6
“ทำอะไรเนี่ย เคยไว้หน้าแม่มั้ยฮะ? ยัยปั้นหยา!” หลังจากที่บทสนทนาหลายบทเริ่มไม่ลื่นไหล
ทิพย์ภมณก็รีบขอตัวกลับแบบไม่ค่อยพึงพอใจว่าที่ลูกสะใภ้
ความสวยกินขาด..แต่ความโอหังนั้นไม่ไหว ฝ่ายคนเสียหน้าอย่างโยธกาวิ่งไปส่งเพื่อนขึ้นรถด้วยความเกรงใจและขอโทษเป็นการใหญ่
และวกกลับมาตำหนิลูกสาวเพียงคนเดียวด้วยความทุกข์ใจ ไอ้ความหวังที่จะให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา...ริบหรี่ขึ้นไปทุกวัน
“แม่ทำหนูก่อน หนูเคยบอกแม่แล้วนี่คะ ว่าหนูไม่ชอบแบบนี้” เธอตั้งท่าที่จะคว้ากระเป๋าเดินทางกลับ...หากแต่มารดากลับดักทางเอาไว้
“ฉันปล่อยให้แกเป็นอิสระมาตั้ง 1 เดือน ไหนล่ะ? ผู้ชายที่แกเคยบอกว่าถ้าพอใจเมื่อไหร่
แกจะลองคบหาดู ฉันเห็นแกทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน! แล้วแกจะได้ไปพอใจผู้ชายตอนไหนกันฮะ!”
โยศิตาหย่อนกระเป๋าลงบนโซฟาอีกครั้ง แต่สายตายังไม่ยอมละออกจากมารดา
“แล้วทำไมต้องมีด้วยละคะแม่? หนูเคยบอกแม่ไปแล้ว...ว่าหนูมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ มันจะไม่ได้เลยเหรอคะ
ชีวิตที่ไม่มีแฟนเนี่ย...มันจะลำบากอะไรขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“แกเป็นลูกคนเดียว ถ้าฉันตายไป แกก็ไม่เหลือใครแล้ว แกจะไม่ให้ฉันห่วงแกได้ยังไง แกดูฉันสิ
ชีวิตที่ไม่มีผัวมันเป็นยังไง? เหงา...เหี่ยวเฉา แก่ตัวมา...จะหาใหม่ก็ยากแล้ว
ตอนนี้แกกำลังสวยสะพรั่ง มันเป็นโอกาสเดียวละ ที่แกจะใช้มันหาผัวรวยๆ หาผัวที่มีสมบัติเยอะๆ มีลูกกับเขา
พอแกมีลูกแกจะรู้เลยว่าความหมายอีกแบบหนึ่งของการมีชีวิตอยู่มันมีค่าแค่ไหน” มุมมองของมารดา ไม่ได้ทำให้คนอินดี้อย่างเธอเพิกเฉย หรือแสยะยิ้มให้
หากแต่กลับพยักหน้าให้ด้วยความเคารพ...
“หนูไม่ได้จะบอกว่า มุมมองของแม่ผิดนะคะ แต่หนูคิดว่า ความสุขและความพึงพอใจของมนุษย์แตกต่างกันและไม่ควรที่จะมีใครได้รับการก้าวก่าย
ขอบคุณที่แม่หยิบยื่นอะไรพวกนั้นมาให้ แต่ตอนนี้...หนูกำลังมีความสุขแบบนี้ แม่จะไม่ยินดีกับความสุขของหนู
หนูไม่ว่านะคะ แต่อย่าเพิ่งมาพรากมันไปจากชีวิตของหนูเลยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า...”
แล้วเธอก็คว้ากระเป๋าใบเดิมพาดบ่า...เดินออกจากบ้านไปอย่างเหนื่อยล้า
ไม่ได้สนใจเสียงบ่นตามหลังของมารดา ที่โหวกเหวกเสียงดังตามแบบฉบับ เหล่าลูกน้องต่างตื่นเต้นแต่ไม่กล้าพูดอะไร
ทำได้เพียงมองหน้ากัน...และทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
บ้านกับร้านอาหารอยู่ในพื้นที่เดียวกัน...แค่แยกตัวบ้านลึกเข้าไปและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น
เธอชอบบ้านหลังนี้ หลังที่มีเธอและมารดาอาศัยอยู่ด้วยกัน มันเคยมีความสุข...
สุขชนิดที่ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไรไปมากกว่านี้แล้วหรือเปล่า
แต่ความสุขนั้นก็อยู่กับเธอได้แค่ช่วงอายุ 30 ปีแรก...หลังจากที่อายุ 30 ปีบริบูรณ์ได้ผ่านพ้นไป...
มารดาก็เริ่มแปรเปลี่ยน จากที่เคยให้อิสระ กลับเต็มไปด้วยเงื่อนไข บางทีเธอก็คิดนะ ว่าตัวเองเพิ่งจะเป็นวัยรุ่นและเริ่มอึดอัดกับพฤติกรรมมารดาเอาก็ตอนนี้
เหมือนโยธกา...ได้หมดหวังไปแล้วกับการที่ลูกสาวจะมีครอบครัว เพราะ...อายุสามสิบ...มันคือสัญลักษณ์ของสาวแก่ที่เริ่มจะทึนทึกแล้วนั่นเอง!
“หมายความว่ายังไงคะบอส?” โยศิตามองซองขาวที่ถูกยื่นมาด้วยความลำบากใจ เขาไม่อยากจะทำแบบนี้...แต่ขัดเบื้องบนไม่ได้
อยู่ๆ ก็มีคำสั่งด่วนให้หาตำแหน่งฝ่ายการตลาดไว้หนึ่งตำแหน่ง...เพื่อลูกสาวของหนึ่งในผู้บริหารเข้ามาทำงานแทน ซึ่งตอนนี้
คนที่เพิ่งจะมาทำงานและเอาออกได้ง่ายกว่าคนอื่น คือ โยศิตา
“จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ผมไม่มีอำนาจพอที่จะค้าน...หรือถามเอาเหตุผลจากฝ่ายผู้บริหาร”
โยศิตาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงสองเดือน เธออยู่ในช่วงทดลองงานแต่เธอกลับทำงานทุกอย่างได้ดี ได้ดีกว่าพวกที่ทำงานมายาวนานเสียอีก...
หากแต่เขาจำต้องให้เธอออก ด้วยเหตุผลที่ช่างตรงกันข้ามกับความจริงทุกประการ
“ปั้นหยาทำอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรตรงไหนหรือเปล่าคะ ปั้นหยาจะได้ปรับปรุงแก้ไข...ไม่ใช่ที่นี่ก็ได้ค่ะ แบบหมายถึงงานที่บริษัทหน้า”
คนมองโลกในแง่ดีอย่างเธอเคารพในทุกสิ่งที่ได้เจอ และตั้งสติยอมรับในทุกเหตุผลเสมอ
และเธอก็เชื่อด้วยว่าศักยภาพของเธออาจจะยังไปไม่ถึง แต่เธอเชื่อยิ่งกว่าว่าเธอสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปได้ไกลอีก
ถ้าเธอได้รู้ ว่าข้อผิดพลาดของเธอมันคืออะไร
“ผมเสียดายคนอย่างคุณจริงๆ นะ...ไม่น่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย”
“ขอบพระคุณค่ะ...หมายความว่า ปั้นหยาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดใช่มั้ยคะ?” แม้เธอจะมองโลกในแง่ดี
แต่เธอก็มีความฉลาด ฉลาดพอที่จะอ่านแววตาและสีหน้าของเจ้านายออก
ครั้นจะคิดว่า มีคนไม่ชอบเธอจนกลั่นแกล้ง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคนอย่างเธอไม่เคยไปขัดแข้งขาใคร
นอกจากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพียงเท่านั้น
“โชคดีนะครับปั้นหยา ผมเองก็เป็นลูกน้องเขาเหมือนกัน พูดอะไรมากไม่ได้”
“ขอบคุณมากนะคะบอส ปั้นหยาลาก่อนค่ะ” กว่าเธอจะผ่อนคลายตัวเองจากเหตุการณ์กับมารดาเมื่อคืนก็ดึกดื่น...
ไม่ได้คาดคิดเลยว่า...เมื่อเช้าเธอรีบตื่นมาเพื่อที่จะมารับซองสีขาวในมือนี่
ขณะจะเดินเข้าลิฟต์เธอก็ได้สวนทางกับผู้หญิงวัยใกล้เคียงกับมารดาที่แต่งกายมาอย่างเต็มยศ
ทิพย์ภมณ...เพื่อนรักของมารดาเธอนั่นเอง!
หางตาแลมาเพียงนิด แต่กลับเชิดใบหน้าเดินแบบไม่ยอมเฉียด ไม่ยอมแม้แต่ทักทาย
“หมายความว่ายังไง” เธอพึมพำ...ก่อนที่จะตามไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง