ตอนที่4. หลานสาว?
“ที่สำคัญยังไม่ได้แต่งภรรยาเอกเสียด้วย”
“ท่านลุง!” หญิงสาวถอนหายใจใส่ “เลิกล้อเล่นกับหลานเถิดเจ้าค่ะ”
หลินเหิงอี้วิได้แต่มองหลานสาวอย่างพอใจ เขาเลือกใช้ชีวิตเดินทางไปทั่วเพื่อค้าขาย เพราะทำงานหนักจึงแต่งงานช้า ภรรยาของเขามีบุตรยาก ตั้งครรภ์แรกก็พร้อมกับภรรยาของน้องชายคนเล็ก แต่เขากลับโชคร้ายสูญเสียภรรยาและลูกในครรภ์ไปในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นหลินอวี้เจินเกิด เขาจึงเผลอคิดไปว่าหลินอวี้เจินก็เหมือนลูกของตน แต่ด้วยการเลี้ยงดูของน้องชายผู้เป็นบัณฑิต นางจึงมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ไม่เหมือนหญิงสาวทั่วไป เขาจึงพึ่งพอใจที่เห็นหลินอวี้เจินมีบุคลิกนิสัยใจคอเช่นนี้ และยอมให้นางดูแลร้านขายผ้าของเขา แม้จะเป็นเพียงการดูแลบัญชีและเรื่องทั่วไป แต่นางก็ทำได้ดียิ่ง เขาคิดเสมอว่าหากตนเป็นอะไรไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในส่วนของเขานั้นจะยกให้หลินอวี้เจิน
ชายวัยกลางคนหวังใจเหลือเกินว่า...จะไม่มีเรื่องยุ่งวุ่นวายใจใดๆ กับหลานสาวสุดที่รักคนนี้ระหว่างที่เธอพักรักษาแผลใจที่เมืองตันหยางแห่งนี้
บุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งตวัดชายเสื้อแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานในห้อง ดวงตาคมปราบปรายตามองหนังสือรายงานซึ่งวางอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะไม้แดงหรูหราสมฐานะเจ้าเมืองตันหยาง
“มีความเคลื่อนไหวใดอีกหรือไม่” จำได้ว่าหลายปีมานี่ หลินเหิงอี้อาศัยอยู่ในเมืองตันหยางโดยไร้สตรีข้างกาย
“เท่าที่สายของเรารายงานมา หลินเหิงอี้เพิ่งรับหลานสาวมาอยู่ด้วยขอรับ”
“หลานสาว?”
“ได้ยินว่าเป็นบุตรสาวของหลินยี่ห้าน น้องชายคนเล็กของหลินเหิงอี้ขอรับ”
กัวจื่อหราน นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือลูบคางของตน “มีข้อมูลหรือไม่”
“รู้เพียงเบื้องต้นว่าชื่อหลินอวี้เจิน อายุสิบเจ็ดบิดาคือหลินยี่ห้านเปิดสำนักศึกษาเล็กๆ นางหมั้นหมายกับบุรุษผู้หนึ่งแต่เมื่อสามเดือนก่อนกลับไปแต่งงานกับญาติผู้น้อง บิดาจึงส่งมารักษาแผลใจกับผู้เป็นลุงคือหลินเหิงอี้”
จางหยวน ผู้ติดตามข้างกายกัวจื่อหรานมานานกว่าสิบปีเงยหน้ารายงาน “หากใต้เท้าต้องการ ข้าน้อยจะสืบหาข้อมูลมาให้ทราบมากกว่านี้”
“ดี...เพื่อจำเป็นเราอาจต้องใช้นาง”
“เพื่อแลกกับไข่มุกน้ำตาจันทราหรือขอรับ”
กัวจื่อหรานกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่หน้าต่าง ตันหยางเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์นอกแนวกำแพงเมืองคือภูเขาสูงตระหง่านเป็นแหล่งสินแร่มีค่ายิ่ง ตระกูลกัวปกครองเมืองตันหยางมาหลายชั่วอายุคน กัวจื่อหรานที่รับตำแหน่งนี้มาเจ็ดปีพอดี แม้จะรับตำแหน่งนี้มาเพียงเจ็ดปี แต่เพราะติดตามบิดามาตั้งแต่เด็ก เขาถูกฝึกฝนมาเพื่อเป็นผู้ปกครอง ทั้งฝึกยุทธและศึกษาการปกครองล้วนไม่ด้อยกว่าผู้ใด เขาปกครองตันหยางด้วยความเด็ดขาด เหล่าหทารในการปกครองล้วนภักดีต่อเขา เช่นเดียวกับชาวบ้านที่รักใคร่เทิดทูนเขาประดุจเทพเซียน
“ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าต้องเอาไข่มุกน้ำตาจันทรา กลับคือสู่ตระกูลกัวให้ได้!”
น้ำเสียงที่ประกาศกร้าวของกัวจื่อหราน ทำให้คนสนิทได้ยินถึงกับเย็นสันหลังวาบ ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามดุจราชสีห์
กัวจื่อหรานหันหลังกลับมามองจางหยวนแล้วโบกมือ
“เจ้าไปพักผ่อนได้แต่พรุ่งนี้ข้าต้องได้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหลานสาวของหลินเหิงอี้”
“ขอรับ” จางหยวนประสานมือทำความเคารพแล้วก้าวออกไปเงียบๆ
กัวจื่อหรานบุรุษหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่เสมอ แม้หน้าที่การงานหนักหน่วงเพียงใด แต่สำหรับเขาแล้ว “ไข่มุกน้ำตาจันทรา” เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเสมอ
ทั้งที่ในที่จวนมีบ่าวรับใช้และทหารยามมากมายแต่กลับรู้สึกได้ถึงความเงียบเหงาและวังเวง มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันที่ไข่มุกน้ำตาจันทราหายไปจากตระกูลกัว
