บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 สมภารกินไก่วัด 2.3

“แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากนอนกับผู้หญิงคนไหนนี่ ฉันอยากจะนอนกับเธอคนเดียว เธอรู้มั้ยว่าฉันไม่เคยต้องการผู้หญิงคนไหนเท่าเธอมาก่อน” เขาหยุดพูด ก้มหน้ามองรวิษาดวงตาไม่ลดความปรารถนาลงเลยแม้แต่นิดเดียว “แล้วฉันต้องได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วย”

ในความรู้สึกของอัคราเวลานี้ เขาไม่เคยปรารถนาสตรีคนไหนเท่ารวิษามาก่อนเลย นับตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาขโมยจูบสาวซึ่งๆ หน้า อัคราครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ตลอดเวลา รสชาติของจุมพิตสาวที่เขาลิ้มลองยังหอมหวานติดอยู่ในปากและความรู้สึก ช่างต่างกับความรู้สึกยามที่ได้ลิ้มรสสัมผัสจากหญิงอื่นที่เขาไม่เคยปรารถนาเป็นครั้งที่สอง แล้วสองวันมานี้อัคราเห็นเธอครั้งใดเขาก็อยากจะกระชากเธอมาจูบทุกครั้ง แต่ทว่ายังยั้งใจเอาไว้เพราะมีแผนเด็ดจะพิชิตสาวในใจ

ประโยคนี้เองที่ทำให้รวิษากลัวจับใจ หวาดหวั่นถึงขีดสุด เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี ดิ้นและส่ายตัวไปมา นอนกระเถิบร่างหวังจะได้หลุดพ้นจากอสูรร้าย

“ฮือ...คุณโอมปล่อยมิ้นนะคะ มิ้นไม่เต็มใจ อย่าหักหาญน้ำใจกันเลย อย่าทำมิ้น ฮือ” เธอใช้คำพูดอ้อนวอนชายตรงหน้า น้ำตาสาวไหลบ่าไม่ขาดสาย สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร

“ฉันจะทำให้เธอเต็มใจเอง ไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความปรารถนาในตัวเธอเต็มล้น ดวงตาคมเข้มพราวระยับไปด้วยไฟเสน่หา

“อย่าทำมิ้นมิ้นไม่เต็มใจ อย่าทำมิ้นนะคะคุณโอม”

เป็นอีกครั้งที่เธอทั้งดิ้นและร้องขอความเมตตา รวิษาไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเลย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอัคราไม่เคยแสดงให้รวิษาได้เห็นเลยว่า เขาจะสนใจเธอ ตรงกันข้ามไม่สายตาแลเธอด้วยซ้ำ แล้วทำไมนะ ทำไม ทำไมเขาจึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก

อีกฝ่ายกระตุกยิ้มก่อนจะพูด “เธอก็ถือว่าเป็นค่าตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันเลี้ยงดูเธอมาสิ เธออย่าลืมนะมิ้น อย่าลืมว่าที่เธอได้ดี อยู่สุขสบายอย่างนี้เพราะใคร อย่าทำตัวเป็นคนอกตัญญูไม่รู้บุญคุณคนไปหน่อยเลย นอนกับฉันก็เหมือนทดแทนบุญคุณคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน”

วาจาที่ไหลผ่านปากของชายหนุ่มตรงหน้า เรียกความตกใจและเสียใจต่อรวิษาเป็นอย่างมาก เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้ยินประโยคนี้ มันทั้งเจ็บและจุกไปหมด พูดอะไรไม่ออก สมองที่เคยคิดต่อต้านหยุดนิ่งกลางคัน ร่างกายเหมือนถูกสาปให้แข็งประดุจหิน ปากสั่น ดวงตาระริกไหวมีน้ำตาหยดไหลไม่ขาดสาย

หรือว่า...เวลานี้เธออยู่ในความฝัน ใช่...ฝันไปแน่ๆ เธอกำลังอยู่ในความฝัน ทุกคำพูดและการกระทำของอัครามันเป็นเพียงฝันร้าย ไม่ได้เกิดขึ้นจริง รวิษาต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น แท้จริงแล้วมันกลับไม่ใช่ ลมหายใจอุ่นร้อนจากโพรงจมูกของเขาที่กระทบกับแก้มของตน แล้วยังจะเสียงหัวใจของเธอที่เต้นระส่ำ ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าทุกสิ่งอย่างมันเป็นเรื่องจริง

บุญคุณและความกตัญญูเป็นเรื่องที่รวิษาตระหนักอยู่ทุกลมหายใจ ไม่มีวินาทีไหนเลยที่เธอจะไม่คิดตอบแทนบุญคุณครอบครัวที่ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูเธอ รวิษาเจียมตัวเจียมตน ดูแลบ้าน ดูแลอรรคเดชและทุกคนในตระกูลเนติรัตน์พิบูลเสมอมา เพราะคิดว่าเป็นการทดแทนบุญคุณทางหนึ่ง

แต่สิ่งที่อัคราพูดมันไม่ใช่ วิธีการตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนไม่ใช่แบบนี้ มันเป็นการบังคับกันมากกว่า ความเสียใจวิ่งเข้าวิ่งออกในหัวใจของรวิษา เธอกำลังเสียใจกับคำพูดและการกระทำของอัครา ชายหนุ่มที่ตนเองแอบหลงรักและเชิดชูมาหลายปี ความผิดหวังแทรกซ้อนเข้ามาในจิตใจ ส่งผลให้ความเสียใจทบทวีคูณมากขึ้น

“ทำไม...ทำไมคุณโอมถึงทำอย่างนี้ ฮือ” เธอถามเขาเสียงสะอึกสะอื้น

“ก็ฉันอยากทำมีอะไรมั้ย อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ก็เสียเงินเลี้ยงดูเธอมาตั้งหลายปี ถ้าปล่อยเธอไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ได้แค่สินสอดทองหมั้นนิดๆ หน่อยๆ เพราะคนอย่างเธอคงหาผู้ชายรวยๆ มาเป็นผัวไม่ได้หรอก คนรวยๆ เขาไม่มองผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน หาได้แต่ตาสีตาสาที่มองคนระดับเดียวกัน ครอบครัวของฉันก็ขาดทุนน่ะสิ” เขาหยุดพูด แสยะยิ้มขณะมองหน้ารวิษา

“สู้ฉันคิดค่าบุญคุณกับเธอก่อนมันก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ อีกอย่างนะฉันเป็นคนเบื่อผู้หญิงง่ายจะตายไป นอนแค่ครั้งสองครั้งก็ทางใครทางมัน รับรองว่าเธอไม่บุบสลายเครื่องยังไม่พังแน่นอน”

วินาทีนี้รวิษาอยากจะหยุดหายใจ วาจาของเขาช่างเจ็บแสบเหลือคณา หัวใจดวงน้อยๆ ที่กำลังเต้นแทบแหลกสลาย นี่หรือคือคำพูดของคนที่เธอรัก คือความรู้สึกของอัคราจริงๆ อย่างนั้นหรือ สิ่งที่เขากระทำลงไปทั้งหมดเพื่อเรียกต้นทุนที่ส่งเสียเลี้ยงดูเด็กกำพร้าคนนี้ใช่หรือไม่

ถ้าเป็นตามที่เธอคิดจริงๆ มันจะเป็นความเจ็บปวดที่ติดตัว ติดหัวใจไปตราบนานเท่านาน

“ฮือ...ฮือ” รวิษาไม่อาจเรียงร้อยคำพูดใดได้ เธอพูดไม่ออก ในความรู้สึกมีเพียงความระทมทุกข์เท่านั้น แล้วน้ำตาก็สื่อถึงทุกความรู้สึกที่รวิษามี

“เธอไม่ต้องร้องไห้หรอก เพราะฉันไม่มีวันปล่อยเธอ”

อัคราก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกลายเป็นคนบ้าตัณหามากขนาดนี้ได้อย่างไร รู้ว่ารวิษาไม่เต็มใจ เห็นว่าเธอร้องไห้สะอึกสะอื้น ได้ยินเสียงเว้าวอนร้องขอความเมตตา รับรู้ว่าเธอดิ้นรนต่อสู้ แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดความตั้งใจ ยังคิดจะเดินหน้าต่อไป

หรืออาจเป็นเพราะความคิดในเสี้ยววินาทีนั้นที่แวบเข้ามาในสมอง ทำให้เขาหันมามองไก่วัดแสนสวย แล้วกลายเป็นสมภารกินไก่วัดเต็มตัว

“อย่า...อย่าทำมิ้น คุณโอม...ได้โปรด”

รวิษาคิดในทางที่ดีว่า เขาอาจจะเปลี่ยนใจ ยอมเห็นใจคำร้องขอของเธอ ดวงตาคู่สวยที่บัดนี้มีแต่ม่านน้ำตามองหน้าคนที่เธอหลงรักด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดแสน อัคราที่เธอรู้จักไม่มีอีกแล้ว เขาคือผีห่าซาตานเข้าสิง เป็นอสูรร้ายที่ไร้ซึ่งความปรานี

“น้ำตามันไม่ได้ช่วยอะไรมิ้น มันไม่ได้ช่วยอะไร ได้เวลาที่เธอจะต้องแทนคุณข้าวแดงแกงร้อนครอบครัวของฉันแล้ว”

อัคราพูดเสียงเยือกเย็น หูของเขาอื้อเกินกว่าจะได้ยินเสียงของรวิษา ดวงตาของเขาพร่าเลือนเกินกว่าจะมองเห็นสีหน้าและน้ำตาของเธอ อารมณ์ดิบในกายเป็นเครื่องชี้นำให้อัคราทำตามความปรารถนาของตนเอง เขาโน้มใบหน้าเข้ามาหาดวงหน้าเปื้อนน้ำตา ก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนปากสาว

วินาทีที่รวิษารู้สึกถึงความอุ่นจากเรียวปากหนาได้รูป สาวผู้น่าสงสารรู้สึกเหมือนกับว่าคำว่าอิสรภาพได้สูญสิ้นไปจากเธออย่างสิ้นเชิง

“อื้อ...อื้อ” แต่ถึงกระนั้นรวิษาก็หวังว่า หากเธอขัดขืนและต่อสู้ เธอคงได้รับอิสรภาพ หลุดพ้นจากมืออสูรร้ายที่กำลังจะพร่าผลาญพรหมจรรย์ รวิษาจึงดิ้น ส่งเสียงประท้วงในลำคอ ส่ายศีรษะไปมาเพื่อไม่ให้เขาจูบเธอได้โดยง่าย ทว่าเธอคงลืมไปแล้วว่า เคยทำอย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็ไม่ได้ผล

อัครารับมือไม่ยากกับการขัดขืนของรวิษา ข้อมือเล็กถูกรวบไว้ในอุ้งมือของเขาเพียงมือเดียว มืออีกข้างจึงเลื่อนมาจับแก้มนวนเนียนทั้งซ้ายขวาให้หยุดอยู่นิ่ง รับจูบเอาแต่ใจจากเขา เลื่อนกายที่ทาบทับเป็นเกยทับ วาดลำขาทับเรียวขาสาวจนเธอไม่อาจขยับร่างได้ตามใจคิด

“อื้อ...อื้อ” รวิษามีเพียงทางเลือกเดียวที่ทำได้ เธอส่งเสียงร้องในลำคออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเวลานี้เรียวลิ้นใหญ่จะแทรกผ่านเข้ามาเกี่ยวลิ้นนุ่ม กระหวัดพันรัดจนเธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ซึมซับเข้ามาในความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ

รวิษากำลังงวยงง เหมือนครั้งแรกที่เขาจูบเธอ เหมือนกันไม่มีผิด ร่างกายที่เคยต่อต้านบัดนี้ร่างสาวตกอยู่ในอาการเกร็งแข็ง เรี่ยวแรงพาเหือดหาย บังคับตัวเองไม่ได้ ลิ้นใหญ่กวาดต้อนทุกพื้นที่ในช่องปากหอมกรุ่น ร่ายมนต์ให้เธอไร้แรงต้านทาน

อัครากระหยิ่มยิ้มในใจเมื่อรู้ว่าร่างกายสวยงามของรวิษาเริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม ลิ้นเล็กที่เคยหลบหลีก ตอบโต้กลับการรุกรานอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือเล็กทั้งสองข้างที่เคยสะบัดเวลานี้หยุดอยู่นิ่งกับที่เสมือนร่างกายที่อ่อนระทวย

มือใหญ่บังคับจับแก้มนวลคลายออก เลื่อนมาไล้เบาๆ ตรงสีข้างก่อนจะเลื่อนมากอบกุมเต้าทรวงอวบ ขนาดของสิ่งที่เขาจับต้องแทบจะล้นมือ ยิ่งออกแรงบีบเคล้นเบาๆ ความนุ่มหยุ่นที่ได้รับยิ่งทำให้เขาอยากจะเห็นความงดงามของสิ่งนั้น อยากจะเห็นกับตาว่าจะสวยงามอร่ามตามากแค่ไหน แล้วต้องการจับต้องแบบไร้สิ่งกีดกั้นอีกด้วย

“อูวว์...” อัคราครางในใจ แค่คิดแค่จินตนาการร่างกายของเขายังตอบสนองได้มากขนาดนี้ แล้วถ้าได้เห็นและได้จับต้องเนื้อแท้จริงๆ ล่ะ อารมณ์สวาทของเขาจะลุกโชนมากแค่ไหน รวิษาช่างเหมือนน้ำมันจุดประกายไฟในตัวเขาได้อย่างเฉียบพลัน

แรงกระชับบีบของฝ่ามือใหญ่ ความเจ็บระคนเสียวซ่านทำให้จิตใจสาวที่กระเจิดกระเจิงหวนกลับมา เธอออกแรงขยับตัว ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ส่ายศีรษะไปมา การขัดขืนเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่มันเพียงชั่วครู่เท่านั้น ร่างทั้งร่างก็รู้สึกชาวาบ กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านกาย เมื่อเขาใช้ปลายนิ้วกดลงบนยอดถันผ่านเสื้อตัวสวย หากเขากดเฉยๆ เธอคงไม่มีอาการเช่นนี้ แต่อัคราใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือปลุกปั่นปลายถัน กดบ้างถูไถบ้าง สาวอ่อนหัดถึงกับตัวสั่นเป็นระยะๆ มือเท้าอ่อนแรง พละกำลังในกายหยุดอยู่ที่ศูนย์ เสียงครางประท้วงเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครางรัญจวน

อัครายังคงไล่ต้อนหาความหวานละมุนจากปากสาว กวาดลิ้มชิมรสทั่วช่องปาก ตามกระพุ้งแก้มทั้งซ้ายขวาถูกปลายลิ้นใหญ่ซอกซอน ไม่เว้นแม้แต่ไรฟันคมสะอาด แล้วที่ทำให้เธอขนลุกซู่ ซาบซ่านไปทั้งกายก็คือ การที่เขากระดกลิ้นพลิ้วสะบัดเพดานปาก ก่อนจะมาตวัดลิ้นสาว

อากาศ...เวลานี้รวิษาต้องการออกซิเจนมากที่สุด การจุมพิตแสนยาวนาน ไม่เว้นระยะให้เธอได้หายใจหายคอ กำลังทำให้หญิงสาวไร้ประสบการณ์ขาดอากาศหายใจ ระดับออกซิเจนในร่างกำลังจะหมดลง เธอจะร้องบอกเขาก็ไม่ได้ เพราะปากถูกเขาครอบครอง จะผลักร่างของเขายิ่งไม่ได้ใหญ่ เนื่องจากถูกมือแข็งแรงจับเอาไว้แน่น จะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้

เหมือนเขาจะรู้ว่ารวิษาต้องการอะไร อัคราจึงถอยห่างริมฝีปากของตนออกมาเพียงนิด ให้เธอได้สูดลมหายใจเข้าไปในปอดอย่างเต็มที่ ซึ่งรวิษาเองก็เร่งรับหายใจอย่างเร่งด่วน สูดอากาศเข้าไปเต็มปอดหลายครั้ง ทว่าปากหนาไม่ได้ผละห่างเสียทีเดียว ยังแทะเล็มปากสาวด้วยไรฟันคมกริบอยู่เนืองๆ

“ไม่...อย่าค่ะ อย่าทำมิ้น ยะ...”

รวิษาใช้เวลานั้นร้องห้ามและร้องขอเขา ใช้โอกาสเพียงน้อยนิดที่ปากสาวได้รับอิสระให้มีค่ามากที่สุด ทว่าอัคราปิดกั้นโอกาส เสียงห้าม เสียงอ้อนวอนต่างๆ ด้วยปากและลิ้นของเขา

มือหนานวดเฟ้นดอกอุบลสลับไปมาทั้งสองข้างเต้า พร้อมกันนี้ยังใช้ปลายนิ้วมือบี้บด ปลุกปั่นยอดถันไปในที ปากก็จูบอย่างดูดดื่ม ส่วนขาก็ไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใด ข้างที่พาดทับขาสาวถูไปถูมาเสียดสีจนเกิดความร้อนวูบวาบ

อัคราใช้จุมพิตเร่าร้อนร่ายมนต์ใส่ร่างสมส่วนให้คล้อยตาม หยุดการดิ้นรนขัดขืนเป็นตอบสนอง ขับไล่ความคิดต่อต้านเป็นการยินยอมพร้อมใจ ลิ้นใหญ่ยังเสาะหาความหวานไปทั่วโพรงปากนุ่ม แทรกซอนจนเธอเกิดความงุนงง สมองว่างเปล่า

แต่ทว่าอาการของรวิษาเวลานี้ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เธอต้องด่ำดิ่งอยู่ในห้วงพิศวาสให้มากกว่านี้ จากขัดขืนจะต้องกลายเป็นยอมพลีกายให้เขาเชยชม อัคราชายหนุ่มชำนาญในเกมสวาทจึงเริ่มลงมือปฏิบัติการทันที

ริมฝีปากหนาถอยห่างปากสาว แต่ยังคงจูบเบาๆ อ้อยอิ่ง เพียงชั่วครู่ก็ลากปากไปตามผิวแก้มเนียนนุ่ม จมูกซับความหอมไปด้วยเรื่อยมาจนถึงใบหูสาว ไรฟันคมสะอาดกัดหยอกเย้าตรงติ่งหู จากรั้นใช้ลิ้นใหญ่ตวัดไล้เลีย เริ่มจากติ่งหูลากผ่านไปตามก้านหูแล้วจึงวนมาสอดลิ้นเข้าไปในส่วนรับฟัง กระดกลิ้นพลิ้วในช่องหูเล็ก จนเกิดเสียงเจาะแจะในนั้น

“อืม...อา” เจ้าของหูขนลุกซู่ ปล่อยเสียงครางออกมาไม่รู้ตัว

อัครารู้สึกพอใจกับเสียงครางที่ได้ยินเพราะมันเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า เธอกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาสตามความตั้งใจของเขา แล้วอัคราจะต้องทำให้ความรู้สึกนั้นถาโถมเข้าสู่ร่างกายและจิตใจของรวิษาให้มากขึ้นและมากขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel