ตอนที่ 14 ใกล้วันชิงตำแหน่ง
ยิ่งใกล้ถึงวันชิงตำแหน่งจ้าวยุทธภพมากขึ้นเท่าไหร่ ข่าวการตายของเหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้าก็เพิ่มมีจำนวนมากขึ้นตามลำดับ จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วยุทธภพ ที่การประลองชัยเพื่อหาประมุขของยุทธภพต้องสูญเสียจอมยุทธ์ฝีมือดีที่ช่วยปกป้องบ้านเมืองและมณฑลไปจำนวนมากมาย นอกจากนี้ก็เหลือเพียงจอมยุทธ์ฝีมือไม่เข้าขั้นและจอมยุทธ์จอมปลอมที่อยากครอบครองตำแหน่งจ้าวยุทธจักรจนตัวสั่น เลยต้องใช้วิธีสกปรกในการตัดกำลังคู่ต่อสู้อย่างเลือดเย็น เหลืออีกไม่ถึง 3 วันก็จะถึงวันชิงตำแหน่งของเหล่าจอมยุทธ์ที่เหลืออยู่
ณ ลานกว้างหน้าเรือนใหญ่ของฮูหยินน้อยข้าวปั้นลี่ ฮูหยินเจ้าเสน่ห์กับสามีต่างช่วยกันฝึกฝนวรยุทธ์อย่างจริงจัง มุ่งมั่นด้วยกระบวนท่าแปลกใหม่พร้อมเพลงดาบที่ทรงอำนาจและน่ากลัวที่คุณชายทั้งสองช่วยกันคิดค้นดัดแปลงฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญในการต่อกรกับจอมยุทธ์ท่านอื่นๆ ดาบคู่กายฮูหยินปั้นทั้งไม้พลองคู่ชีวิตคุณชายไวซ์ที่ฟาดฟันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปทั่วบริเวณเรื่องใหญ่ ต่างได้รับคำชมจากผู้เป็นพ่อ ท่านอา ท่าน้าที่ยืนดูลูก หลานของพวกพวกเขาฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ห่างๆ
"เห็นไหมพ่อบอกแล้วว่าเจ้าได้อาไวซ์น่ะดีมากเพียงใด ที่เป็นทั้งสามีและครูช่วยฝึกสอนวรยุทธ์ให้แก่เจ้าจนเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ เชื่อพ่อหรือหรือยังล่ะอาปั้นลูกพ่อ..." ประมุขของบ้านกล่าวอย่างภูมิใจ
"ท่านพ่อครับนอกเสียจากวรยุทธ์ของฮูหยินข้าจะเก่งกาจมากขึ้นแล้ว เพลงรักสะท้านยุทธภพ ก็เก่งขึ้นไม่น้อยนะครับ"
"เอ๊ะ!!... ข้าแกปานนี้แล้วข้ายังไม่เคยได้ยินกระบวนท่านี้มาก่อนเลย มันฝึกกันอย่างไรรึ?" ประมุขของบ้านถามกลับอย่างสงสัยทำให้ลูกเขยต้องตอบแบบตะกุกตะกักด้วยความเขินอาย
"มันคือตำรา...โอ๊ย!! เจ้าตีพี่ทำไมพี่เจ็บนะอาปั้น" ไม่ทันที่คุณชายไวซ์จะพูดจบฝ่ามือเรียวก็ฟาดเข้าที่ไหล่อย่างแรงจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
"ท่านพ่ออย่าไปฟังท่านพี่นะครับเขา เขาพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับช่วงนี้ คงจะเพี้ยนจากการฝึกวิชามากจนเกินไปน่ะครับท่านพ่อ"
"จริงรึ!?... แต่ชื่อของมันทำให้ข้าอยากจะฝึกขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วสิ ไอ้เจ้าเพลงรักสะท้านยุทธภพเนี่ย ช่วยสอนพ่อฝึกหน่อยได้ไหม?" จากคำถามโดยประมุขของบ้านทำให้คุณชายทั้งสองมองหน้ากันแล้วอดอมยิ้มไม่ได้จนหน้าแดง ท่านพ่อของพวกเขาจึงเข้าใจในที่สุดว่า เพลงรักสะท้านยุทธภพ มันคือตำราอะไรกันแน่ก่อนจะอดกล่าวหยอกล้อลูกเขยไม่ได้
"นี่แสดงว่าช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าทั้งสองคนไม่ออกมาซ้อมเพลงดาบกันด้านนอกเป็นเพราะเจ้าทั้งสองมัวฝึกเพลงรักสะท้านยุทธภพกันอยู่ใช่ไหมล่ะ 5555 " เมื่อเจอคำพูดของท่านพ่อเช่นนี้มีรึที่ฮูหยินน้อยจะไม่อายแล้วรีบวิ่งเข้าห้องทันที ปล่อยให้สามีและพ่อของตนยืนหัวเราะกันหน้าห้องอย่างมีความสุข
ณ สำนักฝึกวิทยายุทธ์เฉินอั่งเปาก็ไม่ต่างจากสถานที่อื่น ที่จ้าวสำนักเฉินได้ร่วมฝึกวิทยายุทธ์กับสหายคนสนิทอย่างจอมยุทธ์อะตอมด้วยความดุเดือดเลือดพล่านโดยไม่ออมมือให้กัน เพื่อให้สมจริงราวกับอยู่ในลานประลองยุทธ์จริงๆ วิชากำลังภายในที่ปลดปล่อยใส่กันไปมาอย่างบ้าคลั่งทำให้เกิดเสียงดังสนั่น เจ้าสำนักและจอมยุทธ์หนุ่มต่างงัดท่าไม้ตายออกมาฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความจริงจังในการฝึกฝนวิชาเพลงดาบ ทำให้เจ้าสำนักพลั้งมือปล่อยกำลังภายในใส่จอมยุทธ์อะตอมเต็มแรง จอมยุทธ์หนุ่มไม่ทันตั้งตัวจึงต้องรับกำลังภายจากเจ้าสำนักที่ปล่อยส่งมาอย่างสุดกำลังกระทั่งเขาต้องกระเด็นออกไปในระยะทางที่ไกลพอสมควร จนเกิดอาการกระอักเลือดบาดเจ็บ
ทันทีที่เจ้าสำนักเฉินตั้งสติได้ก็รีบวิ่งเข้าไปหาสหายเพื่อช่วยเหลือ ขณะที่จอมยุทธ์หนุ่มนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดกลางผืนดินที่แห้งผากก่อนที่เขาจะอุ้มคนเจ็บขึ้นมาประคองบนตักด้วยความตกใจ ซึ่งในขณะนั้นศิษย์น้องคนรักของจอมยุทธ์อะตอมออกไปฝึกวิชากับศิษย์ผู้พี่ท่านอื่นอยู่อีกฟากหนึ่งของสำนัก ทำให้ภายในสำนักฝึกวิทยายุทธ์ตอนไม่มีใครอยู่เลย เขาพยายามเรียกสติคนเจ็บอยู่ตลอดเวลา แล้วประคองสหายที่บาดเจ็บลุกขึ้นนั่งและรักษาด้วยกำลังภายในซึ่งเป็นวิธีการรักษาอีกรูปแบบหนึ่งแต่ไม่สามารถที่จะคลายความเจ็บปวดได้เท่าไหร่ เจ้าสำนักจึงตัดสินใจอุ้มสหายของตน ไปรักษาตัวในห้องพักของเขา
เมื่อเจ้าสำนักอุ้มสหายเข้ามาภายในห้องนอนเรียบร้อยเขาจึงวางสหายลงบนเตียงของตัวเองด้วยความเบามือ แล้วเตรียมผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดร่างกายที่มีคราบเลือดเปื้อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เจ้าสำนักค่อยๆ เปิดเสื้อของสหายและถอดออกอย่างช้าๆ ด้วยความเบามือ ส่งผลให้ตัวจอมยุทธ์อะตอมเปลือยเปล่า มีผ้าขาวผืนน้อยปิดบังส่วนนั้นเพียงสิ่งเดียว เจ้าสำนักหยิบผ้าเปียกน้ำหมาดๆ ขึ้นมาเช็ดตามใบหน้า ลำคอ หน้าอก ลำตัว แขน ขาเพื่อเช็ดคราบเลือดที่ติดตามส่วนต่างๆ จนสะอาด ขณะที่จอมยุทธ์อะตอมยังคงมีอาการเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางสีหน้าเป็นระยะแต่สายตาของเขากลับมองสหายหนุ่มที่นั่งเช็ดตัวให้เขาตลอดเวลา เมื่อคราบเลือดตามร่างกายหมดสิ้น เจ้าสำนักก็ต้องตะลึงกับเรือนร่างที่สวยงาม ผิวขาวเนียนราวกับสตรีผู้เลอโฉมนอนข้างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น เจ้าสำนักหนุ่มต้องสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะนำกะละมังพร้อมผ้าเช็ดตัวเตรียมไปเก็บแต่กลับถูกมือของจอมยุทธ์หนุ่มจับรั้งแขนเอาไว้มั่นคง
"เจ้าจะเอาผ้าเช็ดตัวไปไหนท่านเจ้าสำนัก?..."
"ก็เอาไปเก็บน่ะสิ เดี๋ยวข้ากลับมาใส่เสื้อผ้าให้เจ้านะอะตอม"
"เดี๋ยวก่อนท่านเจ้าสำนัก ท่านยังเช็ดตัวให้ข้าไม่ครบทุกส่วนเลยนะครับ"
"เจ้าหมายถึง...?" สายตาเจ้าสำนักค่อยๆ เหลือบมองตรงส่วนนั้นของจอมยุทธ์หนุ่มช้าๆ ก่อนคนเจ็บจะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ใช่ข้าหมายถึงตรงนั้น..." จอมยุทธ์หนุ่มจับมือเจ้าสำนักให้เลื่อนต่ำไปยังส่วนนั้นอย่างจงใจแต่เขารีบดึงมือกลับเสียก่อน
"แต่ข้าว่ามันไม่ควร เจ้าจัดการเองเถอะ ข้าขอตัวก่อน..." เจ้าสำนักพยายามเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นกับจอมยุทธ์หนุ่ม ขณะที่สายตาเขายังเหลือบมองร่างเปลือยเปล่าของสหายอย่างไม่ละสายตา กระทั่งคนที่นอนเจ็บอยู่ใช้จังหวะทีเผลอดึงตัวเจ้าสำนักเข้ามานอนทับบนร่างของตนแล้วสวมกอดเจ้าสำนักอย่างรวดเร็ว
"นี่เจ้าไม่เจ็บแล้วเหรอ? ปล่อยข้านะ"
"ข้าอาการดีขึ้นมากแล้ว ท่านน่ะสิที่ตอนนี้อาการแย่ลง ท่านลองฟังเสียงหัวใจตัวเองดูสิ มันเต้นแรงมากเพียงใด มันเต้นแรงจนข้าได้ยินอย่างชัดเจนเสียแล้ว ท่านอย่าปฏิเสธเสียงหัวใจตัวเองอีกเลยนะ ข้าว่าท่านควรรู้ถึงใจตัวท่านเองได้แล้ว ข้าเองก็เพิ่งได้รู้ถึงเสียงใจตัวเองเหมือนกัน มันบอกว่ารักท่านมากเพียงใด ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ทำไมข้าถึงรู้สึกกับท่านแบบนั้น ถึงเราสองคนจะเป็นสหายกันมานานมากก็ตาม"
"นี่เจ้ารู้สึกกับข้าแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม ข้าเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับเจ้าอยู่หลายครั้งเหมือนกันแต่ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร มาวันนี้ข้าได้รู้หมดแล้วว่าเสียงหัวใจของข้าก็ต้องการเจ้าเช่นกันอะตอม" หลังจากที่เจ้าสำนักและจอมยุทธ์หนุ่มปรับความเข้าใจของเสียงหัวใจของกันและกันแล้ว เขาทั้งสองคนจึงสวมกอดกันพร้อมทั้งเริ่มผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันในเวลาต่อมา
