ตอนที่ 2-3
ประโยคสุดท้ายเดือนนาราหันไปตะโกนใส่หน้าเดวิดอย่างเหลืออด สองมือเล็กกำแน่น
“แต่ฉันกำลังเจอเรื่องบ้าๆ แล้วฉันไม่ใช่ขโมย ฉันขอยืนยัน” เดือนนารายืนยันเสียงแข็ง
“แล้วเธอเป็นใคร บุกรุกเข้ามาในสวนของฉันทำไม” ดวงตาคมดุจ้องหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม ฉันมาที่นี่เพื่อต้องการพบคุณ”
เดวิดสั่งลูกน้องให้พาแจ๊คไปโรงพยาบาลและพาส่งตำรวจในคืนนี้ทันทีในข้อหาทำร้ายร่างกายเดือนนารา หลังสะสางเรื่องทุกอย่างจบ เดวิดก็พาเดือนนาราเข้ามาคุยในบ้านหลังใหญ่ เขาหยิบน้ำแร่ขึ้นมากรอกปากดื่ม นั่นทำให้คนที่ปากคอแห้งผากมองตาปริบๆ เพราะเธอก็คอแห้งเหมือนกัน
“อยากกินน้ำเหรอ” เดวิดถาม เมื่อเห็นสาวปริศนาพยักหน้า เขาจึงไปหยิบมาให้เธออีกขวด
เดือนนารารับมาแล้วเปิดดื่มลงคอพรวดๆ พอได้ดื่มน้ำไปแล้วเธอค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้น
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงห้าวถามขึ้นทันทีหลังจากปล่อยให้สาวปริศนาได้หายใจหายคอดีแล้ว “ฉันถามดีๆ เธอเป็นใคร เข้ามาในสวนของฉันต้องการอะไร หรือว่ามีใครส่งเธอมาอย่างที่ไอ้แจ๊คมันพูด เธอพูดความจริงกับฉันมาให้หมด ถ้าเธอพูดความจริง ฉันจะส่งเธอกลับไปอย่างสวัสดิภาพ”
เดือนนรายิ้มแห้ง นี่เรียกว่าถามดีๆ แล้วเหรอ “เอ่อ ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอกแต่ยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ ฉันอุตส่าห์ดั้นด้นมาพบคุณแล้ว รู้ไหมกว่าจะมาเจอคุณได้ฉันเจออะไรมาบ้าง”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเจออะไรมาบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องรับรู้”
คนใจดำ
เดือนนาราลอบด่าในใจ วอชิงตันไม่ใช่ดินแดนป่าเถื่อน แต่สำหรับคนไม่มีรถยนต์ส่วนตัวกว่าจะดั้นด้นมาถึง แล้วยังไม่รู้ตารางการวิ่งของรถโดยสารที่ผ่านสวนนี้ เธอเดินเท้ามาหลายไมล์ แล้วก็ไม่เห็นร้านอาหารเล็กๆ สักร้านพอเข้ามาถึงที่นี่เธอถึงได้หิวจนตาลายแล้วเด็ดแอปเปิลมากินแก้หิวแต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่อง แต่ในเวลานี้ถึงจะเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจมากแค่ไหนแต่เธอก็ต้องพาคนสำคัญกลับไปด้วย เธอตั้งใจแล้วว่าจะกลับเมืองไทย ใช้ภาษาอังกฤษที่เธอพูด อ่าน เขียน ได้คล่องหางานดีๆ ทำ อย่างไรเสียเธอก็จะดูแลเจ้าหนูน้อยได้ไม่ยาก
“คนของฉันบอกว่าเธออยากพบฉัน ฉันไม่ได้ลืมจ่ายค่าตัวเธอใช่ไหม” เดวิดเลิกคิ้วสูงชักไม่แน่ใจเสียแล้ว
คำพูดห่ามๆ ที่หลุดออกมาจากปากคนตัวโตทำให้เดือนนาราโกรธจัด “คนบ้า! ฉันกับคุณเพิ่งเจอหน้ากันวันนี้เป็นครั้งแรกนะ” เดือนนาราแหวใส่
เดวิดพยักหน้า “ก็จริง ถ้าใช่ ฉันน่าจะจำอะไรเกี่ยวกับเธอได้บ้าง เพราะอย่างน้อยเธอก็มีจุดชวนให้จดจำ”
เดือนนารามองหน้าเขาอย่างงงๆ “ตรงไหน”
แต่พอเห็นสายตาวายร้ายคู่นั้นมองต่ำลงมาที่ทรวงอกแล้วยิ้มกวนประสาทเธอก็รีบยกมือกอดอกทันที
เดวิดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก่อนจะมาขโมยแอปเปิลในสวนฉัน เธอคงแวะขโมยมะพร้าวที่ไหนสักแห่งมาก่อนใช่ไหม”
เดือนนาราถลึงตาใส่เขา ไม่คิดเลยว่าเธอหาข้อมูลผิดพลาด แบรดลีย์คนพี่คงไม่ได้จับธุรกิจด้านการเกษตรและฟาร์มม้า “ฉันก็คิดว่าฉันได้ข้อมูลมาผิด เดวิด แบรดลีย์ ไม่ใช่เจ้าของสวนแอปเปิล และฟาร์มม้าที่ดีที่สุดในอเมริกา แต่คุณทำธุรกิจเพาะพันธุ์หมาขายไปทั่วโลก”
“เธอพูดอะไรของเธอ” เดวิดหรี่ตาแคบๆ ลงถาม “หรือว่าที่จริงแล้วเธอเป็นสปายเข้ามาลอบปล่อยแมลงในไร่ของฉันจริงๆ มีพรรคพวกหรือผัวรออยู่ข้างนอกหรือเปล่า” เดวิดถามเสียงกระด้าง เขาไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ เขามีประสบการณ์มาแล้ว
“หยาบคาย ฉันรู้แล้วว่าเป็นเจ้าของฟาร์มหมา แต่ไม่คิดว่าจะเพาะไว้ในปากด้วย”
เดวิดหน้าตึงไปนิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดยิ้มร้ายที่มุมปาก “พูดแบบนี้ระวังเจอหมากัดปาก และจำใส่หัวไว้ด้วย ฉันเพาะพันธุ์ม้าขาย ไม่ได้เพาะพันธุ์หมาขาย แต่ที่จริง ฉันเพาะได้ทุกพันธุ์ อยากได้สายพันธุ์ดุดันอย่างฉันบ้างหรือเปล่าล่ะคนสวย” มือหนากร้านจากการทำงานหนักเอื้อมไปแตะปลายคางนุ่มๆ ให้หันมาสบตากับเขาก่อนจะส่งยิ้มน่าหมั่นไส้
“เดี๋ยวฉันช่วยเพาะฝากไว้ในท้องเธอสักคน”
“ไอ้คนบ้า” เดือนนาราร้องออกมาอย่างตกใจแล้วปัดมือเขาออกจากปลายคาง ไม่คิดว่าตัวจริงของเดวิด แบรดลีย์จะหยาบเถื่อนขนาดนี้
“ฉันไม่รับเพาะพันธุ์อะไรทั้งนั้น กรุณาให้เกียรติฉันด้วย แล้วฉันขอยืนยันตรงนี้ว่าฉันไม่มีพรรคพวก ไม่มีผัวอยู่ข้างนอก ฉันตัวคนเดียวเป็นโสด แล้วมาที่นี่เพราะมีธุระ ไม่งั้นไม่เหยียบเข้ามาหรอก” เธอตะโกนใส่หน้าเขาอย่างโมโห
เดวิดหรี่ตาแคบๆ ลงมอง “ไม่มีพรรคพวก ไม่มีผัวก็ดี ถ้าอย่างนั้นคิดจะมาหาผัวที่นี่ใช่ไหม”
ที่จริงเขาไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับเพศตรงข้ามนัก เวลาที่เจอสาวสวยเขาใช้การกระทำนำคำพูด ถ้าสวยมากก็ออกแรงมากหน่อย แต่สโนวไวท์ตรงหน้าน่าหม่ำกว่าแอปเปิลอีก ยอมรับว่าอยากชิมดูเหมือนกัน แต่ก็ยังสงสัยในพฤติกรรม และที่มาที่ไป
“ฉันไม่ได้เข้ามาเพราะอยากมาหาผัว หรืออ่อยคุณ ฉันตอบชัดเจนแล้วนะ ฉันต้องการคุยกับคุณ เพราะฉันอยากได้หลานชายของฉันคืน”
“หลานของเธอ แล้วฉันไปเอาหลานของเธอมาตอนไหน ฉันว่าถ้าเธอไม่ได้เข้ามาหาผัว เดินยั่วคนงายในไร่ และไม่ได้คิดจะมาเป็นสปาย เธอเมายาแล้วล่ะ”
เดือนนารากลอกตามองบนมีใครกวนประสาทได้มากกว่านี้อีกไหม “ฉันไม่ได้เมายาค่ะ หลานของฉัน เด็กไทย-อเมริกัน วัยแปดเดือน ที่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งส่งมาให้คุณ ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สาวของฉันและเด็กคนนั้นก็เป็นหลานของฉัน แล้วก่อนฉันสลบลงไป ฉันเห็นแกมากับคุณ”
เดวิดรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นมาทีเดียว เขานั่งลงใกล้ๆ กับเธอ ยอมรับว่าพอมีคนมาบอกว่าจะขอดิโน่คืน น่าแปลกที่เขากับรู้สึกหวงขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่ตอนแรกเมื่อตัวภาระถูกจับยัดใส่มือ ตอนนั้นเขาอยากโยนไปให้ใครแต่ก็ไม่มีใครอยากรับจนต้องรับไว้เอง
