1. ชะตาหวนคืน
เรื่องบางเรื่อง พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
อย่างเช่นชะตาชีวิตของโม่ลั่วซิน
เมื่อห้าปีก่อน…
คนจากยุคปัจจุบัน ตายแล้วมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ อยู่ในร่างของคุณหนูเล็กตระกูลโม่ บุตรสาวที่ไม่เอาไหนและยังเอาแต่ใจอีกต่างหาก นางมีดีแค่หน้าตาที่งามเลิศกว่าใครเท่านั้น
เพราะเหตุนี้เอง นางจึงไปต้องตาทรราชอย่างหลี่จิ่งเทียน พระอนุชาของฮ่องเต้ และความทะเยอทะยานที่มีอยู่ในใจ ก็ได้ชักนำให้นางเกิดความคิดอยากเป็นฮองเฮา ลั่วซินจึงเลือกอยู่เคียงข้างชายผู้นี้ ร่วมวางแผนชิงบัลลังก์ โดยอาศัยความรู้จากโลกเดิมเป็นแนวทาง ช่วยให้เส้นทางแห่งความสำเร็จของเขาราบรื่นขึ้น
แม้ต้องสังหารคนไปมากมาย นางก็ยังสนับสนุนเขา
กระทั่งเขาได้ครองบัลลังก์สมใจ บางสิ่งบางอย่างก็ต่างออกไปจากเดิม ตำแหน่งที่ควรจะเป็นของนาง กลับถูกเปลี่ยนมือไปหาอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าอย่างบุตรสาวเสนาขวา
ส่วนนางได้เพียงตำแหน่งกุ้ยเฟย พ่วงท้ายว่าสนมรัก
ทว่ารักแบบใดกันเล่า เขาถึงได้อยู่คลอเคลียกับภรรยาเอกมิยอมมาหานาง ต่อมาทั้งคู่ยังมีบุตรด้วยกันอีก
ส่วนนางกลับต้องอยู่เหงาเดียวดายคนเดียวในตำหนัก และมันก็เป็นเช่นนี้อยู่ร่วมเดือน กระทั่งวันหนึ่งเขาก็มาหานาง
ค่ำคืนนั้น โม่ลั่วซินมีความสุขมาก ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงใส่ใจนางเหมือนแต่ก่อน คำพูดยังอ่อนหวาน การกระทำยังอ่อนโยน
“กินเยอะ ๆ นะ น้ำแกงนี่ข้าสั่งให้คนเคี่ยวอยู่หลายชั่วยามเลย มีส่วนผสมของยาบำรุงด้วย เจ้ากินเข้าไปแล้ว อีกหน่อยเราคงมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน” หลี่จิ่งเทียนเผยยิ้มอ่อนเหมือนเคย แต่ในแววตานั้นกลับมีบางสิ่งซ่อนอยู่ ทว่าคนที่มีความสุขกลับมิได้สังเกตอันใดแม้แต่น้อย สามีบอกสิ่งใดนางก็เชื่อฟังหมด
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” ลั่วซินยิ้มจนตาจะปิด ค่ำคืนนี้นางมีความสุขมาก และไม่ใช่แค่คืนเดียวที่มันเป็นเช่นนี้
หลี่จิ่งเทียนยังคงแวะเวียนมาหานางแทบทุกคืน จากที่ต้องทนเหงารอเขามาหา นางก็ไม่ต้องรออีกต่อไป
ทว่าผ่านไปแค่สิบวัน ความสุขที่มีก็เริ่มเจือจาง
จากที่เขามาทุกคืน กลับกลายเป็นวันเว้นวัน และแปรเปลี่ยนเป็นสามวันที ห้าวันที สิบวันที ในที่สุดก็เดือนละครั้ง
อย่างวันนี้ที่เขามา ก็มาเพียงเพื่อเอาน้ำแกงมาส่งนาง
“รีบกินเสีย ข้ายังมีงานราชการที่ต้องทำอีก อยู่กับเจ้าได้ไม่นานหรอกนะ” สุรเสียงฮ่องเต้ดูอ่อนล้านัก ไม่รู้เป็นเพราะเหนื่อย หรือไม่อยากเอื้อนเอ่ยอันใดกับนางกันแน่
“ทรงพำนักกับหม่อมฉันก่อนมิได้หรือเพคะ พระองค์ไม่ได้ค้างคืนที่ตำหนักนี้นานแล้วนะเพคะ” ลั่วซินขยับกายงดงามของตนเข้าไปออดอ้อน และมันก็เกือบจะได้ผล หากมิมีเสียงกระแอมดังขึ้นมาก่อน คาดว่าฮ่องเต้วัยยี่สิบแปดคงอุ้มนางขึ้นเตียงไปแล้ว
“ข้ามีงานรัดตัว เจ้าอย่าได้งอแง รีบดื่มน้ำแกงเสีย”
“ไม่เพคะ หากพระองค์ไม่อยู่กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่ดื่ม ปล่อยไว้เช่นนี้แหละเพคะ” ลั่วซินขยับกายหันหลังใส่เขาอย่างเอาแต่ใจ เพราะนางเชื่อว่าอีกไม่นานเขาต้องงอนง้อ
“ลั่วซินอย่าดื้อ รีบดื่มน้ำแกงเสีย” จิ่งเทียนใช้เสียงกดต่ำข่มให้นางกลัว ทว่าสนมคนงามกลับไม่ยอมเชื่อฟัง เขาขบกรามแน่นก่อนจะยื่นมือออกมาจับแขนนางพร้อมกับออกแรงบีบ
“ข้าบอกให้ดื่มน้ำแกง!” เสียงรอดไรฟันเปล่งออกมา แววตาที่เขามองนางเริ่มแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
“ฝะ…ฝ่าบาท ไยพระองค์ต้องบังคับหม่อมฉันด้วยเพคะ น้ำแกงนี้มันมีสิ่งใดแอบแฝงกระนั้นหรือ” ลั่วซินแค่แสร้งพูด
ทว่าอีกฝ่ายกลับชะงัก นำพาให้สนมตัวน้อยเริ่มมองเขาใหม่ “น้ำแกงนี่มิได้มีไว้บำรุงหรือเพคะ” นางเริ่มเค้นหาความจริง เพราะผู้เป็นสามีเคี่ยวเข็ญให้นางดื่มเหลือเกิน
พร้อมกันนั้นลั่วซินก็เริ่มนึก น้ำแกงนี้ หลี่จิ่งเทียนนำมาให้นางดื่มจะเป็นปีแล้ว และเขาก็มักจะเอามาให้ดื่มทุกวันที่ยี่สิบของเดือนเสมอ ไม่มีเลยสักครั้งที่จะช้าหรือเร็วกว่านี้
“ข้าบอกให้ดื่มก็ดื่ม อย่าถามเอาความให้มาก” จิ่งเทียนยังคงบังคับ ทว่าสนมตัวน้อยกลับยิ่งต่อต้าน
สุดท้ายเขาจึงต้องสั่งนางกำนัลจับตัวลั่วซินไว้ ก่อนจะเอาถ้วยยานี้กรอกปากสตรีที่เขาเคยพร่ำว่ารักนางเพียงคนเดียว
โม่ลั่วซินได้แต่ดื่มน้ำแกงลงไปทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาคู่สวยแม้มีก้อนน้ำใสบดบัง ทว่ามันยังคงจับจ้องที่วงหน้าของบุรุษอันเป็นที่รักไม่ยอมผละจากไปไหน
กระทั่งน้ำแกงในถ้วยหมด มันก็ถูกขว้างทิ้งลงพื้นจนแตกกระจาย ทุกคนพากันสะดุ้งคุกเข่าลงหมอบกราบในทันที
คงมีเพียงโม่ลั่วซินเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพราะนางกำลังนิ่งอึ้งกับการกระทำของเขา นี่หรือบุรุษที่นางหลงรัก บูชาและเทิดทูน ยอมกลายเป็นคนเลวเพื่อช่วยให้เขาสมหวัง แต่วันนี้ชายอันเป็นที่รักกลับข่มเหงรังแกนางเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย
“ต่อไปข้าสั่งสิ่งใดเจ้าต้องทำ” กล่าวจบ หลี่จิ่งเทียนก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองผู้ที่กำลังสะอื้นไห้สักนิด
“กุ้ยเฟย ลุกขึ้นไปเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนเถิดเพคะ ปล่อยไว้เช่นนี้จะไม่สบายเอาได้นะเพคะ” นางกำนัลคนสนิทกล่าวเตือน เพราะการดื่มน้ำแกงเมื่อครู่ ครึ่งหนึ่งมันไม่ได้ถูกกินลงไป
“ข้าทำอันใดผิด เขาถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้” เสียงสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมกับหยดน้ำใสที่เริ่มไหลริน
ทว่านางร้องไห้ยังไม่ทันไร ร่างกายที่เคยแข็งแรง กลับเริ่มร้อนผ่าวภายใน มือขาวรีบยกขึ้นมากุมท้องของตน เพราะรู้สึกปวดร้าวราวกับมีบางสิ่งทิ่มแทงอยู่ด้านใน
อึดใจต่อมานางก็กระอักโลหิต และร่วงหล่นลงจากเก้าอี้ร่างกายโม่ลั่วซินบิดไปมาอย่างทรมาน ใบหน้าเหยเกบ่งบอกถึงความเจ็บปวดสุดแสน ‘เสิ่นจินหยางนี่ท่านวางยาเอาชีวิตข้ากระนั้นหรือ’ แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส
ทว่าในหัวนางกลับคิดถึงการกระทำของพระสวามีไม่หยุด พลันดวงตาคู่สวยก็รื่นไปด้วยก้อนน้ำใส มิรู้เป็นเพราะความเจ็บปวดจากพิษที่ได้รับ หรือเป็นเพราะบาดแผลที่กำลังเกิดขึ้นในใจกันแน่ “หลี่จิ่งเทียน ไยท่านโหดร้ายกับข้าเพียงนี้” ถ้อยคำตัดพ้อเปล่งออกมาแผ่วเบานัก พอ ๆ กับลมหายใจที่รวยรินของนาง
ดวงตาคู่สวยที่เคยสดใส ยามนี้กลับมีสายธาราสีแดงสดไหลรินลงมา มิรู้เป็นเพราะพิษ หรือความเจ็บปวดมันเกาะกินใจ จึงทำให้หยดน้ำตาของนางกลายเป็นโลหิตไปได้
ประสาทสัมผัสทั้งห้าเริ่มค่อย ๆ ดับไปทีละน้อย แม้แต่เสียงร้องตื่นตกใจรอบตัว ยังเริ่มเงียบลงไปเรื่อย ๆ
ในที่สุด ทุกอย่างก็ดับวูบลง…
และนั่นคือชาติภพหลังจากเกิดใหม่ในร่างนี้
ทว่านางไม่ทันได้เสวยสุขอย่างเต็มที่
ลั่วซินกลับต้องมาตายเพราะน้ำมือคนรักเสียก่อน
แต่ครานี้กลับต่างไป นางมิได้เกิดใหม่เหมือนคราวก่อน นางเพียงแต่ย้อนอดีตกลับมายังช่วงที่เพิ่งเจอกับรุ่ยอ๋อง
และนี่คือโอกาสดีที่นางจะได้เปลี่ยนชะตาตนเอง ไม่ให้ตนเกี่ยวข้องกับบุรุษใจร้ายผู้นั้น จากนี้นางจะไม่ใส่ใจเขาอีก
กดใจ กดเก็บเข้าชั้นไว้นะคะ จะได้ไม่พลาด
sds
