จอมเซียนเทวะมาร 2

74.0K · ยังไม่จบ
ห่ายโอห่ายโอ
34
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

-

นิยายแฟนตาซีนิยายจีนโบราณนิยายแฟนตาซีแม่ทัพนักวรยุทธแก้แค้นพระเอกเก่งจีนโบราณแฟนตาซี

บทที่ 1

อากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเย็นลงทุกวัน ซูมู่จื้อเปลี่ยนเป็นชุดหนาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ออกมาปะทะลมหนาวนอกโรงหมอเป็นต้องตัวสั่นทุกทีไป

“กลัวหนาวอะไรปานนั้น” จู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากบนต้นไม้ใหญ่ข้างๆ

ซูมู่จื้อเงยหน้าขึ้น แต่ทุกอย่างมืดจนมองอะไรไม่เห็น เหมือนว่าจะมีคนอยู่

หนานเหอกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ ถือเสื้อคลุมตัวหนึ่ง สะบัดแล้วคลุมให้กับซูมู่จื้อ

“ท่านไปทำอะไรบนต้นไม้?” ซูมู่จื้อยังคงเงยหน้ามอง ราวกับจะมองให้เห็นดอกไม้สักดอก

“ก็รอเจ้าน่ะสิ กลับกันเถอะ รีบนอน” หนานเหอกล่าว

“อ้อ” ซูมู่จื้อรับคำ เดินตามหลังหนานเหอกลับเข้าห้องตัวเอง แต่สมองยังคงคิดถึงต้นไม้ต้นนั้น

มีฝนตกโปรยปรายในตอนเช้า ซูมู่จื้อซุกตัวอยู่ในผ้านวมอุ่นๆ ไม่ยอมลุกจากที่นอน กลิ้งซ้ายกลิ้งขวา ไม่ทันระวังพันจนตัวเองกลายเป็นดักแด้ พบว่าตัวเองออกไปไม่ได้แล้วอย่างน่าเศร้า

ตอนที่หนานเหอเข้ามา ก็เห็นซูมู่จื้อนอนตัวแข็งทื่ออยู่ ใบหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นหนานเหอจึงรีบบอก

“รีบเอาข้าออกไปที ข้าขยับไม่ได้”

หนานเหอหัวเราะทั้งน้ำตา

“เจ้าทำอะไรของเจ้านี่?” พูดไปแกะไป แกะผ้าห่มที่ห่อตัวซูมู่จื้อออก

มือเท้าคลายแล้ว ซูมู่จื้อรีบขยับตัว พูดงงๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน กลิ้งไปสองทีก็เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว”

“รีบล้างหน้าล้างตาเถอะ อาหารเช้าเสร็จแล้ว” หนานเหอตบหลังเขา

ซูมู่จื้อตาเป็นประกาย “มีอะไรอร่อยบ้าง?”

“เจ้าอยากกินอะไรล่ะ?” หนานเหอยิ้มถาม

“ทอดมันกุ้ง” หนานเหอเพิ่งเรียนทำทอดมันกุ้งกับฟู่ฉุนมาเมื่อวันก่อน ซูมู่จื้อชอบมาก

“มี”

ซูมู่จื้อโห่ร้องดีใจ แล้วก็ไปอาบน้ำ

กินข้าวเช้าเสร็จ ซูมู่จื้อก็รีบไปที่โรงหมอ จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าที่หน้าประตู เงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ข้างประตู เขาจำได้ว่าเมื่อคืนหนานเหอกระโดดลงมาจากต้นไม้ต้นนี้

ซูมู่จื้อถอยหลังไปสองก้าว เดินวนรอบต้นไม้ใหญ่รอบหนึ่ง ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงได้พับแขนเสื้อ รวบรวมพลังทั้งหมด กระทืบเท้าลงกับพื้น ตัวลอยขึ้นไปในอากาศ สองมือยื่นไปด้านบน จับกิ่งไม้หนาได้อย่างแม่นยำ อาศัยกิ่งไม้พลิกตัวปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้

ใบไม้รอบๆ หนาแน่น ซูมู่จื้อมองแล้วก็ปีนขึ้นไปด้านบน จนเกือบถึงปลายยอดต้น ในที่สุดใบก็บางลงมากแล้ว

ซูมู่จื้อมองไปรอบๆ ด้านล่าง ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างขวาง จวนเซี่ยทั้งหมดรวมไปถึงโรงหมอของเขาจึงไม่มีสิ่งบดบัง

ทิศทางที่เขาหันไปในขณะนี้คือแถวห้องพักแขก ผู้เฒ่าจ้าว ฮวาเหวย จงหัวพักอยู่ตรงนั้น แต่ฮวาเหวยออกไปข้างนอกแล้ว บอกว่าจะไปสะกดรอยตามหยาจื้อ วันนี้ผู้เฒ่าจ้าวจะไปที่หน่วยราชการเพื่อให้ปากคำ ก็ได้ออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่จงหัว

ไม่เห็นคนอื่น ซูมู่จื้อลงมาจากต้นไม้ เห็นหลินอิ่งรีบมาพอดี

หลินอิ่งมองดูเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านเซียนเซี่ย ท่านขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้?”

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก” ซูมู่จื้อกล่าว หันหลังแล้วเดินเข้าไปที่โรงหมอ

หลินอิ่งเงยหน้า มองต้นไม้ใหญ่อย่างสงสัย ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็กระโดดขึ้นไป แต่ว่า...ไม่พบอะไรเช่นกัน หลังจากที่รับลมหนาวสักพักก็รีบกระโดดลงมา

“เจ้าทำอะไรน่ะ?” ฟู่ฉุนบังเอิญผ่านมา

“อ๋อ ไม่มีอะไร” หลินอิ่งกล่าว จากนั้นก็เข้าไปที่โถงหน้า

ฟู่ฉุนมองไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วปีนขึ้นไปเงียบๆ...

แล้วก็ตามมาด้วยฟู่ฉง เฟิ่งหลิง พ่างหลาน...

ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ การกระทำของพวกเขานั้น องค์รัชทายาทมองอยู่ ว่าแล้วองค์รัชทายาทก็ปีนขึ้นไปอีกครั้ง

อากาศไม่เป็นใจ คนไข้ที่มาตรวจก็น้อยลงเยอะมาก แต่ก็ยังมากกว่าสิบคน ตรวจได้ครึ่งทาง ซูมู่จื้อกลับไปที่สวนหลังจวน แต่เพิ่งออกมาจากโถงหน้าก็เห็นองค์รัชทายาทที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ จึงหยุดยืนถาม “ฝ่าบาท ท่านมองอะไรอยู่หรือ?”

“ข้าน่าจะถามพวกเจ้ามากกว่า แต่ละคนปีนขึ้นมากันแต่เช้าตรู่ พวกเจ้าทำอะไรกัน?” หนานเหอถาม

“พวกข้า?”

“ก็ใช่น่ะสิ” หนานเหอเล่าเรื่องที่ทุกคนปีนต้นไม้ให้ฟัง

ซูมู่จื้อฟังแล้วหัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊าก

“ข้าปีนต้นไม้แค่อยากรู้ว่าท่านขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้เมื่อคืน” คิดไม่ถึงว่าจะวนมาครบรอบถึงตาองค์รัชทายาทปีนขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง

“บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ? ก็รอเจ้าอย่างไรเล่า” ที่แท้เป็นเขาเองที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ซูมู่จื้อกลับไปทำธุระที่สวนหลังจวนเสร็จก็กลับไปที่โถงหน้าอีก อดทนสอบถามอาการป่วย จ่ายยา แล้วให้หลินอิ่งไปจัดยา

“อาการป่วยของเจ้าไม่หนัก กินยาสามวันติดต่อกันก็จะดีขึ้น” ซูมู่จื้อพูดเสียงนุ่ม

“ได้ ข้าจะกินยาแน่นอน” เด็กหนุ่มในชุดหรูหรานั่งอยู่ตรงหน้าซูมู่จื้อ

หลังจากเด็กหนุ่มออกไป คนไข้รายสุดท้ายของวันนี้ก็เดินเข้ามา ซูมู่จื้อมอง รู้สึกคุ้นตา แต่งชุดคนรับใช้ น่าจะเป็นคนใช้ของบ้านไหนสักแห่ง

หลังจากที่คนผู้นั้นเดินเข้ามากลับคุกเข่าดังตุบ พูดอย่างร้อนใจ

“หมอเซี่ย ท่านต้องช่วยคุณหนูบ้านข้านะ”

จู่ๆ สมองซูมู่จื้อก็สว่างวาบขึ้นมา ถามว่า “เจ้าเป็นคนของจวนจ้าวรึ?”

“ขอรับ ข้าน้อยชื่อจ้าวฮุย”

“เจ้าลุกขึ้นก่อน” ซูมู่จื้อกล่าว “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าให้ข้าช่วยคุณหนูบ้านเจ้า นางเป็นอะไร?”

“ข้าเองก็ไม่ทราบ ได้ยินมาว่าเป็นบ้า เมื่อคืนวานจู่ๆ ก็เขวี้ยงปาของราวกับคนบ้า นางทำลายทั้งห้อง อะไรที่พังได้ก็พังหมด” จ้าวฮุยลุกขึ้นพลางพูด

“เป็นบ้า?”

“แต่นายท่านบอกว่าไม่ใช่ คุณหนูก็เอาแต่ขว้างปาข้าวของ ข้าก็ว่าไม่เหมือน”

ช่างเป็นโรคที่ประหลาด ซูมู่จื้อแอบคิด

“ได้เชิญหมอท่านอื่นมาตรวจหรือไม่?”

“มีขอรับ เชิญหมอซุนและหมออู๋ชื่อดังจากในเมือง แต่พวกเขาไม่เจออะไรเลย ต่างบอกว่าประหลาด ไม่เคยพบเจอมาก่อน ครั้งนี้เดิมทีจะพาคุณหนูมาด้วย แต่นางอาละวาดรุนแรงมาก จนปัญญา นายท่านจึงให้ข้ามาถาม ท่านจะออกตรวจได้หรือไม่?”

ซูมู่จื้อไตร่ตรองอยู่นาน

“อย่างนี้แล้วกัน เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าไปหยิบของ แล้วเราไปดูกัน”

“ดีเลย ขอบคุณท่านหมอเซี่ย” จ้าวฮุยเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านจ้าวจือฝู่ ครั้งก่อนที่คุณหนูป่วยก็เป็นเขาที่มาหาซูมู่จื้อ ด้วยเหตุนี้จึงรู้กฎของซูมู่จื้อ

หมอเซี่ยไม่เพียงจำกัดจำนวนคนไข้เข้าตรวจ และไม่ออกตรวจง่ายๆ ใครมาเชิญก็ไม่เป็นผล แม้จวนอ๋องจิ้งยังไม่เว้น

สองปีก่อน สนมของอ๋องจิ้งป่วยหนัก จวนอ๋องจึงส่งคนมาเชิญ ซูมู่จื้ออย่างไรก็ไม่ยอม ไม่ตอบรับคำเชิญ เล่นเอาอ๋องจิ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เกือบจะมาพังโรงหมอ แต่ซูมู่จื้อยังคงไม่สะทกสะท้าน

อ๋องจิ้งจนปัญญา จึงต้องประนีประนอม ส่งตัวนางสนมมาที่โรงหมอเซี่ย เพราะมีเพียงเขาที่รักษาอาการป่วยของนางสนมให้หายได้

ซูมู่จื้อกลับไปที่พัก เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าตัวหนา แจ้งกับทุกคน “ข้าจะออกตรวจ จะกลับมาดึกหน่อย”

“เจ้าจะไปที่ไหน?” หนานเหอเอ่ยปากก่อน

“บ้านจ้าวจือฝู่”

“ข้าไปกับเจ้าด้วย” หนานเหอกล่าว

“ไม่ต้องหรอก มีหลินอิ่งอยู่”

แต่ไหนแต่ไรหนานเหอก็ไม่ฟังเขาอยู่แล้ว คลายผ้ากันเปื้อน ล้างมือสะอาดสะอ้าน เตรียมพร้อมจะออกได้ทุกเมื่อ

“เอาเถอะ” ซูมู่จื้อยังจะพูดอะไรได้อีก? ได้แต่พูดกับฟู่ฉุน ฟู่ฉงว่า “พวกเจ้าดูบ้านให้ดี”

“ขอรับ” ทั้งสองรับคำ

ซูมู่จื้อพาหนานเหอเดินออกไปข้างนอก ระหว่างทางหยิบกล่องยาของตนออกมาจากถุงเฉียนคุน ปลอมตัวเป็นหมอ ปกติย่อมขาดผู้ติดตามไปไม่ได้

“เอาละ พวกเราไปกันเถอะ” ซูมู่จื้อเข้าไปในโรงหมอ พูดกับจ้าวฮุย

“ขอรับ ขอรับ” จ้าวฮุยขับรถม้ามา เพื่อป้องกันเหตุเช่นนี้ อย่างไรก็ให้ท่านหมอเดินไปไม่ได้แน่

รถม้าไม่ได้หรูหรามากนัก แต่ค่อนข้างใหญ่ ซูมู่จื้อ หนานเหอ หลินอิ่งทั้งสามคนเข้าไปกลับไม่รู้สึกแคบเลยแม้แต่น้อย

“ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ค่อยออกตรวจ วันนี้เป็นอะไร?” หนานเหอถาม นี่ก็หลายวันแล้วที่เขาไม่เห็นซูมู่จื้อออกจากบ้าน

“ลูกสาวของบ้านจ้าวจือฝู่ นางมาไม่ได้ จึงอยากไปดูเสียหน่อย” ซูมู่จื้อพูดไปพลางหยิบทอดมันออกมาจากถุงเฉียนคุน กินคำเล็กๆ

หนานเหอมอง เป็นทอดมันกุ้งที่เขาทำเมื่อเช้า ถามยิ้มๆ “เจ้าเอามาซ่อนไว้เมื่อไหร่กัน?”

“ก็ตอนกินมื้อเช้าน่ะสิ รู้สึกว่าอร่อยมาก เลยหยิบมาสองชิ้น กะกินเป็นของว่าง ท่านเอาไหม?” ซูมู่จื้อหักส่วนหนึ่งให้เขา

“ไม่ต้องหรอก เจ้ากินเถิด”

“จ้าวจือฝู่เป็นคนดี ช่วยเหลือข้าไว้มาก ดูแลข้าเป็นอย่างดี เป็นคนต้องรู้จักทดแทนคุณ” ซูมู่จื้อดึงมือกลับแล้วกล่าว

รถม้าเดินทางมาพักใหญ่แล้วยังไม่หยุด ซูมู่จื้องุนงงเล็กน้อย เขารู้ว่าบ้านจือฝู่อยู่ที่ไหน น่าจะถึงนานแล้ว ดังนั้นจึงยกม่านรถขึ้นแล้วมองออกไปด้านนอก ขมวดคิ้วทันทีแล้วพูดพึมพำ “ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านจือฝู่”

หนานเหอขรึมลงทันที “มีกบฏรึ?”

ซูมู่จื้อตบมือของเขา ทำให้เขาคลายความกระสับกระส่าย จากนั้นถามไปด้านนอกเสียงดัง “จ้าวฮุย พวกเราไปที่ใดกัน?”

จ้าวฮุยหยุดรถม้า เปิดม่านรถ กล่าวด้วยความนอบน้อม “ไปจวนอ๋องจิ้ง คุณหนูบ้านข้าแต่งงานกับอ๋องจิ้งซื่อจื่อ ตอนนี้นายท่านก็อยู่ที่นั่น”

อย่างนี้นี่เอง

“ทราบแล้ว ไปเถอะ”

จ้าวฮุยรับคำ รีบบังคับม้าต่อ

ผ่านไปอีกกว่าหนึ่งชั่วยาม รถม้าหยุดอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่านี่คือถึงแล้ว ดังนั้นจึงลงมาจากรถม้าทีละคน

เป็นจวนอ๋องจิ้งจริง แต่พวกเขากลับต้องเข้าไปทางประตูเล็ก