Chapter 1 เซอร์ไพรส์
-ธันวา-
*Birth Day Party
"เฮ้ย ยังไงวะ กว่าจะโผล่มาได้"
"ก็มาแล้วไง"
ผมพูดพลางตบบ่าเพื่อนที่มันบ่นตั้งแต่ผมมาถึง ตอนนี้ผมอยู่ในกลุ่มเพื่อนนับสิบคนมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย พวกเราถูกเชิญมางานปาร์ตี้วันเกิดของ'แวนด้า'อดีตดาวประจำคณะของรุ่นผมที่คอนโดส่วนตัวของเธอ
หมับ~
"ธัน..."
ผมหันไปทางด้านหลังเมื่อถูกใครบางคนจับแขน พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเจ้าของวันเกิดนี่เอง
แวนด้าอยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิง เธอเป็นผู้หญิงแต่งตัวเก่งและเซ็กซี่มากด้วย
"ฉันไม่มาช้าไปใช่มั้ย"
ผมพูดคุยกับเธอตามมารยาท เราเคยคุยกัยบ่อยๆตอนที่ประกวดดาวเดือนของคณะ เธอเป็นดาว ส่วนผมเป็นเดือน แต่หลังจากขึ้นปีสองเราเรียนต่างสาขาก็ทำให้เจอกันน้อยลง
"อื้อ ไม่หรอก ยังมีคนที่มาช้ากว่านายอีกนะ"
แวนด้าหน้ามุ่ยลงทันทีที่พูดแบบนั้น ผมว่าผมมาช้าแล้วนะ มีใครช้ากว่าผมอีกเหรอ
"หืม?"
"แฟนด้าไงล่ะ ป่านนี้ยังไม่มาเลย โทรก็ไม่รับ นี่โมโหจริงๆนะเนี่ย ถ้าโผล่หัวมาช้ากว่าห้านาทีต่อจากนี้ ด้าจะล็อกห้องไม่ให้เข้าแล้วจะโกรธไปเจ็ดวันเลยคอยดู"
"เอาน่า เขาอาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็ได้นะ"
ผมพูดกลั้วหัวเราะ ผมไม่รู้หรอกว่ามีเซอพงเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่า แค่อยากพูดให้แวนด้าไม่คิดมาก แค่นั้น...
พรึ่บ~
แต่อยู่ดีๆไฟในห้องทั้งหมดก็ดับลง ทุกคนเงียบกริบจนผมได้ยินเสียงลมหายใจเลยล่ะ
"เอ๊ะนั่น..."
ผมได้ยินเสียงแวนด้าอุทานออกมา เมื่อมองไปทางประตูห้องมีแสงเทียนกำลังส่องสว่างขึ้นและค่อยๆเคลื่อนตรงเข้ามาหาเจ้าตัวพร้อมกับเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์คลอไปด้วย
เออ มีเซอร์ไพรส์จริงด้วยแหะ
5 นาทีต่อมา...
หลังจากที่แวนด้าเป่าเค้กและได้รับคำอวยพรจากแฟนหนุ่มของเธอแล้ว เธอก็ยิ้มหน้าบานและลืมความโกรธไปแบบปลิดทิ้ง ผมแยกตัวมาอยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทตรงโซฟาหน้าทีวี เรานั่งคุยและดื่มกันแบบชิวๆ
"ทำไมผู้หญิงชอบเซอร์ไพรส์?"
จู่ๆ'เท็น'เพื่อนสนิทของผมก็ตั้งประเด็นขึ้น ผมวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ
"มึงรู้มั้ยว่าทำไม ไอ้ธัน"
ผมยักไหล่ ไม่รู้ แล้วก็ไม่ได้สงสัย
"เผอิญไม่ได้เป็นผู้หญิงว่ะ"
"เอ้า ไอ้นี่ กูถามดีๆ"
"กูก็ตอบดีๆ"
"กวน..."
กรี้ดดด~
"เห้ย อะไรวะ!"
ผมกับไอ้เท็นหยุดเถียงกันเมื่ออยู่ดีๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อกี้ผมได้ยินว่าเหมือนมีใครมากดออดหน้าห้อง ก็คงจะเป็นคนมาร่วมปาร์ตี้เลยไม่ได้สนใจ
"เซอร์ไพรส์อีกมั้ง"
ผมพูดพลางไม่ได้หันไปมอง แต่ไอ้เท็นชะเง้อชะแง้มองยกใหญ่
เพล้ง~
อืม บางทีเซอร์ไพรส์ก็รุนแรงไป --
"เห้ย ไอ้ธันๆ"
แล้วมันก็หันมาเขย่าแขนผมในจังหวะที่เสียงกรี้ดดังขึ้นอีกครั้ง และเริ่มมีเสียงโวยวายเกิดขึ้น
"อะไร?"
ผมถาม มันคงจะให้ผมเข้าไปร่วมเซอร์ไพรส์ด้วยมั้ง
หมับ~
ผมหันควับไปมองมันเมื่ออยู่ดีๆมันก็คว้าแขนผมด้วยสีหน้าจริงจัง
"อะ..."
พรึ่บ~
ยังไม่ทันถามจบประโยคมันก็กระชากผมด้วยความรุนแรงให้ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพวกเพื่อนๆที่กรูเข้าไปทางต้นเสียง
"มึงดู"
มันดึงให้ผมไปดูเหตุการณ์อลม่านตรงหน้า ผมกวาดตามองอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
"เซอร์ไพรส์มั้ยล่ะมึง"
"เวร!"
และผมก็ต้องสบถออกมา
"ไม่ห้าม?"
มันถามผม ผมพ่นลมหายใจ
"ไม่อยากยุ่ง"
ผมตอบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้หญิงผมดำที่ใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อน เธอกำลังห้ามน้องสาวของเธอให้หยุดการกระทำรุนแรงนั่น เธอหันมามองผมด้วยน้ำตา ผมเบนหน้าหนี
"..."
พร้อมกับมีเสียงกรี้ดลอยมาอีกรอบ ไอ้เท็นก็กระตุกแขนผมยิกๆ
"กูว่างานนี้มีตาย"
มันก็พูดบิ้วท์ผม ผมบอกแล้วว่าไม่อยากยุ่ง อีกอย่างก็เห็นว่าแฟนของแวนด้ากับคนอื่นๆก็กำลังช่วยห้ามอยู่
"ไม่ขนาดนั้น..."
เสียงของผมขาดห้วงเพราะเห็นว่าแฟนของแวนด้าที่ถูกผู้หญิงผมทองคนนั้นถีบจนกระเด็นไปเมื่อกี้ลุกพรวดขึ้นมาด้วยอารมณ์เดือดจัด มันพุ่งเข้าหาร่างบางที่กำลังจิกและกดหัวแฟนสาวของมันกับเค้กปอนด์ใหญ่จนเละตุ้มเป๊ะ
"เห้ย กูบอกให้หยุดไงวะ!"
หมับ~
มันง้างมือขึ้นจะฟาดเธอเต็มที่แต่ก็ต้องชะงักเมื่อผมเข้าไปคว้าข้อมือมันไว้ก่อน ผมไม่อยากยุ่งแต่ร่างกายดันไปห้ามไว้ซะแล้ว
ควับ~
มันหันมามองผมตาเขียวเหมือนคนพาล ผมมองมันนิ่งๆก่อนจะดันมันออกไปแต่อาจจะแรงไปหน่อยมันก็เลยเซ
ผมไม่ได้สนใจมัน หันมาที่ร่างบางซึ่งกำลังเมามันส์กับการขยี้หน้าแวนด้าด้วยเค้ก
ฟลุ่บ~
ผมรวบเอวเธอจากทางด้านหลัง ผู้หญิงผมดำรีบช่วยแกะมือเธอออกจากหัวแวนด้า
"เสือก!"
เธอหันมาตวาดด่าเสียงดังลั่นพอเห็นว่าเป็นผมก็จิกตามองและดิ้นสุดแรง
ฤทธิ์เยอะโครต!
"ปล่อยดิวะ"
พอผมไม่ปล่อยและยังรั้งเธอไว้แน่นเธอก็ทั้งจิกทั้งข่วนแถมกระโดนถีบแวนด้าด้วย ผมอาศัยจังหวะที่เธอกระโดดยกตัวเธอถอยออกมาให้ไกลที่สุด
"อีบ้า มึงเป็นใคร!"
แวนด้าเงยหน้าขึ้นมาในสภาพดูไม่ได้ ใบหน้า เส้นผมและเสื้อผ้าของเธอมีแต่ครีมเค้กเละๆ
"เป็นใครเหรอ ถามผัวมึงสิว่ากูเป็นใคร"
ยัยผมทองนี่ก็ดิ้นไม่หยุดพลางตะคอกโต้ตอบกับแวนด้า
"อ๋อ มึงเป็นเมียน้อยมันใช่มั้ย"
แวนด้าปาดเค้กบนหน้าทิ้งอย่างลวกๆก่อนจะถลาเข้ามาเอาคืนร่างบางที่ผมรั้งเอวไว้อยู่
"กูเอามึงตายแน่!"
"อย่า แวนด้า"
ผมพลิกหันตัวเธอหนีจนทำให้แวนด้าฟาดเข้าหลังผมเต็มๆ
ปึ้ก~
"อย่างไอ้หน้าตัวเมียเนี่ยกูไม่เอาทำผัวหรอก มึงมันก็โง่รู้ตัวไว้ด้วย ว่าก่อนมาหามึงมันไปแอบปักเทียนกันคนอื่นมาแล้วว่ะ"
แล้วยัยนี่ก็โวยวายไม่หยุด ทั้งดิ้น ทั้งด่าจนผมแสบแก้วหูไปหมด
"ลองถามมันดู ว่ามันคบกี่คน บางทีมึงอาจจะเป็นเมียน้อยก็ได้ อีโง่"
"กรี้ดดด!"
พอได้ฟังแบบนี้แวนด้าก็กรีดร้องพลางหันไปจ้องหน้าแฟนของเธอ และผมคิดว่าควรแยกผู้หญิงคนนี้ออกไปก่อนที่เรื่องจะใหญ่โตมากไปกว่านี้
"ออกไปก่อน"
ผมหันไปพูดกับผู้หญิงคนที่ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด เธอรีบพยักหน้าแล้ววิ่งออกจากห้องไป
ฟลุ่บ~
และผมจัดการรวบตัวผู้หญิงที่ยังโวยวายด่าไม่หยุดขึ้นอุ้มพาดบ่าและพาออกไปจากที่นี่ทันทีเช่นกัน
"เห้ย อะไร ปล่อยนะเว้ย!"
"..."
สวบ~
ผมเดินเร็วๆมาถึงลิฟต์ซึ่งก็เปิดอยู่เพราะผู้หญิงที่ผมบอกให้ออกมาก่อนเธอกดรีบรอเราอยู่ ผมก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมเหลือบตามองเธอที่ยืนพิงผนังลิฟต์แล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น
ปึ้ก~
"บอกให้ปล่อยไงวะ!"
ติ้ง~
พอประตูลิฟต์ปิดผมปล่อยร่างบางที่ดิ้นไม่หยุด ด่าไม่หยุดแล้วก็ทุบ จิก ตีผมไม่หยุดลงบนพื้น
"ยุ่งไรด้วย!"
พอเป็นอิสระเธอก็เสยผมสีทองที่ตกปรกหน้าตาขึ้นอย่างลวกๆด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพลางจ้องผมด้วยสายตาเหวี่ยงระดับสิบ
เออ ผมยุ่งไง ไม่อยากยุ่งหรอกแต่ยุ่งไปแล้ว
ผมพ่นลมหายใจพลางเบนหน้าหนีเธอ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเด็ก
หมับ~
ผมคว้าข้อมือเธอที่เอื้อมไปหวังจะกดลิฟต์
"ทำไร?"
ผมถาม ยัยนั่นเลยหันมาเหวี่ยงผมอีกรอบ
"กลับขึ้นไปตบมันไง ถามโง่ๆ"
ผมลงทุนเจ็บตัวลากลงมาขนาดนี้ คิดว่าผมจะปล่อยให้กลับขึ้นไปไหม ถามง่ายๆเลย
"ดูพี่เธอก่อนมั้ย"
ผมกระตุกแขนเธอพลางเหลือบตาไปมองผู้หญิงผมดำที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ด้านหลังเธออีกครั้ง และผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นตัวช่วยยื้อให้ยัยนี่ไม่กลับขึ้นไปอาละวาดอีก
"เธอพาพี่เธอไปเจออะไรมา"
"..."
"ยังไม่พอใจอีกเหรอ? หรือต้องให้ร้องไห้..."
"หุบปากไป!"
เธอตะวาดแว้ดใส่ผมในจังหวะที่ลิฟต์เปิดที่ชั้นล่างสุดของคอนโดพอดี
"แล้วก็เรื่องของพวกฉัน...คราวหลังไม่ต้องยุ่ง!"
ฉันหงุดหงิดพี่สาวตัวเองมาก ตอนนี้เรานั่งแท็กซี่เพื่อที่จะไปส่งเธอที่บ้านแต่เธอก็ยังร้องไห้ไม่หยุดสักที
ร้องทำไมนักหนา ไม่ได้มีใครตายสักหน่อย!
"หวา เลิกร้องไห้ได้แล้วผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะ"
พี่สาวของฉันชื่อ'ยี่หวา'ฉันเรียกเธอสั้นๆว่าหวา เราอายุห่างกันสองปี เป็นพี่น้องกันแท้ๆแต่เหมือนเกิดมาจากคนละท้องแม่เพราะนิสัยต่างกันลิบลับ
"ถ้าหวาไม่หยุดร้อง หยีจะให้แท็กซี่วนรถกลับไปที่ห้องมันเดี๋ยวนี้เลย!"
เมื่อพูดดีก็แล้ว ดุก็แล้วหวาก็ยังไม่เลิกร้องไห้ ฉันก็เลยเลยที่จะขู่เธอและเหมือนจะได้ผล
"ฮึก ไม่ร้องแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีกนะ"
เธอเช็ดน้ำตาออกลวกๆพลางพยายามกลั้นสะอื้น ฉันละเบื่อความอ่อนต่อโลกของพี่สาวจริงๆ ทำไมไม่ได้เชื้อความรุนแรงจากฉันไปบ้างนะ ให้ตายเถอะ
"เหอะ แล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้นั่นจะเข้ามายุ่งทำไมก็ไม่รู้ ยืนดูเฉยๆไม่ได้รึไง"
"อย่าไปเรียกพี่เค้าแบบนั้นสิ อึก"
ฉันกรอกตา ฉันจะเรียกใครจิกหัวก็ไม่ได้ ก็ฉันเหม็นขี้หน้าหมอนั่นนิ ถึงจะแก่กว่าฉันตั้งสี่ปีก็เถอะ
แล้วไงอ่ะ ฉันมีพี่สาวแค่คนเดียว
"พี่ธันอุตส่าห์เข้ามาช่วย แถมยังถูกหยีด่าอีก"
เหมือนเรื่องนี้จะพอเบี่ยงประเด็นให้พี่สาวฉันหยุดร้องไห้ได้ ฉันถึงเลือกจะเปลี่ยนมาเข้าเรื่องนี้แทน
"ก็สมควรแล้ว แส่ไม่ดูเวลา"
"แต่หยี หยีทำแรงไป..."
"นี่นะแรง หวา มันแย่งแฟนหวาป่ะวะ"
"..."
เถียงไม่ออก ก็ฉันพูดจริงนิ
"แล้วไอ้แฟนเฮงซวยของหวาก็เหมือนกัน คราวนี้ถ้ามันกลับมาหา มาขอโทษ คุกเข่าขอขมาอะไรก็แล้วแต่ หวาห้ามกลับไปยุ่งกับมันอีกนะ"
"หยี..."
"ถ้าหยีรู้ว่าหวากลับไปให้อภัยมันอีกนะ น่าดู"
ฉันเอ็ดพี่สาวตัวเอง พี่สาวฉันมันเป็นแบบนี้ อ่อนไหวง่าย ไม่ทันคน ถึงได้โดนไอ้แฟนชั่วนั่นหลอกแล้วหลอกอีกซ้ำๆ เมื่อก่อนขอร้องฉัน ฉันก็อุตส่าห์ไม่โวยแต่วันนี้ฉันไม่ไหวแล้ว มันมากเกินไป มันบ่อยเกินไป คนเราให้อภัยมากสุดแค่สามครั้งก็พอมั้ง
"เค้า...ก็คงไม่กลับมาแล้วล่ะ เล่นไปอาละวาดซะขนาดนั้น"
"ก็ดี ถือว่าเขี่ยขยะเน่าๆออกไปได้"
"..."
"เชื่อหยีเหอะหวา พอกันทีกับมันน่ะ"
หลังจากนั้นไม่นานแท็กซี่ก็จอดถึงหน้าประตูรั้วบ้าน ยี่หวากำลังจะเปิดประตูลงจากรถแต่ก็ชะงัก
"หยี ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอ"
"ไม่หรอก"
ฉันส่ายหน้า พลางมองเข้าไปในบ้านก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น
"แต่นี่มันก็ดึกแล้ว..."
"หวาเข้าบ้านไปเถอะ หยีจะได้กลับห้อง"
"อะ อื้ม กลับดีๆนะ"
ฉันมองใบหน้าที่ยังคงเปื้อนน้ำตาของพี่สาวก่อนจะโบกมือลาแล้วสั่งให้แท็กซี่ออกรถเพื่อไปส่งฉันต่อที่ห้อง
ฉันมีบ้านแต่แค่ฉันไม่อยู่...
บ้านนี้เป็นบ้านของพ่อฉัน ฉันไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วตั้งแต่พ่อกับแม่แยกกัน ฉันออกจากบ้านไปอยู่กับแม่เพราะฉันติดแม่มากและฉันไม่สนิทกับญาติฝั่งพ่อสักคน ส่วนหวาได้อยู่กับพ่อแต่เราก็ยังได้เจอกันเพราะไม่เคยขาดการติดต่อ แล้วไม่นานพ่อก็แต่งงานกับแม่หม้ายลูกติด
'แม่ ร้องไห้ทำไมคะ?'
'พ่อ พ่อเขาแต่งงานแล้วลูก ฮึก'
ฉันจำภาพของตัวเองตอนเด็กที่นั่งกอดแม่ซึ่งกำลังร้องไห้ได้ ตอนนั้นฉันน่าจะประมาณแปดขวบ ฉันกับแม่เพิ่งย้ายออกจากบ้านมาแค่เดือนเดียว แค่เดือนเดียวพ่อก็จะแต่งงาน ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ฉันไม่ได้แต่งงานกันแต่แค่อยู่ด้วยกัน ฉันได้ยินญาติๆพูดเข้าหูทุกวันว่าพ่อนอกใจแม่ ผู้หญิงคนนั้นแย่งพ่อไปจากแม่...ฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้นทั้งๆที่ยังไม่เคยเห็นหน้า
แล้ววันแต่งงานของพ่อกับเธอฉันก็ไปร่วมด้วย พ่อบอกให้ฉันเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่และเรียกเด็กผู้ชายคนหนึ่งว่าพี่ แต่ฉันมีแม่คนเดียว มีพี่คนเดียวและฉันเป็นคนพังงานวันนั้นกับมือ!
หึ~
ฉันแค่นหัวเราะเมื่อนึกถึงภาพที่พ่อตีฉันและสายตาของญาติพ่อที่มองฉัน เรื่องมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้วและฉันไม่ใส่ใจอะไรมันหรอก ก็แค่มาที่บ้านนี้ทีไรแล้วมันก็จะนึกถึง...
"ไร้สาระ"
ฉันพึมพำพลางเอนหลังพิงเบาะรถ สายตาทอดมองออกไปนอกกระจกรถ บรรยากาศยามค่ำคืนตอนนี้เงียบสงบดีจัง
"..."
*Paradise Pub
วันนี้ฉันมาทำงาน ฉันทำงานเป็นดีเจอยู่ที่นี่มาได้หลายปีแล้ว เมื่อวานเป็นวันหยุดของฉันและวันนี้ฉันต้องพบกับดีเจคนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานที่นี่แทนลูกโซ่ เพื่อนสนิทของฉันที่ลาออกตามปลายฟ้าไปติดๆ และอีกไม่นานพอไปฝึกงานข้าวหอมก็จะลาออกไปอีกเพราะเธอไปฝึกงานถึงเชียงใหม่ บ้านแฟนเธอน่ะ ฉันเองก็เข้าใจแหละ พวกนั้นมีแฟนแล้ว แฟนต้องหวงเป็นธรรมดา
"ยาหยี"
"คะ?"
ฉันหยุดเดินที่หลังเวทีเมื่อถูกผู้จัดการของผับเรียก
"เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่นะ"
"อ๋อ ค่ะ"
ฉันพยักหน้าพลางมองตามผู้จัดการที่กวาดสายตามองหาใครสักคนจนกระทั่งหยุดสายตาอยู่ที่ผู้หญิงหุ่นดีคนหนึ่งที่กำลังยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนของเธอและเธอก็หันมาทางนี้พอดีผู้จัดการเลยพยักหน้าเรียก
เธอยิ้มและเดินโยกย้ายส่ายสะโพกเข้ามาหาเรา
"อ้า นี่ไงเพื่อนร่วมงานชื่อ'มินนี่' ส่วนนี่รุ่นพี่ที่นี่ชื่อยาหยี รู้จักกันไว้สิเดี๋ยวต้องทำงานด้วยกันนะ"
"สวัสดีค่ะพี่"
ยัยคนที่ชื่อมินนี่นั่นโค้งหัวให้ฉันเป็นเชิงทำความเคารพฉันซึ่งมีอายุมากกว่าเธออาจจะแค่ปีเดียวหรือสองปี
"อื้ม"
ฉันพยักหน้ารับพลางมองเธอ ยอมรับเลยก็ได้ว่ายัยนี่สวยนะ หุ่นดีด้วย สูง ขาว เธออยู่ในชุดเสื้อคลุมจั้มเอวแบบสั้นสีแดงกับกางเกงยีนส์ขาสั้นมาก
"ถึงจะเป็นเด็กใหม่แต่ไม่ต้องห่วงนะหยี น้องเค้าทำงานเก่งมาก เมื่อวานก็ได้ทิปตั้งเยอะ"
ผู้จัดการตบบ่าฉันเบาๆก่อนจะเดินออกไป ฉันพยักหน้าพลางหันไปยิ้มบางๆกับมินนี่ที่ส่งยิ้มมาให้ฉันแล้วเดินแยกตัวไปเตรียมขึ้นเวที
วันต่อมา...
"อะไร ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน"
"วันๆไม่คิดจะทำอะไรบ้างเหรอไง นอกจากเล่นไพ่ ห๊า"
"อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ ฉันเป็นพี่แกนะโว๊ย"
ควับ~
ฉันหยุดเดินและหันหลังกลับทันทีที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง
"ยาหยี นั่นยาหยีใช่มั้ย?"
กึก~
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงหนึ่งเรียกชื่อฉัน ฉันกรอกตาพลางหันกลับไปทางเดิม
"ใช่จริงๆด้วย เข้ามานี่ซิ"
ฉันถอนหายใจพลางเดินเข้าไปในรั้วบ้านหลังนั้นอย่างช่วยไม่ได้
"ป้ากับน้าเถียงอะไรกัน ไม่อายบ้านอื่นบ้างเหรอ ถามจริง?"
ฉันถามเพราะแถวนี้เป็นหมู่บ้านจึงไม่ได้มีบ้านตั้งอยู่เพียงหลังเดียว ผู้หญิงสองคนนี้ก็คือป้ากับน้าแท้ๆของฉันเอง
"หายหน้าหายตาไปเกือบเดือน แล้วนี่จะหนีกลับหรือไง"
ป้าไม่ตอบและถามฉันกลับ ฉันถึงย้อนกลับไปอีกรอบ
"ก็เห็นเถียงกันอยู่ เบื่อฟัง"
ฉันไม่ใช่เด็กดีและเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ สังคมที่ฉันเติบโตขึ้นมาแตกต่างจากพี่สาวของฉันโดยสิ้นเชิง และนี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นิสัยของฉันกับพี่สาวต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนั้นมั้ง
"ไม่ต้องมาพูดมาก แล้วนี่เอาเงินมาบ้างมั้ย?"
"อะไรกันเนี่ยพี่ เจอหน้าก็จะไถเงินหลานเลยเหรอ"
"แกก็หุบปากไป ฉันเลี้ยงมันมาทำไมฉันจะขอเงินมันไม่ได้"
ป้าหันไปต่อว่าน้าจนฉันต้องพ่นลมหายใจออกมา ฉันรู้ว่าป้าจะขอเงินไปทำอะไร
ปกติฉันจะมาที่นี่ก็แค่เดือนละครั้งเท่านั้น คือวันสิ้นเดือนหรือไม่ก็ต้นเดือน และวันนี้เป็นวันสิ้นเดือนฉันก็เลยจำใจต้องมา เหตุผลหนึ่งที่ฉันเลือกออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นเพราะฉันไม่อยากฟังป้ากับน้าทะเลาะกันทุกวันแบบนี้
"แล้วนี่ได้ไปอยู่บ้านพ่อแกหรือยัง"
แล้วฉันก็ไม่อยากฟังเรื่องเฮงซวยนี้ด้วย
"เงียบแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ไปอยู่ใช่มั้ย ฉันบอกแกแล้วไงว่าให้ย้ายไปอยู่ได้แล้ว แกปล่อยเวลาผ่านมาหลายสิบปีแล้วนะ นี่แกจะให้แม่ลูกคู่นั้นมันฮุบสมบัติพ่อแกไปหมดหรือยังไง ลำพังยี่หวามันจะทำอะไรได้..."
"อ่ะเงิน"
และฉันเลือกที่จะปิดปากป้าของฉันด้วยเงินซึ่งมันได้ผลเสมอ
"อะไรกัน ห้าร้อยเองเหรอ"
"มีแค่นี้ จะเอาหรือไม่เอา"
ฉันแกล้งจะชักมือกลับ ป้าก็เลยคว้ามือฉันไว้ก่อนจะดึงแบงค์ห้าร้อยบาทในมือฉันไป จริงๆฉันมีมากกว่านี้แต่ป้าจะเอาไปเล่นการพนัน ให้แค่นี้ก็พอแล้ว
"เอาสิวะ"
"หยี ไปให้เงินป้าทำไม"
"แกหุบปากไปเลย พูดมากทุกวันน่ารำคาญ จะเป็นแม่คนที่สองของฉันหรือไง เห้อ ได้เงินแล้วฉันไปดีกว่า"
แล้วป้าฉันก็ตัดบทด้วยการออกไปจากบ้านเพราะได้เงินตามต้องการแล้ว ฉันถอนหายใจพลางกรอกตาไปมา
"บิลค่าน้ำ ค่าไฟ มาหรือยัง"
คราวนี้ฉันถามน้าบ้าง ฉันเป็นคนจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้กับบ้านหลังนี้ ฉันจะถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณเท่าที่ฉันจะทำได้ในตอนนี้ น้าพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับสิ่งที่ฉันต้องการ
"อ่ะ นี่"
ฉันรับมันมาเงียบๆ
"ว่าแต่ ไม่ค่อยว่างเหรอ"
"อื้ม ทำงานด้วย เรียนด้วย ไม่ค่อยมีเวลามาเท่าไหร่"
"เหนื่อยแย่เลยนะ"
น้ามองหน้าฉันก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ
"ถ้าหยีไปอยู่บ้านนั้น..."
"กลับนะ"
ฉันพูดแทรก ถึงน้ากับป้าฉันจะมีนิสัยค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ทั้งสองคนก็ยังมีความคิดที่เหมือนกันในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของฉัน...
ป้าอยากให้ฉันกลับไปอยู่บ้านพ่อเพื่อทรัพย์สมบัติของพ่อที่ฉันควรจะได้
น้าอยากให้ฉันกลับไปที่นั่นเพื่อความสบายของฉันและทุกๆคนรวมถึงครอบครัวของแม่ฉันด้วย ความหมายของมันไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย...
"ลองไปคิดดูนะหยี ถึงน้าจะทะเลาะกับป้าบ่อยๆ แต่เรื่องนี้น้าเห็นด้วยกับป้านะ"
"ไปนะ"
ฉันหันไปพูดลากับน้าเป็นคำสุดท้ายก่อนจะเลือกเดินออกมาโดยไม่ฟังเสียงอะไรอีกเลย
ฉันโดนพูดกรอกหูทุกวันตั้งแต่แม่จากไป ฉันจำได้ทุกคำและทุกเรื่อง ฉันไม่อยากฟังมันซ้ำๆ...
_________
