บท
ตั้งค่า

7.นี่ช่างดีเหลือเกิน NC

“มีการยืนยันมาแล้วครับท่านหญิง ถึงเรื่องที่ท่านดยุคแอนเธียจะแต่งงาน เมื่อราวสองสัปดาห์ก่อนท่านดยุคได้ส่งพ่อบ้านไปรับตัวของเลดี้เกรย์มาอยู่ที่คฤหาสน์ ข้าได้ลองสอบถามสาวใช้ที่คฤหาสน์แล้วครับ ดูเหมือนว่าทั้งสองท่านจะใช้ห้องนอนร่วมกันตั้งแต่คืนแรก”

เมื่อได้ยินคนสนิทรายงานข่าวเช่นนั้น ใบหน้างามของท่านหญิงมาเรน่าก็บิดเบี้ยวในทันที

“มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ท่าน ดยุคจะไปรับสตรีจากตระกูลที่มีแต่หนี้เข้ามาเป็นดัชเชสเพื่ออะไรกัน? ข้ามองไม่เห็นถึงประโยชน์จากการกระทำนั้นเลยจริงๆ”

มาเร่น่ายกมือขึ้นมากุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ร่างกายของเธอสั่นเทาไปด้วยความโกรธ..ตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เด็ก สายตาคู่นี้ก็จับจ้องที่ท่านพี่แลนซิลเพียงผู้เดียวเท่านั้น หัวใจของเธอไม่เคยสั่นไหวกับบุรุษผู้ใด นอกจากท่านพี่แลนซิลเพียงผู้เดียว ทั้งที่เขา..ควรจะมาขอเธอแต่งงานสิ

แต่งงานกับท่านหญิงเช่นเธอย่อมมีประโยชน์มากกว่าแต่งงานกับสตรีที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น ตระกูลเกรย์? ต้องยากจนข้นแค้นมากแค่ไหนเธอถึงไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลเช่นนั้นมาก่อน

อีกฝ่ายกระจอกมากถึงเพียงนั้นแล้วเหตุใดเธอต้องยอมแพ้ให้ด้วยล่ะ

“ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อตระกูลเกรย์เลย..เป็นตระกูลบ้านนอกที่อยู่แถบชนบทอย่างนั้นหรือ”

ทหารคนสนิทก้มหน้าลงในทันที

“ตระกูลเกรย์คือตระกูลขุนนางที่เก่าแก่มากๆเลยครับ เพียงแต่หลังจากที่ท่านเคาน์ตายตระกูลนั้นก็ดูเหมือนจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส อีกทั้งท่านหญิงน่าจะเคยเห็นเลดี้อลิซาผ่านๆ ตามาบ้าง นางคือพี่สาวของเลดี้ยูริชที่แต่งงานกับท่านดยุค”

อลิซาอย่างนั้นหรือ? หากจำไม่ผิดเธอคิดว่าเธอคุ้นๆ อยู่กับชื่อนั้นอยู่นั้น สตรีที่งดงามแต่กลับสวมชุดเก่าๆ เข้ามาในงานเลี้ยง เป็นสตรีที่วิ่งไปประจบคนนั้นทีคนนี้ที เพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนอยู่ในงานเลี้ยง..

เมื่อรับรู้เช่นนี้แล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก..บางทีท่านพี่แลนซิลอาจจะทำสัญญาการแต่งงานก็ได้ ท่านพี่ของเธออาจเบื่อหน่ายสตรีชนชั้นสูงที่เข้าหาไม่เว้นวัน จึงอยากทำสัญญาการแต่งงานขึ้นมาเพื่อกำจัดสตรีเหล่านั้นออกไป..ใช่แล้วต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ เลย

ท้ายที่สุดท่านพี่แลนซิลต้องมาแต่งงานกับเธอสิถึงจะถูกต้อง

“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านพี่ที่คฤหาสน์จังเลย ช่วยจัดเตรียมรถม้าและเสื้อผ้าให้หน่อยสิ ข้าจะไปค้างที่นั่นสักระยะ..”

เมื่ออยากรู้ จะมีอะไรให้คำตอบได้ดีมากกว่าการเดินทางไปดูด้วยตาของตัวเองกันล่ะ

..................

“แบบนั้นยูริช..ขยับมือของเจ้าช้าๆ หน่อยสิ”

เขากำลังโอบกอดเธอเอาไว้ ใบหน้างามซบลงบนไหล่กว้างของเขาราวกับว่าเธอกำลังหมดแรง ร่างกายของพวกเรากอดก่ายกันอย่างแนบชิด กระทั่งไม่มีช่องว่างของอากาศให้แทรกผ่านระหว่างตัว

มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในชุดนอนแล้วลูบไล้ตามผิวกายที่เนียนละเอียดนั้นอย่างช้าๆ ความรู้สึกวาบหวามจากการสัมผัสปัดป่ายไปทั่วทั้งตัว จนรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นสมอง มือหนาลากไล้ผ่านต้นขาและลูบไล้ขึ้นมาอย่างช้าๆ

การสัมผัสที่ฝ่ามือของเขาทำให้ขนอ่อนลุกชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอช้อนสายตามองหน้าเขาราวกับจะร้องห้ามไม่ให้มือของเขามันขึ้นสูงไปมากกว่านี้ แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะรับฟัง

“ข้าไม่ชอบเอาเปรียบใคร จะให้ข้ารู้สึกดีเอาฝ่ายเดียวนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหมยูริช เพราะอย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้ดีเหมือนกับที่ข้ากำลังรู้สึกเอง”

มากเกินไปแล้ว..อันที่จริงนี่มันมากเกินกว่าที่เธอคิดเอาไว้เยอะเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธถึงความสุขสมที่ก่อตัวขึ้นมาในกายไม่ได้เลย

ไม่ว่าจะนิ้วหรือลิ้นที่ลากผ่านเรือนร่าง ตรงจุดนั้นก็ร้อนผ่าวคล้ายจะมีไฟลุกขึ้นมาในทันที ทุกสัมผัสราวกับจะแกล้งให้อายหรือไม่ก็ยั่วยวนให้เธอคลั่ง..

เขาช่างมีความสามารถในเหนือชั้นมากจริงๆ

ท่อนล่างเริ่มรู้สึกถึงความชื้นแฉะ แม้ว่าในใจจะลังเลแต่ร่างกายกลับตอบสนองเขาอย่างซื่อตรง ปลายนิ้วสากนวดคลึงอยู่ที่ด้านนอก ก่อนที่เขาจะกดนิ้วเข้าไปอย่างช้าๆ

“อะ..อื้อ!”

ส่วนนั้นฉ่ำเยิ้ม นอกจากจะพร้อมเต็มที่ยังบีบรัดสิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้าไปคล้ายกำลังเชื้อเชิญ เธอหอบหายใจออกมาราวกับว่ากำลังเหนื่อยล้า ดวงตาแวววาวไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อท้นออกมา

อา..ให้ตายสิ จะเรียกว่าอย่างไรดีนะ ต้องเรียกว่าถูกใจมากจนไม่อาจถอดถอนความรู้สึกและความหลงใหลออกไปได้เลย เธองดงามล้ำเลิศกว่าสตรีใด แต่ความงามมิใช่เหตุผลที่เขาพยายามเพื่อเธอมาโดยตลอด ความงามเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น..หรืออาจจะเรียกว่าความงามคือผลพลอยได้ก็คงมิผิด

ช่องทางร้อนผ่าวเต้นตุบๆ ดูดรั้งเหมือนจะยั่วเย้าสิ่งที่สอดใส่เข้ามา ขนาดแค่นิ้วเดียวยังดันไม่เข้าเลย แล้วเธอจะรับเขาเข้าไปได้อย่างไรกัน..ถือว่าเขาคิดถูกที่เตรียมความพร้อมร่างกายของเธอเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นวันแต่งงานของเรา เขาคงไม่อาจจับมือเธอไปจนถึงจุดสูงสุดได้ คงไม่อาจหว่านพรมเมล็ดพันธ์ุลงไปให้มันงอกงามในร่างกายของเธอได้แน่ๆ

อันที่จริงเขาลืมถามออกไปว่าเธอชื่นชอบเด็กน้อยบ้างรึเปล่า เพราะเขาคิดจะสร้างครอบครัวในทันทีหลังจากที่เราแต่งงานกัน เขาอยากเห็นเด็กน้อยที่มีใบหน้าเหมือนเธอวิ่งเล่นในคฤหาสน์ อีกทั้งหากผูกเธอเอาไว้ด้วยความรักมิได้ เขาอยากให้ลูกตัวน้อยของเขาทำหน้าที่เป็นโซ่ทองที่คล้องเราเอาไว้ด้วยกัน

เธอต้องเดาไม่ออกแน่ๆ ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ คงเดาไม่ออกหรอกว่าเขาอยากครอบครองเธอมากแค่ไหน

ยูริชกดท้องนิ้วคลึงตาน้ำอันชุ่มชื่นบนแก่นกายของเขา เธอไล้ฝ่ามือไปตามส่วนเว้าโค้งก่อนจะปาดน้ำเหนียวใสที่ไหลจากส่วนปลาย แต่ต่อให้เธอพยายามจะเช็ดมันมากเท่าไหร่ ของเหลวใสนั้นไม่ทันไรก็ซึมออกมาอีกแล้ว

“ซุกซนใช้ได้เลยนี่..”

ความรุ่มร้อนสั่นสะเทือนจนถึงจุดอ่อนไหวที่ลึกที่สุดในร่างกาย สะโพกของเธอสั่นระริกไม่ว่าอย่างไรอากัปกิริยานั้นก็เป็นการเชิญชวนมากกว่าผลักไส

“อา..มันแปลกค่ะ”

“แปลกแค่ไหนกันยูริช..”

หัวใจของแลนซิลกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง กลีบดอกไม้นั้นปิดสนิทชนิดที่ว่าแค่มองด้วยตาก็รู้ว่าคงไม่เคยมีสิ่งใดล่วงผ่านเข้าไป ในยุคสมัยเช่นนี้เขาไม่คาดหวังด้วยซ้ำว่าภรรยาจะเป็นสตรีที่ไม่ผ่านมือชายใด แต่ยูริชกลับไม่เคยกระทำเรื่องเช่นนี้..

บุรุษทั่วทั้งเมืองหลวงช่างไร้ความสามารถที่จะเด็ดเพชรยอดมงกุฎนี้ไปครอบครอง..แต่ทว่าเขาทำได้ เขาได้ครอบครองเพชรที่งดงามที่สุดในจักรวรรดิ..

นี่ช่างดีมากเหลือเกินให้ตายสิ อยากปลดปล่อยออกมาในปากนั้นชะมัดเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel