ตอนที่หนึ่ง จบสิ้นแล้ว
ตอนที่หนึ่ง
จบสิ้นแล้ว
“ท่านพ่อ ฮือๆๆๆ”
“ท่านพี่ ช่วยพวกเราด้วย ฮือๆๆๆ”
เสียงร้องไห้ดังระงมของมารดาและน้องสาวทั้งการพยายามขืนตัวไม่ยอมเดินตามการฉุดกระชากของทหารซึ่งทำตามหน้าที่ทำให้ ‘ถังลี่หง’ ต้องปาดน้ำตาที่ไหลออกมานองหน้าจนมองแทบไม่เห็นทางแต่ไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้
นางเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องเดินตามขบวนของเหล่าสตรีสกุลถังไปตามทางเดินซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยต้องย่างเท้าเหยียบย่ำด้วยนั่งแต่รถม้ามาตลอด
แต่บัดนี้ไร้ซึ่งสิ่งสะดวกสบายเช่นเก่าก่อน พวกนางจึงต้องเดินด้วยสองเท้าของตนเองไปตามการควบคุมของกลุ่มทหาร
ด้วยหญิงสาวไม่ได้ขัดขืนทั้งไม่ได้คร่ำครวญหรือพยายามวิ่งหนีจึงไม่มีทหารคนใดเข้ามายุ่งเกี่ยว
สายตาเศร้าหมองกวาดตามองไปโดยรอบจวนสกุลถังซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนยังเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูถึงขีดสุดด้วยเป็นจวนของเสนาบดีกรมคลังผู้มั่งคั่ง
‘ถังหาน’ นับเป็นเสนาบดีมากฝีมือที่จัดสรรเงินทองเข้าท้องพระคลังได้อย่างมากมายจนเป็นที่ไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้มาโดยตลอด
‘ถังลี่หง’ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตจึงได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีและใช้ชีวิตอย่างคุณหนูสูงส่งมาตลอด18ปี
ไหนเลยจะคาดคิดว่าจู่ๆ จะมีราชโองการประกาศโทษร้ายแรงของบิดาลงมาอย่างกะทันหัน
ทันทีที่ขันทีขานโทษทัณฑ์ที่ต้องได้รับออกมาพร้อมกลุ่มทหารที่กรูกันเข้ามายืนเรียงรายเต็มจวนสกุลถัง
‘เจาซื่อ’ มารดาของนางถึงกับเป็นลมล้มพับไปขณะที่ น้องสาวคนรอง ‘ถังลี่ซู’ กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งทั้งออกอาการไม่ยอมรับอย่างสูญเสียการควบคุมตนเอง
ส่วนนางยังมัวตะลึงค้างไปกับถ้อยคำที่ได้ยินโดยไม่ทันตั้งตัว
“‘ถังหาน’ มีความผิดร้ายแรงโทษฐานเบียดบังคดโกงเงินภาษีอากรซึ่งเป็นเงินหลวงมีหลักฐานชัดแจ้งให้ถอดออกจากตำแหน่งเสนาบดี ยึดทรัพย์สินทั้งหมดและกักขังในคุกหลวงรอการไต่สวนและลงโทษต่อไป
บุรุษในสกุลถังทุกคนให้เนรเทศไปใช้แรงงานยังชายแดนฝั่งเหนือ ส่วนสตรีไม่ว่าวัยใดให้นำตัวไปยังสำนักสังคีตหลวงเพื่อใช้แรงงานตามความเหมาะสม”
โทษหนักเพียงนี้ไม่แปลกที่คนในสกุลจะไม่อาจยอมรับ ถังลี่หงรีบวิ่งไปหาบิดาหวังสอบถามความจริง แต่ถังหานถูกจับกุมใส่โซ่ตรวนแล้วลากออกไปโดยไม่ทันได้ร่ำลา
ทหารจากกลาโหมเข้ามาแยกบุรุษสตรีอย่างเข้มงวดดุดันโดยไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เคยมี
เสียงฝีเท้าของทหารที่เดินเพ่นพ่านไปมาประสานกับเสียงเหล็กกระทบพื้นช่างน่าเกรงขามนัก
บุรุษของสกุลถังมีไม่มากด้วยบิดาของนางแยกมาตั้งตัวยังเมืองหลวงจึงมีเพียงญาติไม่กี่คนที่ติดตามมา พวกเขาต่างร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่ใช่ความผิดของตนเองแต่หามีผู้ใดรับฟัง
ฝั่งสตรีได้แก่ มารดาของนาง ตัวนางเอง น้องสาว แม่นม และเหล่าสาวใช้อีกหลายคนต่างยืนร้องไห้เสียงระงม
ถังลี่หงกวาดตามองหาอนุ2-3คนที่บิดาเคยเลี้ยงไว้แต่กลับไม่เห็น
พวกนางคงฉวยโอกาสชุลมุนหลบหนีไปแล้ว เป็นธรรมดาที่เมื่อเสาหลักล้มครืน นกกาย่อมบินว่อน
แต่จะหนีได้พ้นหรือไม่คงต้องดูกันอีกที
เมื่อแยกแยะเรียบร้อย สตรีทั้งหลายจึงถูกลากให้เดินตามไปยังสำนักสังคีตซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง
“จะให้พวกเราเดินไปหรือ? รถม้าเล่า?”
เสียงโวยวายของถังลี่ซูเรียกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากทหารหลายคน
