IV
ปีเตอร์เลี้ยวรถเข้ามามาจอดในลานจอดรถของคอนโดหรูใจกลางเมืองนครนิวยอร์ก เมื่อรถเข้าที่ประจำก็ลงจากรถเดินอ้อมเปิดประตูอีกฝั่ง หนูนาก็ค่อยๆลงมา
“พีทที่นี่คือ...?” ถามไปพร้อมกับเดินตามแรงจูงมือของปีเตอร์ เพราะทันทีที่ หนูนาลงมาเขาก็ปิดประตูรถพร้อมคว้ามือเธอเดินตามทันที โดยไม่ได้พูอะไรและไม่ได้ตอบคำถามใดๆของหนูนาเลย พาไปยังลิฟท์กดชั้นพร้อมรหัสอะไรบางอย่างลิฟท์ก็เลื่อนขึ้นสู่ชั้นที่ต้องการ ทันทีที่ลิฟท์เปิดอีกครั้งปีเตอร์กึ่งลากและออกแรงเพิ่ม เพราะตอนนี้หนูนาเริ่มฝืนตัวเองไม่ผ่อนตามเขาเหมือนที่ผ่านมา ทุกการกระทำของปีเตอร์เป็นไปอย่างรวดเร็วจน หนูนาตามไม่ทัน และได้แต่ฝืนตัวเองอย่างเต็มที่เท่าที่เรี่ยวแรงของเธอจะมีได้
“หิวแล้วไปเถอะ” เขาหันไปมองพร้อมลากหนูนา และแอบขำในท่าทางตื่นกลัวของเธอ และผลักประตูกระจกตรงข้ามกับลิฟท์เข้าไป
หนูนาตะลึง เพราะเมื่อก้าวเข้ามาตามแรงกึ่งลากของเขา เขาก็เอาเธอมานั่งที่โซฟามองปุ๊บไม่อยากคิดถึงราคาของมัน ฝาผนังอีกด้านเป็นกระจกมองเห็นวิวนครนิวยอร์กสวยงามมาก ดวงไฟดวงเล็กเรียงรายมากมายเหมือนตัวเองกำลังอยู่บนท้องฟ้า
ปีเตอร์ยอมปล่อยมือจากหนูนา และแยกไปอีกทางหนูนาก็เดินไปใกล้กระจกอย่างคนที่หลงเคลิ้มไปกับความสวยงามนั้น เธอได้แต่ยืนมองความสวยงามของเมืองที่ไม่หลับไหลจนลืมความกลัวเมื่อสักครู่นี้ไปเลย หนูนาไม่แน่ใจว่ายืนอยู่นานแค่ไหน อยู่ๆปีเตอร์ก็เดินมาซ้อนด้านหลังโอบกอดเอวเธอจากด้านหลังกระซิบข้างหู
“มื้อเย็นพร้อมแล้ว” ด้วยเสียงที่ทำให้หนูนาขนอ่อนลุกไปทั้งตัวและติดตามมาด้วยความร้อนขึ้นหน้าอีกครั้ง และเมื่อปีเตอร์เป่าลมเบาๆเหมือนแกล้งที่หูน้อยๆของเธอ หนูนารีบหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาทันทีตาจ้องตา
“ฉัน...หนูนาไม่รบกวนขอกลับดีกว่า” หนูนารีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีเมื่อเห็นสายตาหรี่ลงเชิงตำหนิกลายๆ
“ไม่ได้คืนนี้หนูนาต้องนอนที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เป็นอีกครั้งที่หนูนาอ้าปากพร้อมทำตาโตใส่เขาอีกแล้ว เมื่อได้ยินคำแบบนั้น แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ปีเตอร์ก็เข้าใจในกิริยาท่าทางแบบนั้น เพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองอย่างที่สุดเช่นกัน รู้เพียงแต่ว่าแค่เพียงจูบกันครั้งแรก เขาก็รู้ได้ทันทีว่าไม่อาจให้สาวน้อยคนนี้ห่างกายได้อีกแล้วก็ต้องใช้วิธีมัดมือชกแถไปแบบนี้ล่ะ
“ทำไมหนูนาต้องทำแบบนั้นด้วย” หนูนาถอนหายใจและตัดสินใจถามใช้น้ำเสียงอย่างเป็นการเป็นงาน เพราะตอนนี้ ปีเตอร์ทำท่าทางเฉไฉหลบสายตาเธอ
“........” ปีเตอร์กลับไม่พูดอะไรโอบเธอแล้วพาเดินไปที่โต๊ะอาหารที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
????
“ตื้ดๆๆๆๆ” เสียงนาฬิกาที่ดังทำให้หนูนาค่อยๆลืมตาขึ้นหันไปมองตามเสียงเตือน แปดโมงเช้าแล้ว และเมื่อหันไปดูข้างๆที่ตอนนี้ว่างเปล่า วันนี้หนูนามีเรียนบ่ายและไม่ต้องเข้าสตูดิโอ เพราะกลุ่มศิลปินไม่อยู่ เมื่อปิดนาฬิกาเธอก็นั่งพิงหัวเตียงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
เมื่อปีเตอร์พยายามพาเธอไปที่โต๊ะอาหาร เขาก็ลงมือกินทันที เป็นการแสดงให้รู้ว่าเขาไม่ต้องการพูดอะไรตอนนี้ เธอเองก็ได้แต่นั่งกินมื้อเย็นที่เขาทำให้แบบเงียบๆไม่มีใครพูดอะไร และเขาก็จัดการเก็บล้างเองทุกอย่าง เธอไม่ได้ทำอะไรเลยได้แต่นั่งที่เดิม เพราะไม่รู้จะเดินไปไหนและเมื่อเขาทำการเก็บล้างเองเรียบร้อยก็เดินมาที่เธอพร้อมคว้ามือเพื่อให้ตามเขาไปที่อีกห้อง
หนูนาสะบัดแขนทันทีเพื่อให้หลุดจาการเกาะกุม ไม่ยอมลุกออกจากเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร ปีเตอร์ยืนกอดอกเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นและถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“จะอาบน้ำเองหรือจะให้บังคับอาบให้” หนูนาเงยหน้าทำตาโตใส่เขาอีกแล้ว
“คุณมีสิทธิอะไรไม่ทราบ?”เพราะตอนนี้บอกได้เลยความอดทนในตัวหนูนาหมดแล้วไม่เหลือ ตะโกนออกไปพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่างระดับกับเขามากเกินไป ถึงแม้หนูนาจะมีความสูง 1.62 เมตร แต่เมื่อยืนแล้วเธอก็สูงแค่คางของเขาเอง
“มาแล้วสินะ” ปีเตอร์คิดในใจแต่เขาก็หาทางออกรอไว้แล้ว ตอนที่กินมื้อเย็นอยู่กะไว้แล้วว่าเธอต้องออกฤทธิ์หลังจากนี้แน่นอน
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้นปีเตอร์ก็คว้าหนูนาเข้ามาแนบอกแกร่งและประกบปากอิ่มทันที นี่แหละทางออกของเขาจะให้เขาบอกเธอเป็นคำพูดได้ยังไง เธอคงว่าเขาไม่ปกติสิ!! ใช้วิธีเอาเปรียบแบบนี้ดีกว่าภาษากายน่าจะเข้าใจมากกว่าภาษาพูด
คราวนี้หนูนาไม่เคลิ้มไปกับจูบของเขา พยายามขัดขืนและปิดปากไม่ยอมให้เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปได้ง่ายๆ พร้อมใช้มือทั้งปัดและผลักหน้าเขาออกหลบหลีกหนีจากเขาตลอดเวลา แต่ปีเตอร์หาได้ยอมแพ้จับมือเธอไว้ทั้งสองข้าง พาดไปไว้ข้างหลังเขา เสมือนหนูนากำลังกอดเขาและขยับตัวแนบชิดกับตัวเธอไม่เว้นช่องแม้แต่อากาศผ่านได้ แขนข้างหนึ่งก็โอบรอบเอวเธอไว้อย่างแนบแน่นส่วนอีกแขนก็โอบรอบคอเธอไว้เพื่อล็อกคอเธอไม่ให้สามารถหนีเขาได้ และบดจูบเธอแบบเร้าร้อนอย่างเต็มที่
หนูนาได้แต่ทุบหลังเขาแต่ก็ไม่แรงมาก เพราะปีเตอร์กำลังสูบแรงเธอจากการจูบที่สามารถสูบวิญญาณเธอเลย แขนขาอ่อนไปหมด นี่ถ้าเขาไม่ล็อกตัวเธอไว้หนูนาคงร่วงไปกองกับพื้นแล้ว ตอนนี้แขนทั้งสองข้างไม่สามารถให้เธอลอดพ้นจากสถานการณ์สูบวิญญาณไปได้ อาวุธสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ตอนนี้ปีเตอร์กำลังพยายามเปิดปากเธอเพื่อที่จะได้เข้าไปลิ้มลองความหวานที่เคยลองมาแล้วและ เสพติดกับรสชาตินี้แล้วด้วย
หนูนาคิดได้แบบนั้นอ้าปาก แต่เพื่อกัดเข้าที่ริมฝีปากเขาอย่างแรง ปีเตอร์แค่หยุดแต่ก็ยังไม่ยอมถอนริมฝีปาก ตรงกันข้ามเขากดริมฝีปากหนักขึ้น ทำให้หนูนารับรู้ถึงรสชาติคิดว่าคงเป็นเลือดของเขาด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง หนูนาจึงรีบปล่อยทันที ปีเตอร์ที่รอจังหวะอยู่แล้วก็สอดลิ้นเข้าไปลิ้มลองความหวานทันทีไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จากรุนแรงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลเมื่อรับรู้ได้ถึงอาการต่อต้านที่ร่างเล็กในอ้อมกอดหายไป และเขาก็ต้องถอยออกมาอย่างเสียดาย เพราะถ้าเขาไม่ปล่อยเธอตอนนี้ความอดทนของเขาต้องหมดลงแน่นอน และระหว่างเขากับเธอคงไม่จบแค่การจูบสูบวิญาณแน่นอน เพราะเมื่อเขาถอนจูบจากเธอ หนูนาหายใจเหมือนกับคนเพิ่งวิ่งมาราธอนและเพิ่งเข้าเส้นชัยหมาดๆ
ปีเตอร์ยังคงกอดหนูนาไว้และเลื่อนหน้าไปกระซิบบางอย่างเบาๆที่ข้างหูเธอ และอดที่จะไม่ขโมยหอมแก้มที่แดงก่ำ และต่อจากนั้นก็จูงมือเธอที่ตอนนี้สติคงยังกลับมาไม่ปกติ ให้เดินตามไปอีกห้องพอเปิดเข้าไปคือห้องนอน เขาจูงเธอเดินเข้ามาและปล่อยเธอไว้ที่กลางห้อง และเดินไปที่ตู้ที่คิดว่าคงเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาก หนูนา มองตามปีเตอร์ตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้พูดหรือโวยวายอะไร แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนเราต้องมีเสื้อผ้าเยอะมากมายขนาดนั้น เพราะเวลาใส่ก็ใส่ได้ครั้งละหนึ่งชุดใส่แล้วก็ต้องซักไม่ได้ใส่แล้วทิ้งเสียที่ไหน เพราะห้องแห่งนี้มีตู้เสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่มากๆ
ปีเตอร์เดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินตัวใหญ่ส่งให้เธอ และพาเธอเดินไปอีกประตูอีกฝั่งของห้อง เดาได้ไม่ยากห้องน้ำนั้นเองเปิดประตูพร้อมหันมาพูด
“ใช้ได้ทุกอย่าง” และเอื้อมไปหยิบแปรงสีฟันที่มีเพียงหนึ่งบีบยาสีฟันแล้วส่งให้เธอพร้อมกับยิ้มหนูนารับมา
“แปรงสีฟันอันเดียวกัน”ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไปเพราะยังจำประโยคสุดท้ายของเขาที่กระซิบข้างหูได้ “หนึ่งคำถามแลกด้วยหนึ่งจูบ และถ้ามากกว่าหนึ่งคำถามคำตอบแลกด้วยตัวหนูนาทั้งตัว”
“ยี่สิบนาทีเท่านั้น ถ้ายังอาบไม่เสร็จจะเข้ามาช่วย” แล้วปีเตอร์ก็ออกจากห้องน้ำพร้อมปิดประตู หนูนาก็เริ่มขั้นตอนแรกทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น คือ แปรงฟัน
ตามเวลาเป๊ะ! หนูนาออกมาพร้อมกับชุดใหม่โชคดีที่เธอไม่ต้องใส่ชั้นในซ้ำ เพราะในเสื้อสีน้ำเงินมีกางเกงขาสั้นที่เข้ารูปให้เธอ ถึงแม้เธอจะโนบราแต่ด้วยที่เสื้อ สีเข้มก็ไม่เป็นปัญหา
เมื่อเห็นเธอออกมา ปีเตอร์ก็เดินสวนเธอเข้าห้องน้ำแต่ก่อนจะปิดประตู “คืนนี้ผมไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่านอนเฉยๆ อย่าคิดหนีหรือทำอะไรเป็นการบังคับให้ต้องทำมากกว่ากอด แต่ถ้าหนูนาต้องการมากกว่านั้นผมก็เต็มใจ อ่อ!อย่าคิดพยายามออกจากที่นี่เพราะไม่มีทางถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากผม”
หนูนายืนฟังจ้องหน้าปีเตอร์ตาไม่กะพริบ ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิด เธอก็เดินไปที่เตียงสอดตัวเองเข้าไปที่ใต้ผ้าห่มอย่างไม่มีทางเลือก เพราะฟังจากน้ำเสียงที่ราบเรียบและหน้าตากับแววตาที่มั่นคงของเขาแล้ว เชื่อได้สนิทใจว่าเขาหมายตามที่พูดมาทั้งหมด เพราะถ้าคืนนี้เธออยากปลอดภัยรักษาตัวรอดก็นิ่งๆทำตามที่เขาบอกเป็นดีที่สุด และเพียงไม่นานหนูนาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา คงเพราะวันนี้เป็นอีกวันที่เธอก็เหนื่อยและคิดว่าคงเหนื่อยกว่าทุกๆวันตั้งแต่มาอยู่อเมริกาเลยก็ว่าได้
????
"พีทเป็นอะไรนั่งยิ้มคนเดียว" จอนนี่ถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเพื่อนนั่งดูโทรศัพท์มือถือ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เป็นภาพที่เขาเองก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า
ปีเตอร์ละสายตาจากสิ่งที่ทำให้เขายิ้มออกมาทั้งวัน มันไม่ใช่วัตถุที่อยู่ในมือ แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ข้างในต่างหากก็คือภาพหนูนาตอนหลับที่เขาแอบถ่ายไว้เมื่อคืน แต่ก็ไม่ลืมตอบคำถามเพื่อน
“กำลังอินเลิฟ” จอนนี่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มและเข้าไปตบบ่าเพื่อน
“ยินดีด้วยหว่ะเพื่อน นีน่าสินะ” พูดเหมือนเป็นคำถามแต่ไม่ได้ต้องการ คำตอบ “นับจากนี้ไปนายก็เป็นมนุษย์แล้วสินะ ดีใจด้วยอุตส่าห์มาอาศัยอยู่บนโลกตั้งนาน” จอนนี่รู้สึกดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นเพื่อนกับพีทหรือปีเตอร์มาทั้งชีวิตของคนทั้งคู่ เขารู้และเข้าใจทุกอย่างในตัวปีเตอร์มากกว่าที่ปีเตอร์เข้าใจตัวเอง รู้แม้กระทั่ง มาร์ส ไม่ใช่นามสกุลที่แท้จริงของเพื่อนคนนี้ และก็คิดไปถึงนีน่าที่เขาคงต้องขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองเธอ เพราะต่อจากนี้ไปชีวิตของเธอคงไม่ง่ายอย่างที่ผ่านมา แต่จะให้ทำไงถ้าให้เขาต้องเลือก เขาก็เลือกความสุขของคนตรงหน้าเขาก่อนอยู่ดี
ปีเตอร์พยักหน้ารับคำแสดงความยินดี และอดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะไปพร้อมกับประโยคแสดงความยินดี จอนนี่เห็นแบบนั้นแล้วภาพสาวน้อยชาวไทยก็ผุดขึ้นตรงหน้า คงต้องหารางวัลให้เธอจะเป็นอะไรดีที่จะเหมาะสมกับสิ่งที่เธอได้ทำไว้ เพราะเขาจำไม่ได้เลยว่าเพื่อนเขาคนนี้หัวเราะแบบเป็นตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และปีเตอร์ก็ก้มหน้าดูภาพสาวน้อยในโทรศัพท์ ทำให้อดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จ เปิดประตูห้องน้ำออกมาในชุดกางเกงขายาวตัวเดียว ปกติเขาชอบใส่กางเกงนอนอย่างเดียวอยู่แล้ว พอออกมาก็หันไปมองที่เตียงนอนอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นหนูนาหลับไปแล้ว เขามั่นใจเพราะการหายใจที่สม่ำเสมอเห็นแบบนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์และถ่ายภาพเธอจนพอใจ ก็ขึ้นเตียงสอดตัวเองใต้ผ้าห่มเดียวกับเธอ และค่อยๆขยับไปโอบกอดเธอให้มานอนแนบกับอกเขา แต่ก่อนจะหลับเขาก็จูบหน้าผาก คิ้ว ตา จมูก และสุดท้ายที่ปากอิ่มอย่างนุ่มนวลและเนิ่นนาน และกระชับอ้อมแขนให้เธอเข้ามาแนบกายมากขึ้น และเขาก็รู้ตัวทันทีว่าต่อจากนี้ไปเขาคงไม่สามารถนอนหลับลงได้ถ้าไม่มีเธอผู้นี้ในอ้อมกอด
????
“บาย” หนูนากล่าวลาเพื่อนร่วมคลาส ในขณะกำลังเดินมุ่งหน้าสู่รถไฟฟ้าใต้ดินพาตัวเธอกลับหอพักของเธอ เธอยังคิดไม่ตก ตั้งแต่ออกมาจากห้องนักร้องนำ เมื่อเช้านี้ เหลืออีกไม่ถึงสามชั่วโมง เขาก็จะมารับที่หอพักของเธอตามที่เขาได้เขียนบอกไว้เมื่อเช้านี้
เพราะเมื่อเธอเดินเข้าห้องน้ำหลังจากตื่นนอนและนั่งทบทวนเหตุการณ์เมื่อวานนี้ แปรงสีฟันเพียงอันเดียววางไว้บีบยาสีฟันให้เรียบร้อย “ใจคอเขาจะให้ใช้แปรงสีฟันร่วมกันตลอดเหรอไง” และเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมชุดชั้นในใหม่ไซด์เธอเป๊ะ กางเกงยีนส์ขายาวใหม่เอี่ยมกับเสื้อคอเต่าสีชมพูเข้มวางไว้พร้อม
เมื่อเธออาบน้ำจัดการตัวเองแล้วก็ออกมาจากห้องนอน ก็เจอกับดอกกุหลาบหนึ่งดอกใหญ่วางไว้ที่โต๊ะชุดรับแขกมีการ์ดใบเล็กๆ “สำหรับหนูนาที่รัก” เมื่อได้อ่าน หนูนารู้สึกความร้อนขึ้นหน้า ตั้งแต่ที่เธอเจอและรู้จักเขาใบหน้าของเธอเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวร้อนตลอด และที่โต๊ะนั้นก็ยังมีเป้ของเธอที่เมื่อวานยังอยู่ในรถเขา
เมื่อหนูนาเดินไปที่ส่วนของห้องครัวที่เมื่อวานเธอไม่ได้สนใจมันเลยออกแบบสไตล์โมเดิ้ลโทนดำเงา เหมาะและลงตัวกับห้องนี้จริงๆและที่ท๊อบของครัว หนูนาก็เห็นกระดาษโน๊ตแปะไว้บนฝาครอบอลูมิเนียมสีเงิน
“ทานให้อร่อยนะครับ หนูนา” เมื่อเปิดออกเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวกระเทียม เป็นรูปหัวใจจนหนูนาอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะทานก็ขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกสักหน่อย เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพ และลงมือกินอย่างอร่อยเสร็จก็เก็บล้างเก็บเข้าที่เรียบร้อย และเตรียมกำลังจะออกไปจากห้องนี้เพราะเธอต้องเดินทางไปเรียนอีก แต่ก็เหมือนจะนึกได้ว่าแล้วเธอจะออกจากห้องนี้ได้อย่างไร...แต่แล้วสายตาก็ไปเห็นกระดาษอีกใบที่โต๊ะอาหาร
“คีย์การ์ดเข้าออกห้องนี้ ใบนี้เป็นของหนูนาและพร้อมรหัสลิฟท์ที่จะพาคุณขึ้นมาที่นี่ จำให้ได้นะ! และสองทุ่มวันนี้ผมจะไปรับที่หอพัก เก็บแต่ของที่จำเป็น และแจ้งย้ายออกจากเจ้าของห้องไปเลยนะ และย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนี้ไป สองทุ่มนะถ้าเก็บไม่เสร็จเท่าไหร่ก็เท่านั้น พีท...”
“เผด็จการ!!!!” บ่นอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วออกจากห้องไป
????
คิดไปคิดมาก็กลับมาถึงที่หอพัก ความจริงหนูนาก็ไม่ได้มีอะไรมาก เสื้อผ้าก็มีแต่เท่าที่จำเป็นต้องใส่ใช้เวลาเก็บจริงแค่ชั่วโมงเดียวก็เสร็จ หลังจากที่เธอไปแจ้งต่อเจ้าของหอว่าจะย้ายออกจากที่นี่ ซึ่งเธออยู่ที่นี่ได้แค่สองเดือนเท่านั้น และเมื่อมองนาฬิกาใกล้เวลาที่นัด เธอก็ลากกระเป๋าใบใหญ่ที่เธอใส่ของมาจากเมืองไทยลงมารอข้างล่าง หนูนามายืนยังไม่ถึงสิบนาที รถBMW สีดำคุ้นตาที่เธอได้นั่งมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวานก็มาจอดพร้อมประตูฝั่งคนขับเปิดออก ปีเตอร์ลงมาพร้อมรอยยิ้มที่ลอยมาเพื่อเธอ แต่หนูนาไม่ยิ้มตอบกลับยืนกอดอกไม่ขยับจน ปีเตอร์ยกกระเป๋าไปไว้ท้ายรถที่เปิดรอไว้อยู่แล้ว
“มีแค่นี้เหรอ?” ถามออกไปเพราะไม่เห็นอะไรอีกนอกจากเป้ใบเก่งของเธอที่สะพายอยู่กับตัวเธอ
“แล้วเห็นอะไรอีกมั้ย?” ตอบกลับแบบยังโมโหคนตรงหน้าอยู่
ปีเตอร์ได้แต่เลิกคิ้วอมยิ้มกับคำตอบ เอื้อมไปเปิดประตูรถฝั่งคนนั่งและดึงเป้ออกจากเธอ และดันให้เธอเข้าไปในรถ เพราะเขาจะมายืนอยู่ริมถนนนานๆ คงไม่ดี อาจโดนปาปารัสซี่ถ่ายภาพได้ แต่ในขณะที่หนูนาเข้าไปนั่งในรถ ปีเตอร์กำลังจะปิดประตู ก็มีแสงแว๊บเหมือนแฟล็ทสว่างมาหลายๆครั้งติดกันจากฝั่งตรงข้ามปีเตอร์มองตามแสงนั้นพร้อมกัดกรามด้วยสายตาที่ใครเห็นแทบจะทำตัวเองให้หายไปจากตรงนั้นถ้ายังอยากมีลมหายใจต่อถึงวันพรุ่งนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ภาพเขากับหนูนาหลุดออกไป
ปีเตอร์เข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับและออกรถไปทันที หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาใครบางคน เมื่อฝ่ายนั้นรับสายเกือบจะทันทีก็บอกตำแหน่งที่รับเธอออกมาด้วยเสียงเย็นจับจิต ที่แม้แต่หนูนาได้ยินยังหนาวๆเลย เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้คงไม่กล้าและคิดจะถามเขาด้วย นี้เป็นอีกบุคลิกของเขาที่เธอพึ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเขาก็วางหูทันทีไม่มีการกล่าวลาใดๆ
