ฉุดท่านหมอมาเป็นสามี

67.0K · จบแล้ว
ซีฟางกั๋วเจีย/เอสเต้
34
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ท่านหมออู๋ชวิน...ถูกลักพาตัว เพื่อให้ไปรักษาคนป่วย แต่พอจับตัวท่านหมอผู้ไร้วรยุทธ์ ไปถึงค่ายหลบซ่อนตัว หรูเฉินขุนพลหนุ่มผู้ห้าวหาญ กลับพบว่า...เหยื่อที่จับมา ที่แท้ก็คือเสือตัวหนึ่ง!

นิยายแอคชั่นนิยายจีนโบราณนิยายYaoiนิยายรักนิยายกำลังภายในนิยายย้อนยุคนิยายทหาร

บทที่ 1 ถูกลักพาตัว

“พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องตามข้า?”

“ไม่ต้องถาม! ตามพวกข้าไปเสียดีๆ”

อู๋ชวินถอยหลังกรูดจนหลังไปชิดกำแพง เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าที่สะพายเอาไว้ ค่อยๆ ลูบลวดลายบนขวดกระเบื้องเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองจะหยิบยาไม่ผิด ปลายนิ้วของ ชายหนุ่มสะกิดจุกปิดปากขวดออกแล้วหันไปต่อล้อต่อเถียง

“หากอยากให้ข้าตามเจ้าไปแต่โดยดีก็ควรจะบอกข้าสิ”

บุรุษที่ถือดาบอยู่ทางซ้ายหันไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ลูกพี่ ข้าบอกแล้วว่ารีบจับตัวไม่ต้องถามไถ่ เห็นหรือไม่ว่าเป็นเรื่องเสียเวลา”

ฟุ่บ! ฟั่บ!

ควันที่ขาวคละคลุ้งอยู่ตรงหน้า คนถือดาบที่อยู่ใกล้ที่สุดสองคนหน้าหงายสิ้นสติล้มลงไป ส่วนสามคนด้านหลังที่ยังไม่ทันระวังตัวก็ถูกท่านหมอหนุ่มซัดฝุ่นสีขาวจากขวดกระเบื้องเล็กๆ เข้าใส่จนล้มลงไป

"พวกเจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว ฉายาหมออันดับหนึ่งแห่งค่ายพยัคฆ์ไฟไม่ได้มาเพราะฟ้าประทานหรอกนะ ข้าอุตสาหะพากเพียรเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและการปรุงยาอยู่นับสิบปี พวกเขาคิดจะมาจับข้าง่ายๆ ได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวผ่องใบหน้าผุดผาดในชุดผ้าไหมสีขาวปักลวดลายเถาวัลย์งดงาม ควานหาจุกขวดในกระเป๋าผ้าออกมาปิดแล้วเก็บคืนไว้ ก่อนจะก้าวข้ามร่างที่ล้มเกะกะอยู่ตรงหน้า

“ข้าไปล่ะ หวังว่าจะไม่เจอพวกเจ้าอีก” ชายหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากถนนที่เงียบเชียบแห่งนั้น พยายามมองหามือปราบเพื่อแจ้งให้พวกเขาไปจับพวกอันธพาล “เฮ้อ! ตอนต้องการตัวกลับไม่เจอ ตอนไม่ต้องการดันเจอบ่อยเหลือเกิน”

อู๋ชวินหงุดหงิดที่มองหามือปราบไม่เจอ จึงตัดสินใจขึ้นรถม้าหมายจะเร่งเข้าเมืองหลวง ทิ้งคนทั้งห้าเอาไว้เบื้องหลัง ผงสิ้นสติของเขาออกฤทธิ์อยู่ห้าชั่วยาม ปล่อยให้คนพวกนั้นนอนจนถึงเช้า เดี๋ยวก็คงมีคนมาพบเอง

‘ช่างหัวพวกเจ้าเถอะ ข้าหลบเข้าเมืองหลวงแล้ว พวกเจ้าคงหาข้าไม่เจอหรอก ข้าถูกจับตัวไปรักษาคนบ่อยแล้ว ดูๆ ไป พวกเจ้าก็คงหวังเช่นนั้น’

“ท่านหมอ เสร็จธุระเร็วจริงขอรับ?”

“พวกเรารีบหนีกันเถอะ ข้าเจอกันคิดจะมาดักจับอีกแล้ว”

“อืม...ถ้าจะนับไป ครั้งนี้ก็น่าจะเป็นครั้งที่สิบเลยนะขอรับ” คนขับรถม้าถึงกับส่ายหน้า เขาอยู่รับใช้อู๋ชวินมาตั้งแต่อู๋ชวินออกจากบ้านมาทำงานที่กองทัพ

“รีบไปกันเถอะ ก่อนจะมีคนของพวกมันโผล่มาอีก”

รถม้าของอู๋ชวินเดินทางออกจากประตูเมืองฉู่จิ้งโดยคนอีกกลุ่มหนึ่งตามไปห่างๆ

“ระวังตัวด้วย อย่าให้เป็นเหมือนคนโง่ทั้งห้านั่น กลับไปข้าจะลงโทษพวกมันเสียให้เข็ด แค่จับตัวบุรุษไร้วรยุทธ์ผู้หนึ่งก็ยังทำไม่ได้” ชายหนุ่มร่างสันทัดโปร่งบางเอ่ยขึ้น

“ขอรับ!” บุรุษอีกเจ็ดคนบนหลังม้ารับคำอย่างหนักแน่น

ม้าใหญ่พันธุ์ดีแปดตัววิ่งตามหลังรถม้าของท่านหมอหนุ่มออกไปราวกับลูกเกาทัณฑ์ที่พุ่งจากแรงยิง

อู๋ชวินอยู่ในกองทัพมานาน เคยติดตามแม่ทัพและเหล่าขุนพลออกไปด่านหน้ามานับครั้งไม่ถ้วน เขาเคยฝึกฝนการฟังเสียงฝีเท้าคนและม้าที่ตามไล่ล่า ยิ่งคราวนี้เขารู้ว่ามีคนกำลังพยายามจับตัว ท่านหมอหนุ่มจึงระวังตัวเป็นพิเศษ

“เสี่ยวไป๋! ดูเหมือนจะมีคนตามพวกเรามา ไปหาที่จอดที่เหมาะๆ เร็วเข้า”

เจตนาของคนส่วนใหญ่คือจับตัวเขา เพื่อให้เสี่ยวไป๋ปลอดภัย พออู๋ชวินรู้ว่าจวนตัวก็จะให้เสี่ยวไป๋ทิ้งตนเอาไว้ระหว่างทางแล้วพารถม้าหลบหนีไป

เมื่อม้าทั้งแปดตัวหยุดอยู่ตรงหน้า ท่านหมอหนุ่มก็ถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทว่าคนบนหลังม้าเมื่อมองเห็นใบหน้าของเหยื่อที่ตนจะมาจับตัวถึงกับตกตะลึง

‘คนผู้นี้หรือ? หมอเทวดาอู๋ชวิน รูปร่างหน้าตาน่าจะโดดเด่นเกินความสามารถ’

“เจ้าคิดจะมาจับตัวข้า เหตุใดจึงไม่เอารถม้าคันใหญ่ๆ มาด้วยเล่า?”

“รถม้าก็ให้ห้าคนนั้นเอามาแล้ว แต่ท่านนั่นล่ะ รังแกคนของข้า ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้ว่ารถม้านั่นไปจอดอยู่ที่ใด? ตกลงว่าท่านจะไปกับข้าแต่โดยดีแล้วใช่หรือไม่?” บุรุษบนหลังม้าข้างหน้าสุดที่ปิดหน้ามิดชิดจ้องท่านหมอหนุ่มด้วยความคาดหวัง

“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด? ไกลหรือไม่? นานทีข้าได้พัก เจ้าน่าจะมาจับตัวข้าเสียตั้งแต่ตอนที่ข้ายังทำงานอยู่ ข้าจะได้ไม่เสียวันหยุด”

คนที่หมายมั่นจะมาลักพาตัวถึงกับชะงัก “ท่านถูกลักพาตัวบ่อยหรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิ หากนับรวมพวกเจ้าเข้าไปก็เป็นครั้งที่สิบแล้ว ข้าขอเพียงเจ้าไม่ทำร้ายข้าและคนของข้าก็พอ”

“ได้ ข้าสัญญาและหากท่านรักษานายท่านของข้าให้หาย ข้าจะกลับมาส่งท่านที่เมืองฉู่จิ้งอย่างแน่นอน”

“เดี๋ยวก่อน! เจ้าต้องบอกอาการของนายท่านของเจ้ามาก่อนว่าป่วยมากน้อยเพียงใด? หากกินเวลาวันหยุดข้าไปนานล่ะก็ ข้าก็เสียเปรียบแย่ เจ้าต้องชดเชยค่าเสียเวลาให้ข้าอย่างเหมาะสมด้วย เข้าใจหรือไม่?”

บุรุษโปร่งกำยำมองดูท่านหมอหนุ่มด้วยความเหนื่อยหน่าย “พอๆ ไปกันได้แล้ว ท่านอยากได้สิ่งใดก็ไปตกลงที่ค่ายของข้า”

อู๋ชวินมองไปยังม้าทั้งแปด “แล้วจะให้ข้าขี่ม้าตัวใดเล่า?”

หรูเฉินลงจากม้าเดินเข้ามาใกล้ ในใจเขารู้สึกรำคาญที่จะต่อปากต่อคำกับบุรุษตรงหน้า มือใหญ่ของเขาสับลงบนต้นคอของท่านหมอหนุ่มทันที ครั้นร่างสูงโปร่งล้มลงเขาก็รับเอาไว้แล้วพาดบนหลังม้า

“คุณชายกลับมาแล้ว!”

“ตะโกนทำไมเล่า? ห้องพักแขกเตรียมเสร็จหรือยัง? โต๊ะอาหารล่ะ เรียบร้อยหรือไม่?”

“พ่อบ้านไป๋ ไม่ต้องห่วง พวกเราเตรียมเรียบร้อยแล้ว”

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอาเปลสนามไปรอรับคน”

ม้าแปดตัวหยุดที่ลานหน้าอาคารใหญ่ของค่าย บนเขาสูงที่รายรอบด้วยป่าทึบแห่งนี้ เป็นที่ตั้งค่ายม้าแดง แต่เดิมหรูเฉินให้คนของเขาแอบเข้ามาสร้างที่พักเอาไว้เวลาแอบเข้ามาสอดแนมแคว้นหมิง แต่ยามนี้กลับกลายเป็นที่พักพิงสำคัญของเขากับครอบครัว

ร่างสูงโปร่งของอู๋ชวินอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของหรูเฉิน ชายหนุ่มผู้ควบคุมม้าศึกสีน้ำตาลแดงตัวใหญ่ร้องบอกให้คนของตนเข้ามารับ

“พาหมออู๋ไปพักที เดินทางมาทั้งวัน แม้จะไม่รู้ตัวแต่ก็คงจะอ่อนเพลียไม่น้อย”

“ขอรับ คุณชาย” คนทั้งหลายกรูเข้ามาช่วยประคองอู๋ชวินลงจากหลังม้า วางลงบนเปลสนามแล้วหามเข้าไปในห้องพัก

“อาหารเตรียมไว้พร้อมแล้วขอรับ”

“ดี!” หรูเฉินหันไปหาผู้ติดตามทั้งเจ็ด “ไปกินข้าวกัน คืนนี้พวกเจ้าก็พักให้เต็มที่พรุ่งนี้เช้าก็ไม่ต้องรีบตื่น ข้าอนุญาตให้พักผ่อน”

“ขอรับ” เสียงรับคำหนักแน่นของคนทั้งเจ็ดดังขึ้นพร้อมกัน

การเดินทางจากเมืองฉู่จิ้งมาถึงที่แห่งนี้ ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วยาม พวกเขาพักม้าอยู่สองหน เป็นเพราะหรูเฉินต้องคอยประคองร่างของอู๋ชวินจึงไม่อาจจะควบม้าเร็วได้ดั่งใจ

‘ในเมื่อเจอหมอเทวดาแล้ว อาการของท่านพ่อก็คงจะหายในเร็ววัน’

ภารกิจในการลักพาตัวครั้งนี้นับว่ายาวนานนัก ค่ายพยัคฆ์ไฟแห่งเมืองฉู่จิ้งของแคว้นหมิงมีการตรวจตราอย่างเข้มงวดและรัดกุม กว่าจะเข้าไปสืบหาตัวท่านหมอหนุ่มรูปงามอู๋ชวินได้ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน

“งานนี้ข้าได้เห็นแล้วว่าแคว้นหมิงแข็งแกร่งเหลือเกิน ค่ายทหารของพวกเขามีวินัยสูงและฝึกฝนอย่างหนัก สมแล้วกับที่เคยบุกเข้าตีแคว้นเว่ยของพวกเราอย่างราบคาบ นี่แค่ค่ายอันดับสองยังแทรกซึมเข้าไปยากถึงเพียงนี้ หากเป็นค่ายอันดับหนึ่งอย่างค่ายพยัคฆ์เหินของชินอ๋องเห็นทีคนของเราคงจะถูกจับตัดหัวไปแล้ว”

คนทั้งเจ็ดฟังหัวหน้าของตนแล้วก็พากันพยักหน้า บุรุษใบหน้าคมคร้ามจึงกล่าวต่อ

“เราต้องฝึกคนของเราให้หนักขึ้น ไม่เช่นนั้นแคว้นเราคงไม่อาจจะหลุดพ้นการตกเป็นทาสของผู้อื่น”

****************