บทที่ 1 ถูกหักหลัง
บทที่ 1 ถูกหักหลัง
เสียงเพลงบรรเลงเคล้าคลอไปกับเสียงพูดคุยของบรรดาแขกชายหญิงที่เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในงานรับรางวัลเกียรติยศ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ ด้านการวิจัยคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง โดยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิง จางหนิงฮวา
จางหนิงฮวาเป็นอัจฉริยะด้านการวิจัยยา ทั้งทางแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ
ในขณะที่เหล่าบุคลากรคนสำคัญในสายงานทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ กำลังพูดคุยถึงความสามารถของเภสัชกรหญิงจางหนิงฮวา ที่โดดเด่นเกินกว่าคนในวัยเดียวกันไปมาก เสียงของพิธีกรประจำงานก็เริ่มประกาศเชิญประธานในงานกล่าวทักทายแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน
หลังจากนั้นพิธีกรก็เริ่มกล่าวคำชื่นชมเจ้าของรางวัลอันทรงเกียรติในค่ำคืนนี้
จางหนิงฮวาก้าวขึ้นมายืนบนเวทีด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มหวานเอาไว้ หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาคมเฉี่ยว เครื่องหน้างดงามลงตัว ยื่นมือออกไปรับรางวัลจากผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์คนสำคัญท่านหนึ่งด้วยท่าทางมั่นใจ จากนั้นพิธีกรจึงให้เธอกล่าวถึงความรู้สึกของตัวเองที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าในครั้งนี้
“ฉันต้องขอขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับฉันในวันนี้...” จางหนิงฮวากล่าวไป ก็กวาดสายตามองหน้าของคนที่เธออยากให้มาแสดงความยินดีกับเธอมากที่สุดในวันนี้ แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่ว่าเธอจะมองไปที่ไหนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของแฟนหนุ่ม
“...และไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ฉันจางหนิงฮวา จะไม่ยอมแพ้หรือหยุดพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ฉันเป็นหมอยาที่เก่งกว่าตัวฉันในวันนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่หญิงสาวกล่าวจบ เสียงปรบมือก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องจัดงานเลี้ยงแห่งนี้ ทุกคนต่างกล่าวแสดงความยินดีกับเธออีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มพร้อมกัน เพื่อเป็นการฉลองและยอมรับในความสามารถของเธออย่างสมบูรณ์
หลังจากงานพิธีการรับรางวัลผ่านไป ช่วง after party ที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ รอคอยก็มาถึง เพื่อนในสายงานของจางหนิงฮวาต่างมาร่วมยินดีกับเธออย่างล้นหลาม รวมถึงอี้ลี่อินเพื่อนสนิทที่คบกันมาสิบกว่าปีของจางหนิงฮวาก็มาร่วมแสดงความยินดีกับเธอด้วยเช่นกัน
อี้ลี่อินนำดอกไม้ช่อโตมามอบให้ พร้อมกับค็อกเทลสูตรพิเศษที่เธอทำเอง เพื่อถือเป็นการฉลองให้กับความสำเร็จของเพื่อนสาว
จางหนิงฮวารับเหล้าแก้วนั้นมาโดยไม่คิดระแวงสิ่งใด เธอดื่มมันเข้าไปจนหมดในครั้งเดียว ก่อนที่จะขอแยกจากอี้ลี่อินเพื่อไปกล่าวคำทักทายกับแขกผู้ใหญ่ และเพื่อนคนอื่นๆ ในงานต่อ
ไม่นานหญิงสาวก็รู้สึกว่าหัวสมองของตนเริ่มหนักอึ้ง รวมถึงสายตาก็เริ่มพร่าเบลอ เธอจึงขอตัวลาแขกท่านอื่นเพื่อมาเข้าห้องน้ำ หวังจะล้างหน้าล้างตาเพื่อไล่อาการประหลาดของตนออกไป
“พวกแกเตรียมเปิดห้องไว้ได้เลย ไม่เกินยี่สิบนาที นังบ้าหนิงฮวามันได้ไปนอนให้พวกแกเล่นสนุกแน่” เสียงปริศนาที่ดังมาจากห้องน้ำด้านในสุด ทำให้เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงถึงกับหยุดชะงัก
ต่อให้จะเมามากแค่ไหน หรือตอนนี้สติจะเลือนรางเพียงใด แต่เธอก็ไม่มีทางจำเสียงเพื่อนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีผิดอย่างแน่นอน จางหนิงฮวาถอดรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมอยู่ออก ก่อนจะย่องด้วยเท้าเปล่าเข้าไปใกล้ ๆ ห้องน้ำห้องสุดท้ายที่ปิดประตูเอาไว้อยู่ แล้วพยายามเอียงหูฟังอย่างตั้งใจ
“ฉันวางยามันแล้วเรียบร้อย” เสียงของคนในห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง
เธอไม่ได้ยินเสียงตอบโต้จากอีกฝ่าย คิดว่าน่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์กัน
“นังนั่นมันโง่จะตาย พวกแกจะทำอะไรก็ทำ แต่ต้องถ่ายรูปกับถ่ายคลิปมันมาให้ฉัน”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ จางหนิงฮวาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีน้ำเย็นจัดราดรดศีรษะเธอ เล่นเอาหญิงสาวถึงกับตาสว่างเลยทีเดียว
จางหนิงฮวารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครจับเธอกดน้ำเอาไว้ เธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ทั้งที่ไม่มีใครมาจับตัวเธอเอาไว้ด้วยซ้ำ
“ถ้าพวกแกทำสำเร็จ ฉันจ่ายให้ไม่อั้นอยู่แล้ว อยากได้เงินก็ทำงานให้เรียบร้อยก็แล้วกัน งานมา เงินไป เข้าใจไหม แค่นี้นะ”
เมื่อเสียงข้างในเงียบไปครู่หนึ่ง จางหนิงฮวากำลังจะก้าวขาออกจากตรงนี้ก็ถึงกับเดินไม่ออก เพราะเสียงที่เธอได้ยินหลังจากนี้
“ว่าไงที่รัก คุณจะให้ผมไปรับกี่โมง” เสียงปริศนาที่ดังขึ้นผ่านสัญญาณโทรศัพท์ที่เปิดโฟนไว้ ทำเอาเธอช็อกหนักยิ่งกว่าเดิม
“เดี๋ยวฉันเอาจางหนิงฮวาไปส่งที่ห้องก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะโทรไปบอกอีกที วันนี้เธอเมามากเลย ฉันต้องดูแลเธอให้ดีสักหน่อย” เสียงเพื่อนรักของเธอตอบกลับปลายสายไป และดูเหมือนเธอจะปิดโฟนไปแล้วเพราะเสียงจากอีกฝั่งหายไป ทำให้จางหนิงฮวาไม่ได้ยินอีก
“ไม่เป็นไรนะคะที่รัก ฉันหาคนมาดูแลยัยนั่นแล้ว” เสียงอี้ลี่อินตอบกลับปลายสาย
“มันไม่ตายหรอกค่ะ ฉันวางยานอนหลับมันแค่เม็ดเดียว มันไม่ถึงกับหลับข้ามวันหรอก อีกอย่างนะ ฉันอยากให้มันตื่นขึ้นมาระหว่างที่มันกำลังตกเป็นของเล่นของไอ้พวกสวะนั่น”
คำพูดที่แสนร้ายกาจหลุดออกมาจากปากของคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนสนิท จางหนิงฮวาถึงกับจุกไปทั้งหัวใจ เธอยกมือขึ้นปิดปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงแห่งความเสียใจหลุดรอดออกไป
‘ลี่เอ๋อร์ เธอคิดกับฉันแบบนี้เองหรอกเหรอ’
แม้จะเสียใจมากแค่ไหน ที่เพื่อนรักหักหลังเธอ แต่จางหนิงฮวาก็ไม่มีเวลามาคร่ำครวญแล้ว เวลานี้เธอเริ่มรู้สึกว่ายาที่ดื่มเข้าไปพร้อมกับแอลกอฮอล์กำลังออกฤทธิ์
เพราะเหตุนี้เธอจึงวิ่งออกจากห้องจัดงานเลี้ยงทางประตูหลัง โดยที่จางหนิงฮวาไม่รู้เลยว่าใครบ้างที่เป็นคนของอี้ลี่อิน
ทันทีที่วิ่งมาถึงรถยนต์ส่วนตัวของตัวเอง เธอก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับทันที ความรีบร้อนทำให้ไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัยเสียด้วยซ้ำ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูกดส่งข้อความเสียงหาเพื่อนสาวอีกคนที่ทำวิจัยร่วมกันมา
“เสี่ยวเยว่ ฉันโดนวางยานอนหลับ กำลังจะกลับไปที่คอนโด เธอไปเจอฉันที่นั่นนะ ตอนนี้เลย” จากนั้นหญิงสาวก็โยนโทรศัพท์ไว้เบาะข้างคนขับ ก่อนจะประคองสติเพื่อขับรถให้ไปถึงที่หมายก่อนที่เธอจะหลับ
ระหว่างทางที่ขับรถออกจากงานเลี้ยง แทนที่จะดีใจที่วันนี้ได้เดินทางตามความฝันในการเป็นหมอยาจนประสบผลสำเร็จ ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้อาวุโสท่านอื่น ๆ แต่กลับต้องมาเสียใจเรื่องเพื่อนสนิทและคนรักที่ร่วมมือกันทรยศเธออย่างเลือดเย็น
ความทรงจำหลายอย่างที่ผ่านมาของจางหนิงฮวาเริ่มไหลเข้ามาในหัวเธอเป็นฉากเป็นตอน หลายต่อหลายครั้งที่เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันครั้งหนึ่งเธอบังเอิญไปเจอเพื่อนสนิทอยู่กับแฟนหนุ่มในร้านอาหารหรูตามลำพัง และบังเอิญเห็นทั้งสองคนเดินด้วยกันในห้างอย่างสนิทสนม แฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทผ่านหน้าเธอไปโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
หญิงสาวเคยเอ่ยถามทั้งคนรักและเพื่อนสาวถึงเรื่องที่เธอพบเห็น แต่ทั้งคู่กลับบอกว่ามันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ส่วนที่เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันก็เพราะว่าทั้งคู่บังเอิญเจอกันจริง ๆ
แม้หลายสถานการณ์จะไม่อาจเชื่อได้ แต่เพราะความไว้ใจและรักคนทั้งสองมาก เธอจึงไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะทำร้ายเธอได้ลงคอแบบนี้
น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบลงมา เสียใจที่ความรักของเธอถูกคนทรยศทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดี หัวใจดวงน้อยในทรวงอกเต้นโครมครามอย่างเจ็บปวด ยิ่งนึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่เพิ่งได้ยินมา ยิ่งตอกย้ำว่าเธอมันโง่แค่ไหน ที่ไปหลงรักและไว้ใจงูพิษอย่างอี้ลี่อิน นังแพศยาคนนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพ หรือเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ถูกผู้หญิงเลวคนนั้นส่งให้ดื่มด้วยความไว้ใจ เลยทำให้จางหนิงฮวาไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวรอบข้าง
ในขณะที่เท้ากำลังเหยียบคันเร่งเพื่อส่งให้รถยนต์คันหรูวิ่งผ่านสี่แยกไปอย่างร้อนใจ ทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกขนาดสิบแปดล้อวิ่งผ่าไฟแดงมาอีกทาง ยานพาหนะทั้งใหญ่และเล็กจึงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง รถของจางหนิงฮวาตีลังกาพลิกคว่ำหลายตลบ ส่งผลให้หญิงสาวที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นออกจากตัวรถไปไกล
จางหนิงฮวาที่นอนหายใจรวยรินและกำลังจะสิ้นสติสุดท้าย ได้กล่าวย้ำความแค้นในใจออกมาอย่างตั้งใจ
“หากมีโอกาสอีกสักครั้ง ฉันจะเอาคืนพวกแกอย่างสาสม”
