ตอนที่ 3
อรลออชะงักเท้าหน้าประตูบ้าน กำถุงโจ๊กในมือแน่น เมื่อเห็นนางราณีและรุจิรานั่งพร้อมหน้ากันอยู่ที่โซฟากลางบ้าน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาตามไรผม
“อร... มานี่สิจ๊ะ พวกเรากำลังรออรอยู่พอดี...”
สุ่มเสียงที่นุ่มนวลแปลกไปจากทุกครั้งของรุจิรา ทำให้อรลออถึงกับแทบปล่อยถุงโจ๊กหล่นลงกับพื้น ไม่อยากเชื่อหูว่าคำพูดเพราะๆ รอยยิ้มมีไมตรีจิตจะมาจากสองแม่ลูกคู่นี้
“มาสิยายอร น้ามีเรื่องจะพูดด้วย...” ราณีหันไปเรียกซ้ำเมื่อเห็นอรลออยังลังเล
อรลออค่อยๆ เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของสตรีทั้งสอง กำลังจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเหมือนทุกครั้งที่ถูกสั่งให้ทำ แต่คราวนี้นางราณีมาแปลก ทั้งรีบร้องห้าม แถมยังตบโซฟาตัวใกล้ๆ ให้อรลออขึ้นไปนั่งด้วยอีก
โลกมันหมุนเปลี่ยนทิศหรือไงนะ...
“ไม่ดีกว่าค่ะ อรนั่งข้างล่าง...”
“นั่งข้างบนเนี่ยแหละอรลออ...”
รุจิราช่วยพูดอีกแรงทำให้อรลออไม่กล้าขัด หล่อนจึงค่อยๆ ทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ กับนางราณีด้วยท่าทางตื่นกลัว
“นี่ค่ะ โจ๊กของพี่รุ...”
หญิงสาวรีบส่งถุงโจ๊กให้กับผู้เป็นลูกสาวของเจ้าของบ้าน รุจิรารับมาวางไว้บนโต๊ะกระจกเตี้ยตรงหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ ซึ่งอรลออเห็นแล้วก็ใจคอไม่ดี เพราะแน่ใจว่าต้องมีเรื่องที่ตัวเองต้องลำบากอีกแน่ๆ
“เอ่อ... น้าณีมีอะไร...จะพูดกับอรหรือคะ...”
ราณีระบายยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบปกติ ซึ่งมีรุจิราลูกสาวคอยเป็นกองเชียร์สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
“น้าอยากให้อรไปช่วยดูแลคนๆ หนึ่งที่บ้านเขตชานเมือง...”
“ดูแล? ดูแลใครคะ... แล้วที่นี่...” หญิงสาวร้องถามอย่างตกใจ รุจิราลืมตัวตวาดออกมาอย่างหมั่นไส้
“ที่นี่ขาดแกก็ไม่ตายหรอก...” แต่ก็ต้องรีบกลบเกลื่อนเมื่อถูกสายตาดุๆ ของมารดาจ้องเขม็งมองมา
“อ่อ... พี่หมายถึงที่นี่พี่จะดูแลเอง...”
อรลออมองหน้ารุจิราอย่างตกใจ จนนางราณีต้องรีบแก้สถานการณ์ “น้าอยากให้อรไปช่วยดูแลผู้มีพระคุณของคุณอยุธ แค่ปีเดียวเอง อรช่วยน้าหน่อยนะจ๊ะ...”
“แต่ว่าอร... อรไม่รู้จักเขา...” น้ำเสียงหวานเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“เอาน่า... เขาเป็นคนดี รับรองว่าอรจะมีความสุขกว่าอยู่ที่นี่มาก...”
คำพูดของนางราณีเหมือนหวังดี แต่อรลออหวั่นอยู่ในอกว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรได้นอกจากตกลง
“แล้วจะให้อรไปเมื่อไหร่คะ...”
“พรุ่งนี้... พรุ่งนี้เลย เดี๋ยวน้าจะพาอรไปส่งให้ถึงที่...”
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลของสองแม่ลูกตรงหน้าสร้างความหวาดกลัวให้กับอรลออมหาศาล แต่ด้วยความที่เป็นคนคิดดีทำดี หญิงสาวจึงพยายามคิดว่านางราณีกับรุจิราหวังดีจริงๆ และนั่นมันก็ทำให้หล่อนสบายใจขึ้น
“ค่ะ...”
“งั้นไปเก็บของได้แล้ว พรุ่งนี้น้าจะพาไปแต่เช้า... แต่ว่า...” เหมือนพึ่งนึกได้ นางราณีจึงรีบเอ่ยขึ้น
“ถ้าคนที่นั่นถามว่าอรชื่ออะไร อรต้องบอกว่าชื่อรุจิรานะ...”
คิ้วสวยโก่งประดุจคันศรของอรลออเลิกขึ้นน้อยๆ ด้วยความแปลกใจ
“ทำไมล่ะคะ...”
แม้จะสั่งตัวเองให้พยายามสงบปากสงบคำอย่างไร แต่อรลออก็ยังอดเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้
นางราณีหันไปสบตากับลูกสาวอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันมาตอบ
“ก็เพราะว่า... คนที่นั่นเขาอยากให้ยายรุไป แต่ยายรุไปไม่ได้... อรก็รู้ไม่ใช่หรือว่ายายรุนิสัยยังไง เอาใจใครไม่เป็น ปากก็ร้าย นิสัยก็เสีย แถมยังเอาแต่ใจอีก...”
“แม่คะ พอเถอะค่ะ ข้อเสียของหนูมากขนาดนี้เลยเหรอ”
รุจิราขัดมารดาขึ้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่นางราณีไม่สนใจ หันไปพูดกับอรลออตามแผนการที่วางไว้ต่อ
“น้าเห็นว่าอรเหมาะสมก็เลยมาขอร้องอร... ช่วยน้าหน่อยนะ เพราะถ้าอรไปอยู่กับเขาหนึ่งปี เงินที่คุณพี่เคยติดหนี้เขาเอาไว้ตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่ก็จะหมดไป...”
อรลออตาโต ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ “น้าอยุธติดหนี้ไว้หรือคะ”
นางราณีรีบพยักหน้ารับทันที เพราะคิดว่าอรลออต้องยอมแน่ๆ หากเอาสามีของตนเองมาเป็นข้ออ้าง เพราะอรลออรักและเคารพอยุธมาก
“ใช่น่ะสิ ความจริงน้าก็ไม่อยากจะพูดหรอก แต่มันจำเป็น...”
ใบหน้าของนางราณีเศร้าหมอง จนอรลอออดรู้สึกสงสารไม่ได้ จึงตกลงทำตามสิ่งที่นางราณีและรุจิราขอร้อง
แม้นั่นมันจะเป็นการสวมรอยเป็นรุจิราก็ตาม...
แต่แค่รับใช้เฉยๆ ปีเดียวเดี๋ยวก็ได้ออกมาเป็นอิสระแล้ว... ถือว่าช่วยน้าอยุธผู้มีพระคุณล้นหัวของตัวเองก็แล้วกัน
“ค่ะ... อรรับปาก...”
สองแม่ลูกร้องออกมาด้วยความดีใจด้วยความพร้อมเพรียงกัน จนอรลออต้องมองด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ทำให้แค่ประหลาดใจแค่นั้นเพราะไม่กล้าถามออกไป
“งั้นอรขอตัวก่อนนะคะ...”
“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมเก็บข้าวเก็บของเลยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปสาย...” นางราณีกำชับไล่หลัง
“ค่ะ น้าณี...”
รับปากก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไปทันที และพอลับหลังอรลออ รุจิราก็หันมาหัวเราะกับมารดาอย่างสะใจ
“สมน้ำหน้ามันนะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้พอรู้ว่าต้องเป็นเมียชายอัปลักษณ์คงจะเป็นบ้าเลยทีเดียว...”
“มันจะบ้าหรือไม่บ้าแม่ไม่สนหรอก ขอให้ได้เงินยี่สิบล้านก่อน เรื่องอื่นช่างมัน...”
วายร้ายสองแม่ลูกนั่งหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างครื้นเครง วาดฝันถึงเงินก้อนโตกันอย่างมีความสุข