III [2/2]
ขณะนี้หนูนากำลังอยู่ในโลกของเธอซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการเขียนเพราะขณะที่เธอเขียนนิยายสิ่งที่เธอเห็นและรู้ตอนนี้คือโลกแห่งจินตนาการ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กลุ่มศิลปินได้มายืนมองเธอได้เกือบครึ่งนาที มีแต่นักร้องนำของวงที่เดินมานั่งข้างหลังเธออย่างที่เคยทำ
ทุกคนที่เหลือในวง ไรอัล สตีฟ จอนนี่ พอล ได้แต่จ้องมองคนทั้งสองตรงหน้าอย่างสนใจ ทั้งท่าทางของเพื่อนที่มักจะทำตัวเข้าหานีน่าตลอดเวลา
เมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติใกล้ตัว เพราะปีเตอร์กำลังมองมาที่หน้าจอ MacBook ของเธอ เขาเห็นรูปของเขามากมายในอิริยบถต่างๆที่เธอเปิดดูจากกูเกิล ปีเตอร์ยิ้มสงสัยไปพร้อมๆกันด้วย และเอื้อมมือไปดึงหูฟังออกจากหูเธอข้างหนึ่งซึ่งเขาเลือกข้างที่อยู่อีกด้านจากที่เขานั่งเหมือนเขาจะโอบเธอ แต่ไปดึงหูฟังออกเป็นการให้หนูนากลับเข้าสู่โลกความเป็นจริง และอีกครั้งที่เธอสบตากับสายตาที่เธอพึ่งจะบรรยายไปในนิยายของเธอ หนูนาตกใจตาโตหน้าแดงก่ำและก็เหมือนเคยปีเตอร์พูดกับเธอเบาๆ ‘หายใจ’ พร้อมกับรอยยิ้มที่สองสามวันนี้ออกมาง่ายจนปีเตอร์เองก็ไม่รู้ตัว
หนูนารีบทำตามนั้นทันที เพราะเธอตกใจจนลืมหายใจอีกครั้ง เมื่อเริ่มได้สติหนูนาก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้กลุ่มศิลปินมายืนอยู่ตรงหน้า และอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอคะ?” หันไปถามไรอัล
“ใช่”
“สักครู่นะคะทุกคน” พูดพร้อมกับเก็บของ และลุกออกจากตรงนั้นเลือกที่จะไปนั่งที่เก้าอี้ไกลจากคนที่นั่งข้างหลังเธอที่สุด พร้อมหยิบแฟ้มที่รับมาจากเอียน เมื่อตอนบ่ายส่งให้กับไรอัล
“นี่เป็นตารางงานของพวกคุณต่อจากงานคอนเสิร์ตพรุ่งนี้ อีกสามสัปดาห์พวกคุณจะต้องไปแสดงคอนเสิร์ตที่แมนฮัตตั้น เป็นเวลาสิบวันการแสดงมีสามรอบ ตามรายละเอียดในแฟ้ม” หนูนาอธิบายสรุป พร้อมส่งแฟ้มงานให้เหล่ากลุ่มศิลปิน
“สนุกกันละคราวนี้” พอลพูดขึ้นมาด้วยความมีชีวิตชีวา
“โอเค! หลังจากงานวันพรุ่งนี้ ทุกคนหยุดพักผ่อนอีกหนึ่งวัน หลังจากนั้นก็มาวางแผนการแสดงใหญ่ครั้งนี้กัน” เมื่อไรอัลสรุปให้ทุกคนทราบ และพูดต่อถึงงานวัน พรุ่งนี้อีกนิดหน่อย เป็นที่เข้าใจกันของทุกคนก็เตรียมจะแยกย้ายกันกลับ
“อืม!...ว่าแต่นีน่าช่วงเวลาที่พวกเราไปแมนฮัตตั้น แล้วคุณละ?” สตีฟถามด้วยความอยากรู้ ถึงแม้จะรู้จักกับเธอเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่ทั้งเขาและสมาชิกทุกคนในกลุ่มต่างก็ชื่นชอบนีน่าสาวไทยคนนี้ แต่ในแบบเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ยกเว้นเพียงสมาชิกหนึ่งเดียวที่เขาแอบมองดูปฎิกริยากับคำถามที่เขาถามนีน่า ซึ่งตอนนี้ในมือถือแฟ้มตารางงานและกำลังก้มดู แต่เชื่อเถอะตอนนี้สมาธิของนักร้องนำกำลังรอและตั้งใจฟังคำตอบจากนีน่า
หนูนาเมื่อได้ยินคำถามเหมือนรับรู้กระแสบางอย่างจากปีเตอร์ เหลือบมองไปที่เขา ก็พบว่าตอนนี้เขามองมาก่อนแล้วด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่า คำตอบของเธอนั้นควรเป็นแบบไหนก่อนตอบออกไป “อืม...คือนีน่าต้องร่วมเดินทางไปดูแลพวกคุณด้วยค่ะ”
“เยี่ยม!!” พอลและสตีฟ ร้องออกมาด้วยความดีใจพร้อมกัน พอลก็เดินเข้ามากอดหนูนาเบาๆ ด้วยความดีใจ
“คุณเอียนช่างเลือกคนได้เก่งเหมือนเดิม” เนื่องด้วยพอลกับหนูนาอายุเท่ากันจึงคุยกันในแบบเพื่อนสบายๆ และด้วยพอลเป็นคนมีบุคลิกร่าเริงสดใส ยิ้มง่ายกับทุกคน เข้าหาได้ง่ายจึงทำให้เวลาอยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายๆ
แต่พฤติกรรมของพอลที่ปฎิบัติกับหนูนาอยู่ในสายตานักร้องนำและสร้างความไม่พอใจอย่างมาก ไหนจะยิ้มที่หนูนาให้กับพอล เพราะเขาคิดว่ามันควรเป็นของเขาเท่านั้น “ฝากไว้ก่อนหนูนา เธอต้องถูกลงโทษ” ปีเตอร์คิดในใจ
และเมื่อเป็นที่เข้าใจและรับรู้ของทุกคนในสมาชิกในวงต่างแยกย้ายกันกลับ แต่ก็มีเพียงหนึ่งคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ยังไม่มีการพูดอะไรเลยจากคำสุดท้ายที่เขาบอกให้หนูนา ‘หายใจ’ เมื่อเห็นแบบนั้นหนูนาไม่ได้พูดหรือถามอะไรทั้งสิ้น เธอก็ไปทำหน้าที่ของเธอคือทำความสะอาดห้องเครื่องดนตรี และทุกอิริยาบถของเธออยู่ในสายตาเขาซึ่งเธอก็รับรู้ได้แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเธอต่อไป
ปีเตอร์สังเกตุเห็นกระเป๋าเป้ของเธอไม่ได้ปิด เห็นหนังสือเล่มหนึ่งก็ถือวิสาสะหยิบออกมาเปิดดู และให้ความสนใจกับเนื้อหาในหนังสือ ส่วนหนูนาเมื่อทำงานของเธอจนเสร็จไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็เดินมาที่สัมภาระที่เธอวางไว้เพื่อเตรียมกลับเช่นกัน
“ขอหนังสือคืนด้วย” พูดพร้อมกับยื่นแขนในระยะห่างกันพอสมควร แต่ก็สามารถหยิบหนังสือคืนจากปีเตอร์ได้หากเขายื่นสุดแขนส่งให้เธอ แต่ เงียบ!!!!! ไม่มีปฎิกริยาใดตอบกลับมา
“คุณ...ขอ...หนังสือ...คืน...ด้วย...” พูดอีกครั้งดังกว่าเดิมและย้ำเน้นทุกคำ แขนก็ยังยื่นค้างเหมือนเดิม แต่ก้าวเข้าไปใกล้อีกสองก้าว
“สอง” พูดพร้อมยื่นมือออกไปจับมือของหนูนาและกระชากดึงตัวหนูนาเข้าหาตัวเองเบาๆ แต่ทำให้หนูนาเสียหลักเซถลาล้มมานั่งอยู่บนตักเขา
“ว้าย!!!” เสียงร้องของหนูนาด้วยความตกใจ
ตอนนี้หน้าทั้งสองคนห่างกันแบบปลายจมูกชนกัน ดวงตาประสานกันคู่หนึ่งจ้องมองด้วยอาการตื่นตกใจ ส่วนอีกคู่จ้องมองด้วยแววตาหวานเคลิ้มและค่อยๆลดสายตามาที่ริมฝีปากอิ่ม พร้อมกับขยับปากของตัวเองไปประกบปากอิ่มทันทีตามความรู้สึกที่ไม่อาจกักกั้นมันไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
หนูนาหลับตาลงอย่างรวดเร็วด้วยอาการตกใจทำอะไรไม่ถูกที่จู่ๆโดนขโมยจูบ ‘จูบแรก’ ตามความเข้าใจของเธอ ซึ่งเธอรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวลเมื่อเขาค่อยๆส่งลิ้นเลียริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างนุ่มนวล ปีเตอร์รับรู้ได้ถึงความสั่นเทาของร่างเล็กที่อยู่ในวงแขน หนูนาไม่รู้จะทำอย่างไรมือไม้ดูเกะกะไปหมด แต่แทนที่เธอจะขัดขืนกลับปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ปีเตอร์ค่อยๆส่งลิ้นเข้าไปหาความหอมหวานอย่างนุ่มนวลในโพรงปากอิ่ม หนูนาเปิดทางให้กับเขาอย่างเผลอไผลไปกับความอ่อนโยนที่เขามอบให้
ปีเตอร์หยอกล้อกับลิ้นในโพรงปากอิ่มนั้นอย่างผู้ชำนาญ ทำให้หนูนาตอบสนองกลับแบบไม่ประสา สร้างความพึงพอใจให้กับนักร้องหนุ่มอย่างมาก ไม่แน่ใจผ่านไปนานแค่ไหนปีเตอร์ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียไม่ได้
“หายใจ” เขากระซิบเบาๆบริเวณริมฝีปากอิ่มหนูนาเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำตามอีกครั้ง พอสติเริ่มกลับมา ก็เตรียมจะลุกออกไปจากตักที่แสนจะอบอุ่นนี้ ก็ถูกวงแขนรัดแน่นพร้อมกับประกบปากเธออีกครั้ง เปลี่ยนไปจากคราวแรกเพราะปีเตอร์ทั้งเรียกร้อง เร้าร้อนจนหนูนาต้องยกแขนโอบรอบคอเขาทันที กระตุ้นให้เขาต้องรุกหนักขึ้นทำให้หนูนาหายใจหายคอไม่ทันและตั้งรับกับความรู้สึกใหม่นี้ยังไม่ได้ ปีเตอร์จึงต้องถอยออกอีกครั้งอย่างเสียดาย และอดไม่ได้ที่จะก้มมองริมฝีปากอิ่มนั้นที่เจ่อแดงด้วยฝีปากของตัวเอง และแอบยิ้มอย่างมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ
“จะกลับเหรอยัง?” ตั้งคำถามแต่ก็ยังไม่ยอมคลายวงแขนหนูนาได้แต่พยักหน้าเพราะตอนนี้เธอต้องหายใจทางปาก เพื่อช่วยเอาอากาศเข้าไปในปอดเหมือนตัวเองกำลังจะจมน้ำหมดแรงไปดื้อๆ และรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าเหมือนจะเป็นไข้
ปีเตอร์มองอย่างขำๆและคิดไปด้วยว่า “นี่แค่จูบ...หนูนาเหมือนคนจมน้ำ หายใจด้วยตัวเองแทบไม่ได้ แล้วถ้าเขาจะไปต่อมากกว่านี้เธอจะน่ารักแค่ไหนนะ”
“งั้นกลับกัน” พูดพร้อมพยุงเธอให้ยืนขึ้นพร้อมกับเขา แต่ยังไม่ปล่อยมือมองจนแน่ใจว่าเธอสามารถยืนได้ตัวเอง และก้มไปหยิบหนังสือของเธอที่วางไว้ใส่เข้าไปในเป้พร้อมปิดให้เรียบร้อย และไปหยิบเสื้อโค้ชทั้งของเธอและของตัวเองเอาเสื้อของเธอมาสวมให้เธอ แต่ในมืออีกข้างก็มีเป้ของเธอกับเสื้อของตัวเองที่หยิบมาพาดไหล่ และมืออีกข้างก็เอื้อมไปจับมือเธอและจูงออกจากตรงนั้น
“เปิดประตูสิ” จูงมือหนูนาเดินไปที่ประตูและก็หันมาพูดกับเธอ
“คุณก็เปิดเองสิ” หนูนาที่ตอนนี้สติของเธอยังไม่กลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้แต่มองตามพฤติกรรมของเขาจนมาถึงหน้าประตูแบบ งงๆ เงยขึ้นไปมองหน้าเขากับคำสั่งนั้นของเขา
“สาม...มือไม่ว่าง” เขาตอบออกไปและก้มลงมามองที่หน้าเธอ
“อะไรของคุณเนี่ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ สอง สาม คืออะไร?” ถามออกไปด้วยอารมณ์เคืองๆ ในความไม่เข้าใจและพยายามบิดมือออกจาการเกาะกุมของเขา
“สี่” ปีเตอร์พูดพร้อมกระชับร่างบางเข้ามาใกล้หันหน้าเข้าหากัน
“พีท ผมบอกให้หนูนาเรียก ‘พีท’ ไม่ใช่คุณอย่างนั้นคุณอย่างนี้ จำไว้และต่อไปอย่าให้ได้ยินอีก” พูดน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปเขาคุยกัน
หนูนาเมื่อได้ฟังคำตอบก็จ้องเขาตาโตอย่างคาดไม่ถึงว่าปีเตอร์จะให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆแค่นี้
“เปิดประตูสิ!” ปีเตอร์พูดออกคำสั่งอีกครั้ง แบบนุ่มนวล
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีคำถามที่จะถาม คุ......พีท อีกอย่าง” เกือบไปแล้ว ‘คุณ’ เกือบหลุดออกจากปากของหนูนาอีกครั้งไม่งั้นป่านนี้คงได้ยิน ‘ห้า’ ออกมาจากปากแสนเซ็กส์ซี่นั้นอีกแน่
“พีท รู้ได้ยังไงว่าฉันมีชื่อเล่นเป็นภาษาไทยว่า ‘หนูนา’ เพราะฉันไม่เคยบอกใครเลย แม้แต่คุณเอียนยังไม่ทราบ?” ถามอย่างเอาเรื่อง เพราะหนูนาเริ่มสงสัยพวงกุญแจที่หายไป หัวขโมยอาจอยู่ตรงหน้าเธอก็ได้ หนูนามองหน้าปีเตอร์ด้วยสายตาจ้องจับผิดอย่างเห็นได้ชัด
ปีเตอร์เมื่อเห็นสายตาแบบนั้น เขาก็เดาได้ทันทีว่าหนูนากำลังจับพิรุธเขาเรื่องตุ๊กตาพวงกุญแจแน่ เขาก็เลื่อนสายตาไปมาอย่างใช้ความคิด แต่ก็เฉไฉเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน...
“ต่อไปนี้ ขอสั่งห้ามให้หนูนาแทนตัวเองกับผมว่า ฉันอย่างนั้นฉันอย่างนี้ให้แทนตัวว่า ‘หนูนา’ เท่านั้นเข้าใจตามนี้และเปิดประตูได้แล้ว” พูดไปและก้มหน้าลงมา คิดว่าถ้ายังไม่ยอมจบและเปิดประตู จะจูบสูบวิญญาณกันไปเลย
หนูนาเมื่อเห็นอย่างนั้น ก็ยื่นมือที่ว่างอยู่อีกข้างไปเปิดประตูทันที เมื่อทั้งสองกำลังจะออกจากห้องปีเตอร์ก็หยิบแว่นที่เกี่ยวไว้กับคอเสื้อตรงหน้าด้วยมืออีกข้างที่ถือเสื้อโค้ชเอามาสวม โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากหนูนา และก็จูงเดินไปยังลิฟท์เพื่อลงไปลานจอดรถที่ประจำ โดยที่ไม่มีใครได้พูดคุยอะไรกัน เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟท์ปีเตอร์แอบชำเลืองมองสาวน้อยข้างกายตลอดและยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ตลอดเวลาที่ลิฟท์เลื่อนลงไปชั้นที่ต้องการสีหน้าหนูนาดูออกจะบูดบึ้งคิ้วขมวดอย่างคนอารมณ์ไม่ดี ตั้งแต่เดินออกจากสตูดิโอแล้ว
“เอ๊ะ!!!” หนูนาอุทานออกมา เมื่อนึกอะไรมาได้ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นจอดรถและกำลังถูกจูงไปยังทิศทางที่นักร้องนำพาไปนั้นคือที่จอดประจำของเขา
“คุ......อืม...พีท....” เรียกไปพร้อมกับก้าวตามแรงจูงไปด้วย “เดี๋ยว! นี่พีทจะพาหนูนาไปไหน”
“ไปกินมื้อเย็นกัน หิวแล้ว”ปีเตอร์เมื่อได้ยินแบบนั้น ตอบคำถามแบบเป็นเรื่องปกติ และเมื่อเดินมาถึงรถก็ไปเปิดประตูฝั่งคนนั่ง ปล่อยมือจากหนูนาอย่างเสียดายและดันให้เข้าไปนั่งปิดประตูและตัวเองก็เดินมานั่งประจำตำแหน่งคนขับ โดยเอาเป้กับเสื้อที่ถือมาวางไว้เบาะหลัง สตาร์ทรถและขับออกไปโดยไม่มีการอธิบายหรือพูดอะไรอีก
❅❈❅❈❅❈❅❈
