บท
ตั้งค่า

หนึ่ง

การเดินทางหลายพันลี้ เริ่มจากการก้าวเท้าก้าวแรก 1

เมื่ออายุได้ห้าขวบ ยอดปรมาจารย์ก็รับตัวนางเป็นศิษย์ และเดินทางสู่เขาซูซันเพื่อฝึกยุทธ์พร้อมกับบรรดาพี่ชาย

ก่อนขึ้นเขาเด็กทั้งสี่คนได้ถูกทำนายดวงชะตาไว้

‘บุตรชายคนโตเถรตรงและซื่อบื้อ ภายภาคหน้าจะได้ช่วยเหลือผู้คนทั้งใต้หล้า เปลือกนอกเข้มแข็ง ทว่าจิตใจกลับอ่อนโยนยิ่งนัก

บุตรชายคนรองดวงชะตาดอกท้อ อนาคตจะได้กระทำการใหญ่ ระวังมีเภทภัยจากหญิงงาม

บุตรชายคนที่สามเจ้าเล่ห์แสนกล ฉลาดเฉลียว ดวงชะตารุ่งโรจน์ เงินทองกองแทบเท้า แต่กว่าจะหาสตรีมาครองคู่ได้อุปสรรคกลับมากมาย

บุตรีคนสุดท้องมีชะตารันทดดังยอดเขาสูงโดดเดี่ยว ดึงดูดภัยอันตรายเข้าสู่ตัว ต้องอาศัยผู้มีบารมีสูงจึงจะอยู่รอดปลอดภัย เคราะห์กรรมหนักหลายครั้งหลายครากว่าจะสุขสบาย’

ในวันแรกของการเดินทางออกจากจวนตระกูลจ้าว นางกับพี่ชายต่างก็สงสัยว่าเหตุใดจึงต้องห่างอกท่านพ่อท่านแม่มาไกล ทว่าด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็ก ความอยากเที่ยวเล่นมีมากกว่า จึงยอมตามท่านอาจารย์ขึ้นสู่เขาซูซัน

ก่อนออกเดินทาง ท่านอาจารย์ของนางกล่าวไว้ว่า ‘การเดินทางหลายพันลี้ ย่อมเริ่มจากการก้าวเท้าก้าวแรก’ วาจายิ่งใหญ่ปานนั้น นางกับพี่ชายจึงหลงเชื่อคำพูดของปรมาจารย์จิวซื่ออย่างโง่งม

พอโตขึ้นมาถึงได้รู้ความหมายของประโยคนี้ ทุกอย่างย่อมมีจุดเริ่มต้น เริ่มจากการเดินทางไปทั่วทั้งจงหยวน[ จงหยวน ดินแดนที่ราบภาคกลางของจีน ระหว่างแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำเหลือง) และแม่น้ำแยงซีเกียง (แม่น้ำฉางเจียง)] ทุกสามเดือนท่านอาจารย์จะพานางกับพี่ชายลงเขาเพื่อเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วยุทธภพ แม้ท่าทางของอาจารย์จะไม่คล้ายยอดคนสันโดษ แต่อย่างน้อยบนเขาซูซันก็ยังมีอาจารย์หญิงซึ่งเป็นภรรยาของเขาและท่านลุงจางซึ่งเป็นพ่อบ้านเก่าแก่

อาจารย์พานางและพี่ชายเดินทางไปยังเมืองต่างๆ สี่ทะเลหมื่นขุนเขาล้วนได้เหยียบย่ำ ทว่าทุกครั้งที่กลับมาจากการท่องเที่ยว การฝึกมักจะโหดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ผ่านไปหลายปีทั้งสี่พี่น้องจึงสำเร็จวิชาตามความมุ่งหมาย และค่อยๆ ลงจากเขาทีละคน

เนื่องด้วยที่ทั้งสี่เป็นลูกหลานตระกูลขุนศึก นอกจากวิทยายุทธ์แล้ว ตำราสามอักษร[ ตำราสามอักษรอักษร เป็นแบบเรียนขั้นพื้นฐานสำหรับหัดอ่านเบื้องต้นตามจารีตโบราณด้านการศึกษา] ภาพวาด โคลงกลอน ล้วนต้องฝึกฝน อย่างน้อยฝีมือก็ไม่ควรขี้ริ้วจนเกินงาม อาจารย์บอกว่าขุนศึกจำต้องรู้วิชา มิเช่นนั้นรังแต่จะพาเหล่าทหารไปตายอย่างโง่งม

พี่ใหญ่ของนางมีชื่อว่า จ้าวจิ่นลี่ ยิ่งโตก็ยิ่งมีร่างกายสูงใหญ่ อาจารย์กล่าวว่าพี่ใหญ่ของนางนิสัยหนักแน่นมั่นคง สามารถฝึกกำลังภายในสายหยาง ความแข็งแกร่งเช่นนี้เหมาะแก่การฝึกอาวุธระยะกลาง จำพวกทวน หอก และง้าว จ้าวจิ่นลี่เป็นคนเดียวที่เชี่ยวชาญการขี่ม้ามากที่สุด ปรมาจารย์จิวซื่อจึงสอนวิชาปฐพีไร้พ่ายซึ่งเป็นสุดยอดวิชาการใช้อาวุธระยะกลางบนหลังม้าอันเลื่องชื่อ อีกทั้งสอนวิชากลไกและค่ายกลเพื่อใช้ในสนามรบ พอพี่ใหญ่อายุครบสิบห้า ท่านอาจารย์ก็ถีบหัวส่งลงเขากลับบ้านไปคนแรก

ราวกับว่าท่านอาจารย์ไม่สนใจไยดีเขาเท่าใดนัก ทว่าหลังจากนั้นตลอดทุกคืนเกือบสามเดือน นางมักจะได้ยินเสียงทอดถอนใจและเสียงพร่ำบ่นถึงพี่ใหญ่จากอาจารย์และอาจารย์หญิง

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าพี่ใหญ่เข้าร่วมกองทัพกับบิดา

พี่รอง จ้าวจิ่นติ้ง มีอุปนิสัยชอบเล่นสนุก ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ รูปร่างสูงโปร่ง สามารถผสานความแข็งกร้าวกับความอ่อนหยุ่น ร่างกายเหมาะแก่การฝึกวรยุทธ์อย่างมาก ท่านอาจารย์จึงสอนสุดยอดวิชากระบี่หิมะให้เขา เมื่อพี่รองอายุครบสิบห้า แม้อาจารย์จะชอบอาหารฝีมือเขามากกว่าท่านลุงจาง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องตัดใจถีบหัวส่งเขากลับบ้านเกิดไปอีกคน

บุตรชายคนโตสร้างชื่อเสียง บุตรชายคนรองยิ่งต้องเจริญรอยตาม นางและพี่สามร่ำไห้อยู่เป็นนาน เพราะฝีมือการทำอาหารของท่านลุงจาง พ่อบ้านบนเขาซูซันนั้นเรียกได้ว่าแค่พอทน

ผ่านไปไม่นานก็ได้ข่าวว่าเขาเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาหมื่นอักษร ฝีมือทางด้านการต่อสู้ยอดเยี่ยม จนในที่สุดก็มีแววว่าจะได้เป็นราชองครักษ์

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ พี่สามของนาง จ้าวจิ่นกวาง ภายนอกเหมือนรักสงบ แต่ในหัวมีแผนการหลากหลาย นิสัยคล้ายท่านอาจารย์ที่สุด จึงได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชาพัดจันทราไร้เงา วิชาสายอ่อนหยุ่นเน้นการโจมตีภายใน พี่สามมีพรสวรรค์แต่ขี้เกียจตัวเป็นขน เว้นว่างเป็นต้องนอนหลับ ไม่ก็ลากนางมาเล่นหมาก หาวิธีหมายหลบหลีกการฝึกฝน

ส่วนนาง จ้าวเสวี่ยเฟิง หากพูดโดยไม่ถ่อมตน ก็ต้องบอกว่ามีเค้าโครงความงามตั้งแต่เด็ก อาจารย์ อาจารย์หญิง และพี่ชายเกรงว่านางจะนำเภทภัยมาสู่ตนเอง จึงถ่ายทอดวิชาแปลงโฉมและสุดยอดวิชาฝ่ามือหิมะไร้รอยให้นางเพื่อป้องกันตัว

สำนักของนางหรือก็คือบ้านของท่านอาจารย์อยู่บนเขาสูงตรงดินแดนตอนเหนือของต้าถัง ติดกับชายแดนของชนเผ่าต่างๆ นอกด่าน ลงจากหน้าผาก็เป็นเขตแดนของทู่เจี๋ย[ ทู่เจี๋ย หรือเผ่าเติร์ก เป็นหนึ่งในชนเผ่าเร่ร่อนที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกตะวันออก และมีบทบาทในประวัติศาสตร์จีนค่อนข้างมาก เพราะแม้แต่จักรพรรดิราชวงศ์สุยและถังก็มีเชื้อสายเติร์กด้วย] ทว่าทางขึ้นนั้นกลับอยู่ในดินแดนของต้าถัง แม้ว่าชนเผ่าเหล่านั้นจะลอบโจมตีด่านทางเหนือของต้าถังบ่อยครั้ง แต่พื้นที่นี้กลับได้รับการยกเว้น

แน่นอนว่าจะมีใครอยากสู้รบกับยอดยุทธ์แห่งแผ่นดินใหญ่เล่า? แค่อ้างชื่ออาจารย์ของนางผู้คนก็กลัวจนหัวหดแล้ว

เรื่องตลกอันใดกัน? เป็นอาจารย์ของนางคุยโม้โอ้อวดเสียสามส่วน

หลังจากที่พี่ใหญ่กับพี่รองลงจากเขาไป ด้วยชื่อเสียงที่เริ่มถูกกล่าวถึงมากขึ้น ชื่อของปรมาจารย์จิวซื่อจึงถูกหยิบยกมากล่าวขวัญ ไม่นานก็เริ่มมีผู้คนขึ้นเขาเดือนละหลายคน ท่านลุงจางบอกว่าคนเหล่านี้มักจะมากราบอ้อนวอนอาจารย์ของนางเพื่อขอเป็นศิษย์ นับว่าชื่อเสียงของเขานั้นไม่ธรรมดา แต่ยอดคนไหนเลยจะรับศิษย์มากมาย อาจารย์เพียงแต่บ่นรำพึงรำพันว่ามีทโมนอย่างพวกนางสี่พี่น้องก็เหลือบ่ากว่าแรงแล้ว จะรับผู้อื่นมาเป็นศิษย์อีกทำไม ท้ายที่สุดก็สั่งให้พวกนางหาวิธีกลั่นแกล้งคนเหล่านั้นจนถอยร่นลงเขาไป

อาจารย์และอาจารย์หญิงจึงมอบหมายให้นางและพี่สามวางกับดักไว้ พร้อมประกาศว่าผู้ใดผ่านด่านของพวกนางมาได้ อาจารย์จึงจะรับเป็นศิษย์ หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดมารบกวนอีกเลย

เฮอะ!

นางกับพี่สามไหนเลยจะกล้าทำเล่นๆ อาจารย์ข่มขู่เสียดิบดีว่า หากมีคนขึ้นเขามาได้ พวกนางจำต้องลงจากเขาแล้วกลับบ้านเกิดไปทันที

พี่รองลงจากเขาไปได้ปีหนึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลง มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นเขามาคนเดียว รอบกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลแต่ไม่ถึงตาย นางและพี่สามประหลาดใจยิ่งนัก ท่านอาจารย์หญิงตรวจชีพจรจึงรู้ว่าเขามีพื้นฐานวรยุทธ์ น่าเสียดายที่เขาถูกพิษร้ายแรง เกรงว่าถ้ามาช้าไปไม่กี่ชั่วยามก็คงไปเฝ้ายมบาลแล้ว นางและพี่สามเริ่มคิดไม่ตกอยู่พักใหญ่ คงจะถึงเวลาที่นางและพี่สามต้องถูกถีบลงเขาแล้วกระมัง

หลังจากนั้นเจ็ดวันเด็กหนุ่มผู้นั้นก็ฟื้น เขาอายุสิบหกปีชื่อ สุ่ยเจี้ยนหัว ตั้งใจขึ้นเขามากราบปรมาจารย์จิวซื่อให้เป็นอาจารย์ แม้ว่าจะอายุมากกว่าเสวี่ยเฟิง แต่ในที่สุดนางก็ได้เป็นศิษย์พี่สี่ รสชาติการเป็นศิษย์พี่ช่างดียิ่ง สุ่ยเจี้ยนหัวมีฝีมือด้านการทำอาหาร รู้จักเอาอกเอาใจศิษย์พี่ จ้าวจิ่นกวางกับจ้าวเสวี่ยเฟิงจึงลำพองใจนัก

ด้วยเหตุนี้สองพี่น้องจึงไม่ได้สนใจซักไซ้ประวัติของศิษย์น้องเล็กคนนี้เท่าใด

สุ่ยเจี้ยนหัวถูกพิษ จึงใช้กำลังมากไม่ได้ แต่เขามีประสาทสัมผัสทั้งห้าและมันสมองอันยอดเยี่ยม ท่านอาจารย์จึงสอนเพียงการฝึกกำลังภายในเพื่อรักษาอาการบอบช้ำและสอนวิชาแพทย์ให้เขา

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี พี่สามอายุสิบห้า ส่วนนางอายุสิบสี่ ก็ได้เวลากราบลาอาจารย์และอาจารย์หญิง แล้วลงจากเขากลับบ้านเกิด ที่จริงแล้วนางยังอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่เพราะเป็นสตรีจึงไม่อาจลงเขาคนเดียวได้ เลยต้องถูกลากลงเขาไปกับพี่สามอย่างช่วยไม่ได้

สุ่ยเจี้ยนหัวเกิดอาการเหงาหงอย ร่ำลานางและพี่สามด้วยดวงตาแดงก่ำ สุดท้ายยังมีน้ำใจทำอาหารใส่ห่อให้ทั้งสองก่อนออกเดินทาง ทั้งสองซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ก็จำต้องตัดใจหันหลังลงจากเขาด้วยความอาวรณ์

ส่งกันพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน[ มาจากประโยคที่ว่า 送君千里終須一别]…

ก้าวแรกที่นางกับพี่สามมาถึงหน้าจวนตระกูลจ้าว ก็เห็นประตูจวนที่ประดับด้วยอักษรมงคลเพื่อต้อนรับการกลับมาของพวกนาง เพราะพี่สามส่งจดหมายมาแจ้งข่าวล่วงหน้าเป็นเดือน บ่าวรับใช้มองพวกนางพลางอ้าปากค้าง ชาวบ้านต่างวิ่งเข้ามามุงดูนางกับพี่สาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel