บทที่ 1 ตอนที่ 2
รอบตัวมีแต่ป่า และป่า...กับเสียงสัตว์ร้องจับใจความไม่ได้ว่าคือตัวอะไร แต่มันยังความหวาดกลัวเหลือคณามาสู่จิตใจของเธอ ด้วยไม่รู้เส้นทางหญิงสาวจึงบุกป่าฝ่าพงหญ้ารกวิ่งไปเรื่อยๆแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ไม่ยอมหยุด กิ่งไม้ใบไม้บาดข่วนตามเนื้อตัวจนเป็นรอยเลือดซิบซึมเข้าไปติดถึงเสื้อผ้า แต่ก็ไม่ได้สนใจมันเลย
“ทำไงดี ไปทางไหนดี...” ยิ่งไกลก็ยิ่งลึก เข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ใบหญ้ารกหนาและมีขนาดใหญ่เข้าไปทุกที
หากเธอไม่ถูกเดนคนเหล่านั้นลากตัวกลับไปก็คงหลงทางตายในป่านี้อย่างแน่นอน เพราะหนทางจะรอดออกไปนั้นริบหรี่เสียยิ่งกว่าแสงจันทร์ในคืนเดือนดับเสียอีก
แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจึงหยุดวิ่งชั่วขณะ และตั้งใจเงี่ยหูฟังพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อย
“น้ำ...แถวนี้มีน้ำ” เธอเริ่มกวาดสายตามองไปยังทิศทางที่มาของเสียง แม้จะมีต้นไม้และหญ้าสูงเกือบท่วมศีรษะ แต่หากเธอเดินตามเสียงนั้นไปพบแหล่งน้ำจริงๆ ก็เชื่อว่าตัวเองต้องมีทางรอดแน่นอน
หนึ่งเธอมีน้ำสะอาดได้ดื่มคงพอยังชีพได้ดีกว่าอดอยาก แม้จะไม่มีอาหารเลย
สอง...หากเดินตามลำน้ำไปอาจได้พบหมู่บ้านหรือทางออกจากป่านี้ เพราะอย่างไรเสียสายน้ำก็ต้องไหลไปรวมตัวกันที่ไหนสักแห่ง
มือเล็กยกมือขึ้นปาดเหงื่อตามใบหน้าแล้วเดินแหวกพงไพรไปเรื่อยๆ เสียงน้ำไหลก็ดังชัดขึ้นทุกที และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกโจรป่าเหล่านั้นจะตามมาไม่ทันก่อนเธอจะได้ไปไกลจากบริเวณนี้
“มีน้ำจริงๆ ด้วย แกรอดตายแล้วมาเรียม...” เสียงเล็กอุทานเบาหวิว ริมฝีปากคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความยินดีแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจขจัดความกลัวทั้งหมดออกไปจากความรู้สึก
ตรงหน้าของเธอเป็นลำธารไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่เล็กนัก รอบๆ ยังห้อมล้อมไปด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้ต้นหญ้า มีก้อนหินขนาดน้อยใหญ่วางสะเปะสะปะอยู่โดยทั่ว อากาศตรงนี้เย็นจัดขึ้นมาทันที
มาเรียมตัดสินใจถอดรองเท้าหุ้มส้นที่เธอสวมอยู่มาถือเอาไว้เพื่อความสะดวกในการเดินข้ามลำธารไปยังอีกฝั่ง คงช่วยอำพรางเธอจากกลุ่มโจรได้ในระดับหนึ่ง
ระดับน้ำไม่ลึกนักแต่ไหลแรงเชี่ยวกราก อีกทั้งพื้นน้ำยังเต็มไปด้วยหินขนาดต่างกัน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในแต่ละย่างก้าว เพราะหินทั้งลื่นและมีคม
