จำเลยน้ำผึ้ง ชุด จอมใจเทพบุตรกรีก

113.0K · จบแล้ว
เนื้อนวล/baiboau
55
บท
58.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ริคคาโด เมเนนเดซมหาเศรษฐีหนุ่มรูปงาม ทายาทธุรกิจยานยนต์มีสาขาอยู่ทั่วโลก จำต้องแต่งงานกับ รุจิรา วิโชคาศักดิ์ ตามพินัยกรรมที่บิดาระบุไว้ ริคคาโดสืบหาความจริงเพียงพบว่า ในมุมหนึ่งของรุจิรานั้นเป็นแค่ผู้หญิงสำส่อน เหลวแหลก ใช้ชีวิตอย่างน่าสะอิดสะเอียน ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นมารดาของตระกูลเมเนนเดซด้วยประการทั้งปวง ริคคาโดออกอุบายดิ้นหนีจากบ่วงวิวาห์ครั้งนี้โดยการส่งจดหมายยืนยันการแต่งงานพร้อมแนบรูปถ่ายอันแสนอัปลักษณ์ราวกับผีเน่าไปยังเจ้าสาว รุจิราถึงกับผวา รีบปฏิเสธเจ้าบ่าวที่มีใบหน้าดุจอสูรร้ายจากขุมนรกทันที แต่ความโลภย่อมไม่เข้าใครออกใคร ตระกูลวิโชคาศักดิ์จึงส่ง อรลออ จิรวัฒนา หญิงสาวที่บิดารับไว้ในอุปการะไปในคราบของรุจิราแทน อรลออก้มหน้ารับคำสั่งโดยมิโต้เถียง หญิงสาวจำต้องเดินทางไปหาเขา ริคคาโด ชายอัปลักษณ์ เพื่อเซ่นสังเวยเรือนกายแด่เขา นำสินสอดจำนวนยี่สิบล้านมาวางไว้บนหน้าตักผู้มีพระคุณ สาวน้อยหน้าหวานอย่างอรลออจะทำเช่นไร เมื่อต้องทดแทนบุญคุณด้วยการล่อลวงอสูรร้ายที่กลายร่างเป็นเทพบุตรสุดหล่อไปเสียแล้ว เธอเป็นแค่เครื่องเซ่นสังเวย เป็นเพียงตัวตายตัวแทนรุจิราเท่านั้น ริคคาโดคือชายที่อรลออต้องไม่มีความรู้สึกรวมด้วย แต่ทว่าแม่สาวกำพร้าหน้าหวานจะทำอย่างไร เมื่อดันหลวมตัวไปรักเขาเข้าเต็มเปา แถมยังเผลอตัวมอบกายใจให้เขาอีก และถ้าเขาจับได้ล่ะ ผลตอบแทนของมันคืออะไร ในเมื่อริคคาโดเกลียดคำว่าโกหกที่สุดในชีวิต

นิยายปัจจุบันแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าหนีแต่งงานเศรษฐีโรแมนติกนัดบอด

ตอนที่ 1

บ้านไม้สองชั้นหลังกะทัดรัดในเนื้อที่ไม่ถึงงาน ตั้งอยู่ในเขตชุมชนพลุ่งพล่านบรรยากาศบริเวณบ้านไม่ค่อยจะโสภานัก เพราะมีสลัมอยู่ขนาบทั้งสองข้าง แถมยังชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้ายและพวกขี้ยา มันมีมากพอๆ กับจำนวนยานยนต์ที่วิ่งผ่านไปมานั่นแหละ

ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกจะเลวร้ายเช่นไร แต่ภายในบ้านหลังนี้มันกลับมีมากยิ่งกว่า เสียงคำรามเกรี้ยวกราวของเจ้าของบ้าน คือนางราณี วิโชคาศักดิ์ เศรษฐิณีตกยาก ที่กำลังด่าทอเด็กสาวที่สามีผู้ล่วงลับไปแล้วเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กเสียงระงม

“นังอรแกมานี่เลย!”

อรลออที่กำลังล้างจานอยู่ภายในครัวรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “มีอะไรหรือคะน้าณี...”

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบกินผักบุ้ง แล้วแกผัดมาให้ฉันกินทำไม... หมู เห็ด เป็ด ไก่ ทำไมไม่ทำมาให้ฉันกินฮะ!”

นางราณีแยกเขี้ยวใส่ ก่อนจะกระชากผมสาวน้อยที่มีหน้าที่ไม่ต่างจากคนใช้แรงๆ ให้มาดูจานกับข้าวที่อรลออทำให้ทานมื้อเย็น

“อร... อรมีเงินแค่นี้... เงินเดือนอรยังไม่ออก...”

“แล้วเงินเดือนที่แล้วไปไหนหมด แกเอาไปทำอะไร หรือว่าเอาไปเสริมสวย ถึงได้หน้าเนียนขนาดนี้...”

ผู้เป็นน้าสะใภ้พูดถึงเงินเดือนที่อรลออออกไปรับงานเสริฟอาหารในตอนกลางคืน และนี่ก็คือแหล่งเงินเดียวในบ้านหลังนี้ เพราะหล่อนกับลูกสาวไม่ได้ทำงานทำการอะไร นอกจากใช้เงินไปวันๆ

“น้าณี... อรเจ็บ...”

หญิงสาวแทบร้องไห้ออกมา ยกมือจับผมที่ถูกทึ้งแรงๆ ของตนเองด้วยความเจ็บ แต่แทนที่นางราณีจะเห็นใจกับจับหน้าของอรลออทิ่มลงกับจานผักเต็มแรง จนสาวน้อยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เจ็บสิดีจะได้ตายไปสักที...!”

“มีอะไรกันคะคุณแม่... แล้วนั่น... ต๊าย...ตาย... ทำไมหน้านังอรถึงได้...”

รุจิราที่พึ่งจะกลับเข้าบ้านหลังจากออกไปผลาญเงินที่เอาจากอรลออไป ร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะหัวเราะชอบใจที่เห็นอรลออร้องไห้ด้วยความเจ็บ

หล่อนไม่เคยชอบขี้หน้านังกาฝากที่คุณพ่อของตัวเองเก็บมาเลี้ยงคนนี้เลย... แม้ทุกวันนี้จะต้องพึ่งพาเงินเดือนจำนวนน้อยนิดของอรลออก็ตาม เพราะหลังจากบิดาเสียไป เงินทองก็ร่อยหรอ และก็หมดไปพร้อมๆ กับบ้านหลังใหญ่ที่ถูกนำไปจำนองและก็ถูกธนาคารยึดไปในที่สุด จนต้องมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ หลังนี้อยู่

อรลออสวยกว่าหล่อน... รูปร่างก็ดีกว่าหล่อน... แถมยังมีแต่คนรุมรักมากกว่าหล่อน ทั้งๆ ที่อรลออไม่ได้แต่งตัวเฉิดฉายแบบหล่อนเลยแม้แต่น้อย

“แม่กินผักจนหน้าจะเป็นผักแล้ว นังอรมันยังทำมาให้แม่กินอีก แม่ก็เลยจัดการสั่งสอนมันซะ”

นางราณีหันไปพูดกับลูกสาว คล้ายกับว่ามันคือเรื่องปกติธรรมดา แต่ก็คงจะใช่... เพราะอรลออถูกโขลกสับแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน

วันไหนโชคดีหน่อยก็จะถูกแค่ผู้เป็นแม่... แต่ถ้าวันไหนพระเจ้าไม่เห็นใจหล่อนก็ถูกรุมยำจากทั้งสองคนจนสะบักสะบอม

ป้าเอิบแม่ค้าขายกล้วยทอดที่หน้าตลอดเคยถามหล่อนว่าทำไมถึงทนอยู่รองมือรองเท้าแม่ลูกคู่นี้ และสิ่งที่หล่อนตอบไปก็คือ... ทดแทนบุญคุณ เพราะหากไม่ได้ครอบครัวนี้ ป่านนี้หล่อนก็คงจะอดข้าวตายไปกับกองขยะเมื่อสิบห้าปีก่อนแล้วล่ะ

“คุณแม่ก็อย่าไปทำมันหนักมือนักนะคะ เดี๋ยวคืนนี้มันไปเสิร์ฟอาหารไม่ได้ เราก็จะไม่มีเงินกินกันนะคะ เชื่อรุเถอะนะคุณแม่ ปล่อยมันไปเถอะ”

รุจิรามองอรลออที่นั่งน้ำตาไหลพรากอย่างเหยียดหยาม ใบหน้างามที่ไม่ต้องแต่งเติมใดๆ เต็มไปด้วยก้านผักบุ้ง

นางราณีตวัดสายตาไปมองอรลออ เห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาว ใช่สิ... หากไม่มีอรลออสักคนหนึ่ง หล่อนกับลูกก็คงต้องอดตาย ไม่มีคนใช้ แถมยังไม่มีเงินใช้อีก และก็ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้หล่อนไม่ยอมปล่อยให้อรลออหลุดไปจากชีวิตของตนเอง

เมื่อก่อนหล่อนเคยให้มันกิน เคยให้มันอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ให้แบบเต็มอกเต็มใจก็ตาม พอมาถึงตอนนี้... ตอนที่หล่อนตกยาก นังอรลออก็ควรจะตอบแทนหล่อนบ้าง

“จะไปไหนก็ไปเลยไป๊... ไปให้พ้นหน้า”

นางราณีหันไปไล่เสียงแหลม อรลออรีบลุกขึ้นและวิ่งหายไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว สองแม่ลูกหัวเราะไล่หลังไปด้วยความสะใจ

“เราน่าจะเอามันไปขายนะแม่... พ่อของคุณศักดิ์ที่หนูกำลังคบอยู่นี่เขาชอบกินเด็กๆ รับรองเราได้อื้อซ่าแน่ ดีไม่ดี หากนังอรมันเอาใจเก่งๆ พวกเราสบายกันทั้งชาติ...”

รุจิราออกความคิดชั่วร้าย ด้วยความเกลียดอรลออเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงอยากจะให้อรลออตกต่ำถึงที่สุดเท่าที่จะต่ำได้

นางราณีทำตาโต ก่อนจะร้องถามออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “จริงเหรอยายรุ เขาอยากได้จริงๆ เหรอ แม่จะได้จัดการให้”

“แล้วมันจะยอมหรือคะแม่...”

นางราณียิ้มเยาะ “ไม่ยอมแม่ก็จะทำให้มันยอมเองแหละ แกลองไปติดต่อเขาสิ ถ้าเขาสนใจ แม่เรียกสองแสนนะ สำหรับครั้งแรก...”

ผู้เป็นลูกสาวหัวเราะร่วน “แม่ทำเหมือนแม่เล้าจังเลยค่ะ นี่จะเป็นนายหน้าขายเนื้อสดเหรอคะ”

“ก็ขายนังอรคนเดียวนี่แหละ...”

สองแม่ลูกหัวเราะชอบใจ ก่อนที่รุจิราจะพูดขึ้น “แต่นังอรคนเดียวเราก็กินได้นานแล้วล่ะแม่ เดี๋ยวพ่อคุณศักดิ์เบื่อ เราก็เอามาใส่ตะกร้าล้างน้ำ ยกเครื่องเสียใหม่ แล้วก็เอาไปขายกับเสี่ยเงินหนาคนอื่น แม่ว่าดีไหม...”

มืออวบของนางราณีตบเข้าหากันเสียงดัง

“ดีเสียยิ่งกว่าดีอีก เอาตามนี้เลย แม่ฝันอยากจับเงินแสนมานานแล้ว ตั้งแต่พ่อแกตายไป แม่ก็ไม่เคยได้หยิบมันอีกเลย พูดแล้วมันคันมือจริงๆ...”

“คันมืออยากเล่นไพ่น่ะสิ แม่ก็เป็นซะอย่างนี้ เล่นแล้วเสียทุกที จนต้องขายบ้าน...”

ผู้เป็นลูกสาวบ่นอุบ ขณะลุกขึ้นยืน

“เอาน่า... อย่าพึ่งมาทำให้แม่อารมณ์เสียเลย ตอนนี้กำลังอารมณ์ดีเพราะมีแหล่งเงินทุนใหม่ ไปจัดการติดต่อให้เรียบร้อยเลยนะ แม่จะรอฟังข่าว”

รุจิกายิ้มร้ายกาจ

“รอฟังข่าวดีได้เลยค่ะ รับรองว่านังอรได้มีผัวแก่คราวนี้นี่แหละ...”

นางราณีมองตามร่างสมส่วนของลูกสาวที่เดินขึ้นบันไดบ้านไปด้วยสายตากระหยิ่มยิ้มย่อง ความจริงหล่อนน่าจะจับนังอรลออขายให้กับผู้ชายรวยๆ ตั้งนานแล้ว ไม่น่าโง่เง่ามาตั้งนมนานแบบนี้เลย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

อรลออยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งด้วยความปวดใจ หล่อนไม่เคยมีความสุขยามอยู่ใกล้สองแม่ลูกนี่เลย พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจ กลั่นแกล้งทุกอย่าง และหล่อนเองก็โง่พอจะก้มหน้ารับกรรมโดยไม่คิดตอบโต้

‘น้าฝากดูแลคุณราณีกับรุจิราด้วยนะ อร... พวกเขาคงไม่มีทางอยู่บนโลกใบนี้ได้ หากไม่มีใครดูแล’

และนี่คือคำพูดสั่งเสียก่อนตายของน้าอยุธ ผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวในโลกนี้ของหล่อน และมันก็คือเหตุผลว่าทำไมหล่อนถึงไม่ยอมออกไปจากขุมนรกขุมนี้สักที

“นังอร... ฉันอยากกินโจ๊ก ไปซื้อมาให้ฉันกินหน่อยสิ...”

เสียงตะโกนจากในห้องของรุจิราตอนสิบโมงเช้าทำให้สาวน้อยสะดุ้งตกใจ ต้องรีบกุลีกุจอเข้าไปในบ้าน และค่อยๆ เอ่ยเสียงสั่น

“สิบโมง... โจ๊กไม่มีแล้วค่ะ... พี่รุ...”

“ฉันจะกิน แกไปหามาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นแกถูกตบเลือดกบปากแน่...!”

เสียงเดือดดาลของรุจิราดังออกมาจากห้อง อรลออหน้าซีดเผือด มือไม้สั่นเทารีบลนลานรับปากออกไปอย่างรวดเร็ว

“ค่ะ... ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะออกไปหาซื้อให้พี่รุ...”

รีบวิ่งออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น และก็ต้องล้มไปกองกับพื้นเมื่อชนกับบุรุษไปรษณีย์วัยกลางคนที่เดินเข้ามาพอดี

“แม่หนูอยู่บ้านนี้ใช่ไหมครับ...”

อรลออรีบพยักหน้าตื่นๆ ซีดๆ รับ “ค่ะ หนูอยู่บ้านหลังนี้ คุณลุงมีจดหมายมาส่งหรือคะ”

มือสีคล้ำส่งซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือไปรับมาถือเอาไว้ ขณะก้มมองซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงคุณน้าราณีของหล่อนชัดเจน

“เซ็นชื่อตรงนี้ด้วยแม่หนู...”

บุรุษไปรษณีย์ส่งปากกาและกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้เซ็นชื่อ หญิงสาวรีบทำตามคำสั่ง ก่อนจะส่งทั้งปากกาและกระดาษคืนให้กับลุงตรงหน้า

“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลุง”

“ขอบใจมากแม่หนู ลุงไปล่ะ”

ลุงไปรษณีย์ติดเครื่องมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว หญิงสาวกำลังจะนำเอาซองจำหมายเข้าไปวางไว้ในบ้าน แต่เสียงแหลมแสบหูของน้าราณีของหล่อนก็ดังขึ้นซะก่อน ทำให้อรลออต้องรีบวิ่งเข้าไปหา

“ใครมา...?”

“เอ่อ... ไปรษณีย์ค่ะ เขาเอานี่มาส่ง...” หญิงสาวค่อยๆ ส่งซองจดหมายให้กับผู้หญิงตรงหน้า

ราณีแทบจะกระชากจากมือของหลานสาว ก่อนจะก้มมองด้วยความประหลาดใจ “ใครส่งมานะ... ชื่อผู้ส่งก็ไม่มี...” บ่นอยู่ตามลำพัง ก่อนจะเงยหน้าไปเอ่ยไล่อรลออด้วยความรำคาญ

“จะไปไหนก็ไปสิ มายืนเสนอหน้าอยู่ได้ ไป๊!”

หญิงสาวรีบวิ่งออกมาจากบ้านแทบไม่ทัน พลางถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์เลวร้ายที่ตนเองต้องเจอะเจออยู่แทบจะทุกนาที