Ep 6 ทำร้ายกันอีกแล้ว
ห้องฝั่งซ้ายของตำหนักบูรพาของจวนตระกูลหลี่ ซึ่งอยู่เยื้องๆ จากห้องของหลี่อ๋อง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าออกทุกครั้งก็ย่อมต้องผ่านหน้าห้องของเธอ แต่มันก็ไม่มีเลยแม้แต่สักครั้งที่เขาคิดจะแวะมาเยี่ยมเยียนเธอบ้างแม้แต่ครั้ง ในฐานะสวามี แต่ก็ไม่เลย นี่ผ่านมาก็จวนจะสิบกว่าวันได้แล้ว
“ไทฮองไทเฮาเสด็จ” เสียงของขันทีประจำพระวรกายของไทฮองไทเฮาดังขึ้น ก่อนที่เว่ยอิงจะรีบลุกไปเปิดประตูต้อนรับ
ส่วนฟางหลงเฟิงเองก็พยุงตัวเองลุกขึ้นเดินออกมาด้านหน้าตำหนัก ก่อนที่เสียงนุ่มนวลแลดูเป็นมิตรของไทฮองไทเฮาจะตรัสขึ้นก่อน
“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวข้าจะดำเนินไปเอง เจ้ายังไม่หายดีเลยนะพระชายา” หญิงแก่ที่ถูกนางกำนันพยุงตัวเข้ามาด้านใน เขารู้ทุกอย่างว่าหลี่อ๋องไม่โปรดนางนัก แต่ก็ไม่เข้าใจเพราะฟางหลงเฟิงเป็นคนที่หลี่อ๋องเองเป็นคนเลือกนางมากับมือ แต่มันด้วยเหตุอันใดกัน อีกทั้งพ่อของนางก็มีความดีความชอบอยู่ไม่น้อย ทำให้ไทฮองไทเฮาถึงกับเอ็นดูนางเหมือนลูกหลาน
“ขอบพระทัยไทฮองไทเฮาเพคะ” เธอพยายามฝืนยืนและย่อตัวคำนับ ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเอื้อนเอ่ย
“ข้านำยามาให้ และนี่อาการเจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง? ” ไทฮองไทเฮาเป็นแม่แผ่นดินมาช้านาน และก็พอจะดูออกว่าใครเป็นแบบไหน แม่นางคนนี้แววตาดูใสซื่อ อีกทั้งนางเข้ามาที่กรมวังก็ไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษ ส่วนพ่อของนางถึงแม้จะเป็นถึงแม่ทัพแนวหน้า แต่เขาก็ไม่เคยมาก้าวก่ายเรื่องราชกิจของฝ่ายใน อีกทั้งแม่ทัพหลงจื่อเองก็เป็นคนที่ตงฉิน ต่อหน้าเยี่ยงไร ลับหลังก็เยี่ยงนั้น
“ข้านำสมุนไพรมาให้ ไม่มีธุระแล้วข้าขอตัว อ้อ … ไม่ต้องส่งข้า เจ้าพักผ่อนเถิด”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“น้อมส่งเสด็จ” ก่อนที่บริพาลทั้งหลายจะน้อมส่งเสด็จ
“คุณหนู ท่านนอนได้แล้วนะเจ้าคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” เว่ยอิงบอกกับผู้เป็นนาย “นี่คือน้ำแกงหลับสบายเจ้าค่ะ เมื่อกี้พ่อบ้านหลี่พึ่งให้คนนำมาให้”
“หา …. เจ้าว่าอะไรนะ? ” นี่เธอคงไม่หูเพี้ยนไปหรอกใช่ไหมที่เขาจะให้พ่อบ้านนำน้ำแกงหลับสบายมาให้เธอ
… ถ้าหลับแล้ว เราจะตื่นขึ้นแล้วกลับไปยังห้องนอนของเราไหมนะ …. อยากกลับบ้าน … ใครก็ได้พาฉันกลับไปยังโลกของฉันที
ก่อนที่มือเรียวเล็กจะยื่นไปหยิบเอาถ้วยน้ำแกงขึ้นมายกซดจนหมดในคราเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่ได้หลับสบายอย่างที่เว่ยอิงบอก มันตรงกันข้ามเธอดันนอนฝันร้ายทั้งคืน
ในฝันเธอนิมิตเห็นเด็กชายปริศนาอีกแล้ว คนที่ฟางหลงเฟิงเคยช่วยไว้จากหมาป่า และทันใดนั้นเอง ในฝันเธอก็ตกลงไปในหุบเหวลึก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมากลางดึก
ใบหน้างามมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น ทั้งที่อากาศเย็นยะเยือกถึงเพียงนี้ แต่ข้างในกายของเธอมันช่างร้อนผ่าว
“คุณหนูท่านฝันร้ายหรือเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะเหงื่อออกเต็มเลย” ว่าพลางก็หยิบเอาผ้าเปียกบิดหมาดๆ มาเช็ดหน้าให้ผู้เป็นนาย
“เว่ยอิง ข้าฝันร้าย”
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ทำไมน้ำแกงฝันดีถึงเป็นแบบนี้นะ ดูท่าหมอหลวงคงผสมสูตรยาผิด” เว่ยอิงพึมพำ
“ไม่ผิดหรอก ข้าว่าเขาคงจงใจจะแกล้งข้า”
“คุณหนู!!” เว่ยอิงตกใจ ก่อนจะเอ่ยอะไรขึ้นอีก “เราไม่มีหลักฐาน จะพูดเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ อีกอย่างข้ายังอยากมีหัวอยู่เจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงของเว่ยอิงเธอก็แค่นหัวเราะออกมา ตอนนี้น่าจะใกล้รุ่งสางแล้ว เธอนอนไม่หลับแล้วในตอนนี้
“ข้าออกไปด้านนอกได้หรือไม่?”
“เพลานี้หรือเจ้าคะ? ไม่ได้นะเจ้าคะ ยังไม่ฟ้าสาง”
“ก็ข้านอนไม่หลับ ขอออกไปสูดอากาศแค่หน่อยเดียว นะเว่ยอิง สักประเดี๋ยวก็ได้”
“เดี๋ยวข้าจะไปด้วย และให้องครักษ์อวี๋หนิงไปด้วยนะเจ้าคะ”
“ทำไมต้องให้อวี๋หนิงไปด้วย? ”
“ท่านลืมแล้วหรอเจ้าคะคุณหนู ท่านคือว่าที่พระชายาแห่งต้าชิง จะออกไปข้างนอกยามวิกาลแถมไม่ให้องครักษ์ตามเสด็จ ข้าเกรงว่า…”
“เอาล่ะๆ งั้นข้าไม่ไป ข้าจะนอน เจ้าก็รีบนอนเถอะ”
ก่อนที่ทั้งนายและบ่าวจะพยายามฝืนนอนให้หลับ
เช้านี้ก็เป็นอีกเช้าที่เธอตื่นมาในห้องกว้างสี่เหลี่ยมอีกตามเคย นี่เราชักจะฝันบ้าๆ นี่นานเกินไปแล้วนะ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะตื่นจริงๆ สักที เธอไม่ได้แฮปปี้เลยกับความฝันที่ว่านี้ ผู้คนที่ไม่คุ้นเคย ซ้ำร้ายยังเกือบตายในวิวาห์คืนแรก
เมื่อเว่ยอิงแต่งตัวให้เธอเสร็จ วันนี้อาการเจ็บขาของเธอดีขึ้นมาก และกะว่าจะไปเคารพไทฮองไทเฮา กับฮองเฮาสักหน่อย แต่แล้วแผนที่ว่าก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อราชโองการเร่งด่วนออกมาว่าให้เธอตามหลี่อ๋องประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ โดยมีผู้ร่วมล่าคือเจ้าชายและเจ้าหญิงจากต่างแคว้น แถมคนที่จะเดินทางไปล่าสัตว์กับหลี่อ๋องในครั้งนี้ นอกจากเธอแล้วหนึ่งในสนมทั้งสี่ มีหลินเหยาเดินทางในครั้งนี้ด้วย เหตุเพราะว่าฮองเฮาทรงกำชับไว้นั่นเอง
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเปลี่ยนมาแต่งองค์แบบนี้ก็แอบคล้ายบุรุษเช่นกันนะเจ้าคะ ถ้าไม่ติดที่ว่าหน้าตาสวยข้าคงหลงรักท่านไปแล้ว” คนปากเจื้อยแจ้วขี้ประจบอย่างเว่ยอิงพูดชมผู้เป็นนาย
“เจ้านี่น้า ใครสั่งใครสอนกัน”
“ไม่มีใครสั่งใครสอนเจ้าค่ะ ข้าพูดออกมาจากตรงนี้ นี้ นี้” เธอชี้ไปที่หัวใจ ก่อนที่ฟางหลงเฟิงเองจะอมยิ้มและขำน้อยๆ รถม้าสำหรับหลี่อ๋องและชายาเอกมาจอดรอถึงหน้าจวนแล้ว เธอและเขาเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวจะขึ้นเกวียน แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงัก
“ท่านพี่ ข้าอยากนั่งรถม้าไปกับท่านด้วยนะเจ้าคะ ได้หรือไม่? ” หลินเหยาสนมรองได้เอ่ยขึ้น
“แต่รถม้าด้านในประทับได้แค่สองคน” ก่อนที่เขาจะหันมามองเธอ และมีท่าทางเชิงคำถาม
ฟางหลงเฟิงก็เป็นคนฉลาด อีกอย่างเธอรู้ว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอเท่าไหร่ “งั้นหม่อมฉันไปนั่งอีกคันได้ไหมเพคะ”
“ไม่ได้!!” เขาตอบเสียงดุ “ก่อนที่หลินเหยาจะไปนั่งคันของตนเอง ปล่อยให้เขาและฟางหลงเฟยนั่งคันเดียวกัน
ทั้งคู่นั่งอยู่ด้านในรถม้าด้วยกัน กับบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียด เธอรู้สึกอึดอัดไปหมด มันช่างเป็นอารมณ์ที่อึมครึม อย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยขยับ
“เอ่อ คือว่า … ข้ามี ….”
“เจ้าอยากพูดกระไร? ”
“ข้า… คือข้า!! ถ้าข้าบอกไปแล้วท่านจะหาว่าข้าเพี้ยนหรือไม่? ”
“เจ้าลองพูดมาก่อนสิ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนตัดสินใจ”
“ข้าอยากจะบอกท่านว่า ข้ามิใช่คนที่นี่!” เธอรวบรวมความกล้าเพื่อจะบอกเขา แต่แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะปนเย้ยหยัน
สายตาคมดุจ้องมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของเธอ นี่เจ้าคิดจะโกหกอะไรข้าอีกอย่างนั้นหรือ
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตายง่ายๆ หรอก” เขาเอ่ย
“ท่านหมายความเยี่ยงไร ไม่ฆ่าข้าให้ตายง่ายๆ ท่านยังคิดจะฆ่าข้าอยู่อย่างนั้นหรือ? ”
“เจ้าลืมไปแล้วจริงๆ หรือว่าแกล้งโง่ ห๊า!!” เขาตะคอกเสียงดังออกมาด้วยความโมโห เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หลี่ชุนต้องตาย เขาก็ยับยั้งมือไม้เอาไว้ไม่อยู่ มือใหญ่หนาจวกจ้วงเข้าที่ลำคอของเธออย่างเร็วแรง ก่อนจะบีบมันอย่างแรงด้วยหลงลืมตัว
คะ แค่ก …. ปละ … ปล่อยข้า …
ใบหน้างดงามที่เงยขึ้นช้อนตามองขอร้อง เขาปริบๆ เขาสบตาเธอเข้าอย่างจัง ราวกับว่าโลกนี้มันหยุดหมุนไปชั่วขณะ ก่อนที่มือใหญ่หนาจะสลัดออกด้วยความเร็ว
ตอนนี้คอบางระหงก็เริ่มเกิดปื้นแดงเป็นรอยนิ้วขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยอมรับว่าเธอกลัว…กลัวเขามาก กลัวว่าตัวเองต้องตายในฝัน
“ขอบคุณที่ยังไว้ชีวิตข้า” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอพูดเช่นนั้นออกไป
ตรงกันข้าม เขากลับไม่ตอบอะไร และเฉหน้าเบือนออกไปมองที่อื่น ระหว่างทางมีหุบเขาน้อยใหญ่ที่ลึกชันสลับทับซ้อน มีแม่น้ำหลายสายที่ต้องข้าม สะพานเก่าแก่โบราณจะผุแหล่ไม่ผุแหล่ ทำเอาคนทั้งขบวนทั้งรถม้า และผู้คนต่างต้องหยุดเกวียนเพื่อสำรวจเส้นทางอีกระรอก
“เดี๋ยวข้าน้อยเองขอรับ” องครักษ์ประจำกายของเขาได้กล่าวขึ้น พร้อมกับเหล่าองครักษ์อีก2-3 นาย พากันเดินข้ามสำรวจก่อนจะรีบวิ่งแจ้นกลับมารายงาน
“เรียนท่านอ๋อง สะพานนี้มีความเก่าแก่และชำรุดมาก คาดว่าจะไม่เหมาะที่จะข้าม อีกทั้งน้ำจากด้านล่างก็ลึกมาก ไหนจะโขดหินเกรอะกระอยู่มากโข”
“ไหนเจ้าลองเสนอมาสิ ว่าต้องทำเยี่ยงไร? ” เขากล่าว
“ข้าว่าคงต้องเดินอ้อมไปทางหุบเขาจิ๋นซี กว่าจะไปถึงซีเจียงก็น่าจะใช้เวลาถึงสามราตรีเราอาจจะช้าไปหนึ่งราตรีขอรับ”
“จะชักช้ากว่านี้ได้เยี่ยงไร ก็เจ้าเมืองต่างๆ คงพร้อมหน้ากันที่ซีเจียงเมื่อวันรุ่งแล้ว เจ้าจะให้ข้าเป็นตัวตลกหรืออย่างไร!!” หลี่อ๋องตะคอกเสียงสูงใส่องครักษ์ของเขา
“งั้นข้าน้อยขอเวลา 4 ชั่วยามและจะพยายามไม่ให้เกิน 6 ชั่วยาม ข้าน้อยจะทำการต่อเติมสะพานให้แล้วเสร็จภายในวันนี้นะขอรับ”
“ดี งั้นเราจะตั้งกระโจมพักกันที่นี่ ระหว่างรอสะพานเสร็จ”
“ขอรับ” อวี่หนิงรับทราบ ก่อนที่จะบอกทุกคน “เอ้านี่ทุกคน เร่งเตรียมกระโจมสำหรับท่านอ๋องกับชายา และสนมหลินเหยา”
แล้วทุกคนก็เร่งทำที่พักสำรองฉุกเฉิน เพื่อให้หัวหน้าองครักษ์และเหล่าทหารได้หุงหาอาหาร และนำไม้จากในป่ามาต่อเติมและสร้างสะพานใหม่ อีกทั้งให้หลี่อ๋องกับสตรีของเขาได้พักระหว่างทาง…
