บทที่ 12 ความวุ่นวายของตระกูลเซียว
สามวันผ่านไป
ภายในจวนตระกูลเซียวยังคงเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงหัวเราะใด ๆ ตอนนี้ภายในเมืองข่าวลือเรื่องพระราชโองการสมรสของบุตรสาวตระกูลเซียวและแม่ทัพหวงหยางหมิงกระจายไปทั่วเมืองหลวง แม้ว่าผู้คนจะสงสัยเรื่องราชโองการที่ไม่ระบุตัวเจ้าสาวว่าเป็นผู้ใด แต่ผู้คนคิดว่าเป็นเซียวลี่หงคนน้องอย่างแน่นอน เพราะเซียวเหม่ยอิงคนพี่นั้นมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว
“น่าสงสารคุณหนูเล็กตระกูลเซียวเสียจริง นางเป็นเด็กดีถึงเพียงนี้แต่กลับได้แต่งกับคนผู้นั้น"
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรของนาง ตอนเด็กก็ป่วยไม่สบายพอหายดี ข้าก็เห็นนางทําบุญทําทานไม่ขาด”
“ใช่ นางสดใสถึงเพียงนี้อีกทั้งยังเปราะบาง แม้ว่าอีกคนจะเป็นถึงแม่ทัพ แต่ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ถึงความโหดเหี้ยมของผู้นั้น เฮ้ออ ข้าสงสารคุณหนูเล็กเสียจริง”
ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างพากันพูดคุยเรื่องนี้ไม่ขาดปาก ใครบ้างจะไม่สงสารเซียวลี่หง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง เพราะตั้งแต่ได้รับพระราชโองการจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเห็นนางออกจากจวนแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งที่ยามปกติแล้วเซียวลี่หงมักออกมาทักทายผู้คนด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมทั้งแจกทานให้ผู้ยากไร้ตลอด
ภายในจวนตระกูลเซียว
ตอนนี้บรรยากาศภายในกําลังตึงเครียดเพราะจู่ ๆ เซียวลี่หงก็นํา ปิ่นปักผมมาจี้คอตัวเอง พร้อมกับขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ทําให้ตอนนี้ผู้คนในจวน ต่างพากันแตกตื่นกับการกระทําของเซียวลี่หงเป็นอย่างมาก
ย้อนไปก่อนหน้านั้นราวสองเค่อ
เซียวฟูซิน ฟางเหนียง และเซียวเหม่ยอิงทานอาหารเช้ากันปกติ วันนี้ก็เหมือนอย่างเช่นเคยที่เซียวลี่หงยังไม่ออกมาจากเรือนตนเอง ขณะที่ทั้งสามคนกําลังทานอาหารอย่างเงียบ ๆ กันอยู่นั้น เซียวลี่หงก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่อิดโรย ฟางเหนียงเห็นบุตรสาวคนเล็กเดินมาก็รีบลุกไปประคองทันที
“หงเอ๋อร์ลูกแม่ มานั่งกินข้าวกันก่อนนะ” ฟางเหนียงประคอง บุตรสาวตนมานั่งข้าง ๆ ตนเอง
“กินอันนี้ดูสิ พี่เจ้าตั้งใจทําเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ” ฟางเหนียงตักอาหารให้บุตรสาวตนอย่างเอาอกเอาใจ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวตนนั้นคิดมากเกินไป แต่เซียวลี่หงกลับไม่ยอมทานอาหารที่มารดาตนตักให้ นางมองตาผู้เป็นบิดาด้วยแววตาที่เศร้าหมอง
“ท่านพ่อไปคุยเรื่องราชโองการสมรสพระราชทานกับฝ่าบาทหรือยังเจ้าคะ”
เซียวฟูซินได้ยินคําถามบุตรสาวตัวเองก็ถอนหายใจออกมาพระราชโองการออกมาแล้วจะให้ตนทําอย่างไรได้ มีแต่ต้องทําตามเท่านั้น
ใจจริงเขาไม่ต้องการให้บุตรสาวแต่งกับแม่ทัพปีศาจนั้นแม้แต่น้อย เขาอยากให้แต่งกับพวกที่เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นเหมือนเขามากกว่าแม้ว่าสงสารบุตรสาวขนาดไหนแต่การขัดราชโองการนั้นถือเป็นกบฏแผ่นดิน มีโทษถึงขั้นประหารทั้งตระกูล
เซียวฟูซินส่ายหน้าให้เป็นคําตอบ
เซียวลี่หงเห็นท่าทางของบิดาน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ นางถามบิดากลับด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
“ท่านพ่อ...ท่านพ่อช่วยคุยไม่ได้หรือเจ้าคะ ท่านพ่อรับใช้ฝ่าบาทมานาน ฝ่าบาทอาจจะทรงเห็นใจท่านพ่อบ้าง ท่านพ่อ ข้าไม่เคยขอร้องท่านเลยสักครั้ง ท่านพ่อช่วยให้ข้าไม่แต่งกับแม่ทัพนั่นไม่ได้หรือเจ้าคะ ท่านพ่อก็รู้ดีว่าแม่ทัพหวงหยางหมิงโหดเหี้ยมถึงเพียงไหน ท่านพ่อ...ข้าไม่อยากแต่งกับแม่ทัพหวงหยางหมิงเจ้าค่ะ”
เซียวลี่หงอ้อนวอนบิดาตนเองอย่างน่าสงสาร นางอาจจะลืมไปแล้วว่าการแต่งงานนั้นส่วนใหญ่จะเป็นบิดามารดาจัดเตรียมเรื่องการออกเรือนให้ และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากสมรสพระราชทานที่ไม่อาจขัดได้ เฉกเช่นพี่สาวของนาง ที่บิดามารดาจัดเตรียมคู่หมั้นให้เช่นกัน อาจเป็นเพราะเซียวฟูซินและฟางเหนียงนั้นตามใจเซียวลี่หงจนเคยตัว ทําให้นางลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป
“หงเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าพ่อไม่อยากช่วยเจ้า แต่ราชโองการออกมาแล้วพวกเราขัดไม่ได้ เจ้าก็น่าจะรู้ดี ว่าถ้าขัดราชโองการจะมีโทษเช่นไร”
“ทําไม! ไหนท่านพ่อบอกว่ารักข้ามาก! แต่เรื่องแค่นี้ท่านพ่อกลับ ทําให้ข้าไม่ได้! ข้าเคยขอร้องท่านหรือไม่ตั้งแต่เกิดมา มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าขอร้องท่าน ทําไมท่านถึงทําให้ข้าไม่ได้!” เซียวลี่หงเอ่ยเสียงดังพร้อมทั้งท่าทางที่แข็งกร้าว
ทุกคนต่างพากันตกใจกับท่าทางของเซียวลี่หงที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ราวกับว่าไม่ใช่คนเดียวกัน ฟางเหนียงจับแขนบุตรสาวพร้อมพูดปลอบอย่างอ่อนโยน
“หงเอ๋อร์ ใจเย็น ๆ ก่อน ไม่ใช่บิดาเจ้าไม่อยากช่วย แต่เพราะเป็นพระราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ เจ้าก็รู้ว่าพวกเราทําอะไรไม่ได้”
เซียวลี่หงได้ยินอย่างนั้นก็สะบัดแขนที่มารดาจับ ทําเอาฟางเหนียง ถึงกับตกตะลึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของบุตรสาวตนเอง ปีศาจตนไหนเข้าสิงบุตรสาวที่น่ารักของนาง ไม่อย่างนั้นหงเอ๋อร์ถึงมีกิริยาแข็งกร้าวเช่นนี้ได้อย่างไร
