ตอนที่ 1
เสียงเฮฮาแข่งกับจังหวะดนตรีที่ดังกระหึ่มในงานฉลองมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว ที่จัดขึ้นในโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร โต๊ะในสุดเป็นที่รวมตัวของเหล่าสุภาพบุรุษซึ่งนานทีปีหนจะมาพบหน้ารวมตัวกันครบเช่นนี้
โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นั่งอยู่กลางโต๊ะเจ้าของฉายาฤาษีจำศีลด้วยแล้ว นี่ถ้าไม่ใช่งานแต่งงานของเพื่อนรักที่เรียนร่วมรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าจะเห็นพ่อเจ้าประคุณอยู่ท่ามกลางแสงสีเช่นนี้เลย
"เอ้า ดื่มให้กับเพื่อนเราที่กำลังจะมีบ่วงผูกคอเป็นรายล่าสุด ขอต้อนรับสู่สมาคมคนรักเมีย" ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นพร้อมใจยกแก้วน้ำสีอำพันชูขึ้นเหนือศีรษะ แตะแก้วพร้อมกันเบาๆ จากนั้นก็กลืนมันลงคอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
"เหลืออีกกี่คนวะ ที่ยังไม่มีมอสระเอีย เมีย มานอนกอด" ชายร่างผอมบางเอ่ยถามกลางวง
"เหลือไอ้กร แล้วก็ไอ้ฤาษีของเรา ท่าทางรายหลังนี้จะมีเมียเป็นดอกไม้เสียมากกว่ามั้ง"
ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะลั่น มีเพียงเจ้าของฉายาฤาษีจำศีลเท่านั้นที่อมยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ไม่ถือสาหาความกับคำพูดเปรียบเปรยของเพื่อนๆ
"ระวังนะโว้ย เห็นเงียบๆ ทำท่าไม่สนใจผู้หญิงในโลกสักคน ไม่แน่คุณโมกข์ของเราอาจจะคว้านางฟ้าบนสวรรค์มาเป็นเมียหน้าตาเฉยก็ได้"
"พูดเกินไปแล้ว ไอ้กร" โมกข์ส่ายหน้าแล้วยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี เขายังไม่คิดเรื่องการมีครอบครัว ยังสนุกกับการใช้ชีวิตโสดกับงานปลูกต้นไม้แบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้เพื่อนๆ จะทยอยกันไปมีครอบครัวจนเกือบหมด
ทุกคนต่างพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอย่างสนุกสนาน ทุกครั้งที่มีการรวมตัวต่างก็จะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าในชีวิตส่วนตัวและครอบครัว มาแบ่งปันกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สนุกสนาน
แน่นอนว่าคนโสดอย่างโมกข์ได้แต่นั่งฟัง อมยิ้มหรือหัวเราะ หรือทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดีแทบทุกครั้ง ประสบการณ์ที่เพื่อนๆ นำมาแบ่งปันทั้งในมุมสุขและมุมทุกข์ ทำให้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตครอบครัวไม่ใช่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก
"เห็นสาวโต๊ะโน้นไหม มองเอ็งตาเป็นมันเลย" เพื่อนที่นั่งข้างโมกข์ยกแก้วขึ้นทักทาย สาวน้อยใจกล้าในชุดเดรสสีแดงที่ส่งสายตาหาเพื่อนรักมาสักพักหนึ่งแล้ว
"ไม่รู้จะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรือเปล่า” โมกข์กระซิบกับเพื่อนเบาๆ แล้วเมินหน้าหนีมองไปทางอื่น ปล่อยให้เจ้าเพื่อนตัวดีส่งยิ้มหวานทักทายกลับไปเพียงคนเดียว
“พวกเอ็งจะกลับกันตอนไหน" โมกข์หันมาถามคนอื่นในกลุ่ม
"จะรีบกลับไปไหน ต้นไม้เอ็งไม่หายไปไหนหรอกน่า" เพื่อนคนหนึ่งเอ่ย
ทุกคนในโต๊ะตั้งใจแล้วว่าคืนนี้จะไม่ยอมปล่อยให้ฤาษีโมกข์กลับสวนแต่หัววันแน่ นานๆ เจอกันทีแบบนี้มันต้องมีดวลกันหน่อย ว่าแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันชงน้ำสีอำพันแก้วให้พ่อฤาษีต่อ
"พรุ่งนี้ข้ามีงานส่งลูกค้าแต่เช้า พวกเอ็งตามสบายเถอะ" โมกข์ทำท่าจะขอตัวกลับก่อน บ้านสวนของเขาอยู่ไกลจากที่นี่และไม่มีใครกลับทางนั้นด้วย
“จะรีบไปไหน นั่งๆ นานๆ จะมารวมกันที”
โมกข์ถูกดึงตัวไว้ให้นั่งต่อ และสุดท้ายมนต์เจ้าน้ำสีอำพันรวมกับเรื่องสนุกๆ ที่ต่างคนต่างสรรหามาเล่า ก็ทำให้เจ้าของสวนหนุ่มเพลินจนลืมเวลาไปเลยทีเดียว
"มีห้องพักให้ถ้าใครกลับไม่ไหว" เจ้าบ่าวของงานเดินกลับมาหาเพื่อนหลังจากที่ทักทายแขกในงานจนครบ โมกข์รู้สึกมึนเพราะถูกใครต่อใครส่งแก้วให้เพียงคนเดียว ฉายาโมกข์คอทองแดงคงต้องจบลงในคืนนี้เสียแล้ว เมื่อเขาเป็นคนแรกที่เอ่ยปากบอกว่า
"ข้างีบสักชั่วโมงแล้วกัน"
"ข้ากลับดีกว่า / ข้าด้วย" หลายคนทยอยกลับ บางคนที่บ้านไปทางเดียวกันก็ติดรถไปไปด้วย
"อ้าว พวกเอ็งทิ้งไอ้โมกข์นอนคนเดียวได้ไงวะ แบบนี้ของดีที่ข้าเตรียมไว้ให้ไอ้โมกข์ก็ได้ไปกอดคนเดียวซิ" เจ้าบ่าวของงานพูดทีเล่นทีจริง
“อะไรวะ ของดีที่เอ็งเตรียมไว้”
“น่ากลัวว่าจะเป็น...” เสียงหัวเราะลั่นในกลุ่มเมื่อทุกคนมองหน้าและเข้าใจความหมายของคำว่าของดีที่เพื่อนพูดถึง
“คืนนี้สละให้ไอ้โมกข์เถอะ นานๆ ฤาษีจะออกจากป่ามาเชยชมของสวยของงามตามวิถีโลก”
“ไอ้พวกบ้า คิดพิเรนทร์อะไรเนี่ย” โมกข์ส่ายหน้ากับความไม่เข้าท่าของเพื่อน หันไปขอคีย์การ์ดห้องพักเพื่อจะขึ้นไปพักผ่อน ทุกคนร่ำลากันอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันไป
โมกข์อยากนอนใจจะขาดตาแทบจะลืมไม่ขึ้น ในที่สุดเขาก็มาถึงชั้นสิบห้าห้องหนึ่งห้าศูนย์ห้า แต่พอจะเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มก็พบว่าประตูเปิดแง้มไว้อยู่ก่อนแล้ว ความง่วงอยากจะนอนเต็มแก่ ทำให้ไม่ทันได้สังเกตว่าหมายเลขห้องที่ยืนอยู่นั้นไม่ใช่หนึ่งห้าศูนย์ห้า แต่เป็นหนึ่งห้าศูนย์สี่ห้องฝั่งตรงข้ามต่างหาก
แสงไฟสลัวที่หัวเตียงทำให้พอเห็นทางเดิน เตียงนอนขนาดใหญ่กลางห้องคือที่หมายที่รอคอย เจ้าของสวนหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกให้พ้นตัว ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่และหลับสนิทในทันที
"กรี๊ด..."
เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง ปลุกโมกข์ที่กำลังหลับสบายให้รีบลืมตาตื่นขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เจ้าของสวนหนุ่มผุดลุกขึ้นมานั่ง หมอนหนุนใบแรกก็ลอยมากระแทกเข้าให้ที่ข้างแก้มอย่างจัง
"ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้คนเลว แกเป็นใคร เข้ามาในห้องฉันทำไม แกข่มขืนฉันใช่ไหม" เสียงต่อว่าต่อขานดังมายาวเหยียด ไม่เปิดโอกาสให้โมกข์ได้พูดอะไรกลับไปสักคำ
สาวน้อยที่ต่อว่าเขายืนตัวสั่นอยู่อีกฟากของเตียง ที่เจ้าหล่อนตัวสั่นไม่ใช่เพราะความกลัวหรือตกใจใดๆ ทั้งสิ้น แต่เพราะความโมโหที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีผู้ชายมานอนเปลือยกายร่วมเตียงด้วยต่างหาก
"คุณเป็นใคร" โมกข์เอ่ยถามคำแรก
แม่เจ้าประคุณนี้เข้ามาในห้องเขาได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าโรงแรมห้าดาวใจกลางกรุง มีบริการส่งสาวๆ มาให้ถึงห้องเช่นนี้ด้วย
"ฉันควรถามมากกว่านะว่านายเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วนายทำอะไรฉันบ้าง" ดวงตาคู่สวยเจิดจรัสด้วยความโมโห
โมกข์ตั้งสติมอบไปรอบห้อง เสื้อผ้าของเขากองอยู่ที่พื้นห้องด้านที่ตนเองนอน ส่วนผู้หญิงอีกคนมีเพียงผ้าขนหนูพันกายไว้เท่านั้น ชายหนุ่มให้เกียรติด้วยการไม่มองสำรวจต่อไปว่าเรือนร่างนั้นมีอะไรอิ่มล้นหรือเต็มมือขนาดไหน
"ผมมาพักสายตาและกำลังจะกลับแล้ว" ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว นาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าขณะนี้หกโมงเช้าซึ่งโมกข์ควรจะกลับสวนได้แล้ว
"เดี๋ยวก่อน" เธอร้องเรียกเมื่อเห็นชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จ และเตรียมจะออกไปจากห้องโดยไม่ตอบคำถามให้กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น
"นายเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไร แล้ว...แล้วนายทำอะไรบ้าง" คนถามหน้าแดงก่ำ
แม้จะไม่อยากรู้ว่าเขาฉวยโอกาสทำอะไรกับเรือนร่างของตนบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยและเตรียมพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่จะตามมาทีหลัง เธอจึงจำเป็นต้องถามเพื่อให้แน่ใจว่า ต่อไปต้องทำอะไร
"ผมมางานแต่งงานเพื่อนเมื่อคืนนี้ ดื่มกันหนักไปหน่อยก็เลยกลับไม่ไหว เพื่อนผมให้ขึ้นมานอนที่ห้องนี้ แล้วผมก็เข้ามานอน เท่านั้น" โมกข์อธิบายตามความเป็นจริง
