บท
ตั้งค่า

๗ ชีวิตเรียบง่าย (๑)

ชีวิตเรียบง่าย

ตกลงเสร็จสรรพเขาก็พาเธอมายังสำนักงานเขตเพื่อจะได้เซ็นใบหย่าให้เป็นกิจจะลักษณะ ปาลิตานั่งเงียบมาตลอดเส้นทางด้วยใจที่วูบโหวง หล่อนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ ข้าวของทุกอย่างถูกจัดใส่กล่องไว้เรียบร้อยพร้อมขนกลับไปยังบ้านยุติวิชญ์

ทว่าบุพการีของพวกเขาไม่มีใครทราบเรื่องนี้สักคน...

กระดาษสองแผ่นถูกยื่นมาตรงหน้าคู่สามีภรรยา มือบางกำเข้าหากันแน่นอยากลุกออกไปเสียเดี๋ยวนี้ หล่อนไม่พร้อมจะหย่ากับอาชาไนย ถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนกับการไม่ถูกรัก เธอก็ยังคงเชื่อว่าวันหนึ่งหัวใจของเขาจะอ่อนลง

แต่ก็ต้องพบกับจุดจบของความสัมพันธ์เมื่อตนเป็นคนลั่นวาจาขอหย่าเองกับปาก ไม่อาจย้อนเวลากลับคืนได้แล้ว จึงค่อยหยิบปากกามากำไว้แน่น อ่านตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนไว้บนหัวกระดาษ ‘ใบสำคัญการหย่า’ ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งตนได้ครอบครองใบทะเบียนสมรส วันนี้กลับต้องมาถือใบหย่าเอาไว้

และทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไม่ทันให้ได้ตั้งตัว...

“ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตของฉันเป็นอิสระ” หล่อนจำยอมเซ็นเอกสารอย่างรวดเร็วแล้วเบือนหน้าหนี ก่อนจะรับซองสีน้ำตาลมาถือไว้ด้วยความจำใจ ค่อยเดินออกมาหน้าสำนักงานเขตโดยมีอดีตสามีเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง

กระบอกตาร้อนผ่าวเพียงแค่คิดว่าต่อจากนี้ชีวิตของหล่อนจะไม่มีเขา จึงค่อยหันไปสบตากับอาชาไนยที่จดจ้องหล่อนเช่นเดียวกัน ปาลิตาสูดลมหายใจลึกพลางเรียกเสียงของตัวเองที่เหมือนว่ามันจะหายไปให้กลับมาด้วยการกระแอม

ค่อยถามสิ่งที่อยากรู้มาตลอด แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยต่อหน้าอีกฝ่ายเพราะกลัวคำตอบ ต่างจากตอนนี้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกของเธอเลยคำว่าเจ็บปวดไปไกลโข

“สี่เดือนที่เราอยู่ด้วยกันไม่ทำให้พี่ช้างรักไหมบ้างเลยเหรอคะ แค่เสี้ยวความรู้สึกก็ได้...มีบ้างไหมคะ” ขณะที่รอคอยคำตอบหล่อนแทบไม่หายใจ หญิงสาวไม่ได้มักมากอยากได้ความรักทั้งหมดจากอาชาไนย แต่ขอเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจก็ยังดี

“ไม่มี” ตอบด้วยแววตาว่างเปล่ากับน้ำเสียงเย็นชา

คนฟังจึงรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกจากหน่วยตาอย่างรวดเร็ว พลางส่งยิ้มให้เขาทั้งที่แรงจะยืนก็แทบไม่มี เธอสูดลมหายใจลึกพลางบอกตัวเองไม่ให้อ่อนแอต่อหน้าร่างสูง อยากเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งบ้างแต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน

ก่อนจากกันในฐานะสามีภรรยา เธอจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่สมควร...

“ของขวัญพวกนั้น...พี่ป่านตั้งใจทำให้พี่ช้าง ช่วยรักษามันไว้อย่างดีด้วยนะคะ” เลือกพูดในสิ่งที่อาชาไนยต้องการได้ยินแม้มันจะไม่ถูกต้องก็ตาม ขอเพียงแค่ให้เขาเก็บรักษาของเหล่านั้นเอาไว้ มันเหมือนเป็นตัวแทนของพี่สาวที่ล่วงลับไป

ส่วนเธอคงต้องบอกลารักครั้งแรกสักที เราคงไม่มีวาสนาได้ครองคู่แม้ได้อยู่ข้างกันในช่วงเวลาหนึ่ง สุดท้ายก็ต้องแยกจาก

หล่อนเลือกโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน เหมือนนกน้อยปีกหักที่จำยอมกลับรังเพื่อรักษาแผลใจให้ตัวเอง เพียงแค่ปิดประตูรถแล้วบอกจุดหมายปลายทาง พาหนะเคลื่อนตัวออกจากหน้าสำนักงานเขต น้ำตาที่เคยกลั้นไว้ก็ไหลพรั่งพรู พร้อมเสียงหัวเราะดังก้องอย่างคนไร้สติ

“เหอะ ฮ่าๆๆ ฮือ” คนขับถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ มองผู้โดยสารผ่านกระจกด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นว่าหล่อนกอดเอกสารเอาไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจพร้อมเปล่งเสียงร้องไห้ราวหัวใจแตกสลายก็รู้ได้ทันที

เอกสารในนั้นน่าใบหย่า...

จึงไม่ได้พูดหรือถามนอกจากทำหน้าที่ของตัวเอง ขับรถไปส่งหล่อนให้ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ปริ่มขาดใจของเธอไม่ขาดสาย จนถึงบ้านหลังงามแล้วรับเงินมาเต็มจำนวน ค่อยกล่าวขอบคุณสาวสวยที่สร้างบรรยากาศแห่งความเศร้ามาตลอดเส้นทาง

ร่างแบบบางเดินขึ้นบันไดหน้ามุขของบ้าน ผ่านมายังโถงกลางด้วยสายตาที่พร่าเลือนเพราะน้ำตาบดบังทัศนียภาพ ก่อนที่หล่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวออกจากครัว ภาพของหญิงวัยกลางคนเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สาวสวยค่อยกลายเป็นเด็กหญิงตัวน้อย

วิ่งเข้าหาพร้อมร้องเรียกท่านเป็นเด็ก จนคุณผู้หญิงของบ้านตกใจรีบหันไปมอง แล้วค่อยกอดตอบบุตรสาวแล้วนึกฉงนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“แม่คะ”

“ทำไมวันนี้...ไหม! เป็นอะไร เป็นอะไรลูก” กอดตอบพลางลูบศีรษะมนเหมือนเป็นการปลอบปะโลม ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเกิดจากอะไรก็ยิ่งกังวลมากกว่าเดิม ก่อนผละออกเพื่อเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวสุดที่รัก แล้วรอฟังเหตุผลที่ทำให้อีกฝ่ายร้องไห้เป็นเผาเต่า

“ไหมหย่ากับพี่ช้างแล้วค่ะ” สะอื้นพลางเช็ดน้ำตาของตัวเอง ตัดสินใจบอกความจริงกับพวกท่านพร้อมยื่นเอกสารใบหย่า จนคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับถามเสียงดังไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ พอดีกับที่คุณธนเดชเดินเข้ามาจึงได้ยินทุกอย่างชัดเจน

“ว่าไงนะ! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่ปรึกษาพ่อกับแม่ก่อนล่ะ หย่ากันทั้งที่เพิ่งแต่งงานได้สี่เดือนเนี่ยนะ ไหนลูกบอกว่ารักเขา ไหนบอกว่าชีวิตแต่งงานเป็นไปด้วยดี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” คนเป็นแม่สับสนมึนงงไปหมด

แค่ให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับแฟนเก่าของพี่สาวก็ทำใจยากพออยู่แล้ว แต่ทั้งคู่เข้าพิธีวิวาห์ผ่านไปไม่ถึงครึ่งปีกลับพบทางตันของชีวิตคู่ถึงขั้นเซ็นใบหย่า โดยที่ไม่ปรึกษาหารือกันก่อน เป็นเช่นนี้จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร

“คงเพราะ...ไหมไม่อยากเป็นตัวแทนของพี่ป่านอีกแล้ว” ถึงปากจะยิ้มแต่แววตากลับเศร้าจนคุณปภาดาที่เข้าใจมาตลอดว่าลูกมีความสุขถึงกับโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ ไม่รู้จะช่วยปาลิตาได้อย่างไร ตั้งแต่ต้นก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ทว่ารู้ดีถึงความสุขที่ล้นออกมาจากดวงตากลม จึงไม่ขัดขวาง

ยิ่งเห็นว่าลูกสาวมีความสุขมากแค่ไหนหลังแต่งงาน ค่อยเบาใจลงไปได้บ้าง ไม่คิดเลยว่าจุดจบของชีวิตคู่จะมาเร็วขนาดนี้

“ปอไหม” ประมุขของบ้านเรียกบุตรสาว ท่านเองก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ลูกเสียใจ ตอบรับคำหมั้นจากผู้ใหญ่ฝ่ายชายเองกับปาก เหมือนเป็นการทำร้ายปาลิตาทางอ้อมจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงแค่เอ่ยชื่อของอีกฝ่าย แล้วเข้าไปลูบผมนุ่มเป็นการปลอบ

“ไหมขอมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ได้ไหม ตอนนี้ไหมไม่มีที่ไปแล้ว” เธอผละออกจากอ้อมกอดแสนอบอุ่น แล้วเหลียวมองบุพการีอ้อนวอนเสียงสั่นอย่างคนหมดหนทาง ไม่รู้ว่าจะหาที่พึ่งใดแล้ว เหลือเพียงครอบครัวเท่านั้นที่สามารถโอบอุ้มหัวใจที่บาดเจ็บดวงนี้ได้

“บ้านหลังนี้ก็เป็นของลูก”

สิ้นคำพูดของคนเป็นแม่ ลูกสาวทำได้เพียงแค่ปล่อยโฮแล้วกอดท่านเอาไว้ “ฮือ” กลายเป็นเด็กเล็กที่ต้องการรังอบอุ่นในการพักพิง ถึงโลกภายนอกจะโหดร้ายเพียงใด มีแผลเหวอะหวะหนักแค่ไหน ขอแค่ได้กลับมาในที่ปลอดภัยแสนอบอุ่นหัวใจ

กับครอบครัวที่เข้าใจก็พอแล้ว...

“พ่อจะไปเอาเรื่องมันเอง กล้าดียังไงหย่าทั้งที่ไม่บอกกันก่อน ตัดสินใจกันเอง...” อดไม่ได้ที่จะโทษไปถึงอาชาไนย แต่ปาลิตาก็รีบจับแขนบิดาเอาไว้ พลางรับความผิดไว้เพียงผู้เดียว ไม่อยากให้ท่านเอาเรื่องเขาเพราะชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนผิด

“ไหมเป็นคนขอหย่าค่ะ”

“ทำไม”

“เพราะพี่ช้างไม่ได้รักไหม แล้วจะยื้อทำไมให้เจ็บกันทั้งสองคนล่ะคะ ไหมยอมเจ็บคนเดียวดีกว่า...ไหมขอนะคะพ่อ เรื่องของไหมกับพี่ช้างไม่เกี่ยวกับพ่อหรือคนอื่นเลย อย่าเอาเรื่องของเราไปเป็นเหตุผลทำให้ต้องตัดเส้นสายที่สำคัญ”

การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจมันควรจบสิ้นสักที หล่อนไม่ต้องการให้อาชาไนยต้องทะเลาะกับคนในครอบครัว เรื่องงานก็ควรให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น พวกเขาจะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก

หล่อนพยายามในส่วนของตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว บุญของเราคงทำร่วมกันมาแค่นี้ จึงต้องแยกทางโดยไม่ได้เคียงคู่...

“ไหมหย่าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ จะได้อยู่กับพ่อแม่ไง” รีบอ้อนท่านทั้งสองอย่างรวดเร็ว จนคนเป็นพ่อไม่อาจพูดอะไรได้ นอกจากดึงร่างบางเข้ามากอดด้วยความรักและสงสารจับใจ

“ลูกพ่อ”

ต่อจากนี้ไปท่านจะเลี้ยงดูลูกสาวเอง ชายคนใดที่หวังเข้ามาเป็นลูกเขยคงต้องพิสูจน์หนักหน่อย เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหมือนบทเรียนของครอบครัวยุติวิชญ์

การแต่งงานต้องเกิดจากความรักของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่งที่รู้สึกไปเองฝ่ายเดียว ไม่อย่างนั้นชีวิตคู่ก็จะพังไม่เป็นท่าแบบนี้

อาชาไนยไปทำงานที่ต่างจังหวัดสองถึงสามวัน เพิ่งกลับมาถึงเรือนหอที่ตอนนี้กลายเป็นบ้านพักอาศัยของเขาเพียงผู้เดียว ความรู้สึกแตกต่างจากเดิมที่มักมีคนมาคอยต้อนรับ พร้อมยิ้มหวานแล้วเข้ามาถามไถ่ แต่คราวนี้กลับต่างออกไป

ไม่อยากยอมรับกับตัวเองว่าแอบใจหาย เขาพยายามสั่งสมองว่ามันก็แค่ภาพจำ ตนไม่ได้มีความรู้สึกเสน่หารักใคร่ให้อดีตภรรยาสักนิด

“คุณช้าง...หย่ากับคุณไหมแล้วเหรอคะ” หันไปตามเสียงเรียก พบแม่บ้านที่เดินเข้ามาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนเขาต้องพยักหน้าค่อยตอบเสียงเรียบ

“ใช่” ทุกคนในบ้านต่างรักปาลิตา ทำให้การหย่าครั้งนี้กระทบความรู้สึกของคนทั้งบ้าน พวกเขาสนิทกับคุณผู้หญิงมากกว่าคุณผู้ชาย หล่อนเป็นความสดใสเดียวของบ้านที่เงียบเหงา พอขาดเธอจึงทำให้บ้านไร้ชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม

โดยเฉพาะเจ้าแมวลายวัวที่หล่อนเก็บมาจากข้างทาง ทว่าไม่เอากลับไปด้วย ยังคงปล่อยให้มันวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้โดยไม่รู้สักนิดว่ากำลังจะกำพร้าแม่

“แล้วเจ้าเอลล่า”

“เอาไปคืนเจ้าของเขาสิ” บอกอย่างไม่ไยดีเพราะเขาก็ไม่ได้คิดจะเลี้ยงแมวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นปาลิตาที่ถือวิสาสะเอาเข้ามาเอง จะให้ตนรับผิดชอบได้อย่างไร

พูดจบก็ก้าวเท้าไปทางบันไดเพื่อขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง ท่าแม่บ้านยังคงรั้งเจ้านายของตัวเองเอาไว้ นึกสงสารเจ้าสัตว์สี่ขาที่วิ่งเล่นอยู่บริเวณบ้านจนคุ้นเคย กลายเป็นแก้วตาดวงใจของแม่ครัวทุกคน ต้องแบ่งปันอาหารให้มันถึงเจ้าเอลล่าจะมีอาหารเลิศรสเต็มตู้ก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel