็นสีหน้าของเด็กสาวดีขึ้น ใจที่เศร้าโศกก็เริ่มมีความหวังนางไปปลุกไป๋ชิงที่เผลอหลับไป

“ไป๋ชิงเจ้าดูสิ คุณหนูเจ็ดน่าจะรอดแล้ว”

ยามเช้า

แสงตะวันยามเช้าทอประกายอบอุ่น แม้ว่าจะมีคุณหนูของจวนใกล้จะสิ้นลมก็ไม่ทำให้คนในเรือนใหญ่อย่างสวีเพ่ยรู้สึกหม่นหมอง นางตื่นขึ้นมาตั้งใจเรียกคนมาสอบถาม การจัดการงานศพก็ต้องประหลาดใจ

“ยังไม่ตายหรือ?”

แม่นมโจวหยักหน้าตอบ

“เจ้าค่ะฮูหยิน...ตอนนี้เหมือนจะได้สติขึ้นมาแล้ว บ่าวเลยให้คนไปตามท่านหมอจ้าวมาตรวจดูอาการ”

สวีเพ่ยหยักหน้าชื่นชมกับความละเอียดรอบคอบของบ่าวคนสติ เบื้องหลังเกลียดชังเพียงใด แต่เบื้องหน้าสวีเพ่ยก็ยังต้องแสดงการเป็นฮูหยินที่ใจกว้างมีเมตตา นางหยิบจอชาขึ้นจิบเบา ๆ ถอนหายใจพลางกล่าว

“น่าเสียดายยิ่งนัก...”