บท
ตั้งค่า

chapter5-8

“ว่าแต่บนเรือจะมีคนบาดเจ็บหรือเปล่า?” เมื่อคิดถึงคนบนเรือที่ส่วนใหญ่ไม่มีวิธีรับมือพวกผีดิบพวกนั้นได้แล้วทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าคนเหล่านั้นจะต้องบาดเจ็บล้มตายหรือเปล่าเพราะขนาดเธอถ้าไม่ได้เลือดของเรย์มาใช้อาบอาวุธยังจัดการพวกมันลำบากเลย

“อย่าห่วงน่าคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเจ็บไปบ้าง แต่มีเจ้าบ้าคนนึงที่ไม่ปล่อยให้มีคนตายหรอก ใช่ไหมละ คุณรุ่นพี่” ดวงตาสีฟ้าครามของเรย์ตวัดสายตาไปมองชายที่อยู่ในชุดสูทผู้หนึ่งที่ราวกับรับรู้ว่าพวกเขาพุ่งออกมาจากเรืออัปปางลำนั้น

“ให้ตายสิ ภารกิจของตัวเองก็อย่าโยนภาระมาให้คนอื่นจะได้ไหม ถ้าไม่ได้ฉันคิดว่าสถานการณ์มันจะวุ่นวายขนาดไหน?” คนที่ถูกเรียกรุ่นพี่นั้นตวัดสายตาไม่พอใจมาทางเขาอย่างไม่ลังเลหากแต่ทางด้านของเรย์นั้นกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันสักนิด

“ก็ไม่ได้ขอสักหน่อยนี่ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เห็นต้องทำเลย” แม้จะพูดแบบนั้นแต่การที่เจ้ารุ่นพี่นี่จะยื่นมือเข้ามาสอดเป็นหนึ่งในแผนการที่เขาเริ่มดำเนินการวางหมากเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเพราะเขารู้นิสัยของเจ้าหมอนี่ดีถ้าลองเกิดเรื่องแบบนี้จะต้องยื่นมือเข้ามายุ่งอย่างแน่นอน

“แต่ผมก็ตกใจเหมือนกันนะครับ ที่รุ่นพี่ไรชินที่หายไปนานร่วมเดือนมาอยู่ที่นี่” พ่อหนุ่มหน้าหวานเมื่อเก็บปืนของตัวเองเสร็จเรียบร้อยจึงลงมาจากตำแหน่งดาดฟ้าเรือตอนแรกเขาแปลกใจเหมือนกันที่ทำไมเรย์ถึงได้สั่งการหละหลวมแบบนั้นแต่พอได้รู้ว่าชายคนนี้อยู่เขาก็ไม่แปลกใจสักนิด

“ก็นะมาพักผ่อนนั่นแหละ แล้วก็กะจะหาของฝากไปให้เจ้าตัวยุ่งพวกนั้นด้วยแต่ยังหาที่ถูกใจให้ไม่ค่อยได้ ตอนแรกว่าจะนั่งเรือสำราญไปที่เกาะการิด้าไปหาของฝากดีๆ ให้เจ้าเปี๊ยกนั่นดู แต่กลับได้ของน่าสนใจกว่าซะได้” รอยยิ้มที่มุมปากของเจ้าตัวยกขึ้นมาเมื่อเห็นเรือผีสิงที่แม้ในยามนี้จะไม่มีกลิ่นอายแห่งความมืดลอยออกมาแล้วแต่ก็ถือเป็นของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์

“ฉันขอเรือลำนี้แล้วกันถือเป็นค่าตอบแทนที่นายใช้งานฉัน ตกลงไหมเจ้ารุ่นน้อง” เป็นอีกครั้งที่เหมือนจะเป็นประโยคคำถามแต่มันไม่ใช่ประโยคคำถามเลยสักนิดเพราะประกายสายฟ้าที่อยู่ในมือนั้นมันราวกับจะบอกว่าถ้าไม่ยอมให้ก็จะผ่าใส่ร่างทันที

“ตามสบาย ฉันไม่มีรสนิยมสะสมของอาถรรพ์เอาไว้ด้วย แต่ขอบอกว่าลากไปเองแล้วกัน” ถึงจะถูกหาเรื่องแต่ยังไงเสียเขาก็ไม่ได้ต้องการไอ้เรือผีสิงนี่เลยแค่อยากเอาคืนเจ้ารุ่นพี่ที่มาทำให้เขาเสียอารมณ์เท่านั้นเรือลำนี้ถ้าไม่มีใครเอาเขายังคิดว่าจะถล่มมันทิ้งเสียด้วยซ้ำส่วนไรชินเมื่อได้ยินดังนั้นก็กดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“อะ จริงสิครับ เขาบอกว่าเดี๋ยวเรือสำราญลำนี้จะกลับแล้วเพราะต้องพาผู้บาดเจ็บไปรักษา คิดว่าจะถึงเมืองลาเฟสต้าประมาณตอนเย็นๆ” ใบหน้าของอลันมุ่ยเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้เพราะโดยส่วนตัวแล้วเขายังเล่นไม่หนำใจเลยกลับจะต้องมากลับเสียแล้ว

“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมันก็ไม่น่าแปลกอะนะ งั้นนายก็ไปใช้เวลาที่เหลือให้เต็มที่แล้วกันคิดว่าคงไม่มีใครมีอารมณ์เล่นแล้วละนายจะได้เป็นเจ้าของคนเดียวเลยไง” คงไม่มีใครที่จะสบายใจได้เท่าพวกเขาหน่วยทหารมนตราอีกแล้วที่แม้จะเพิ่งผ่านศึกหนักมาหมาดๆก็ยังสามารถทำตัวเหมือนปกติได้ทั้งที่คนในเรือนั้นเหตุการณ์เมื่อครู่อาจกลายเป็นฝันร้ายตลอดชีวิตก็เป็นได้

“ว่าไปทำไมคาซึกิถึงได้เอาผ้าคลุมของเรย์มาคลุมตัวได้ละครับ” เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่คาซึกินั้นเอาผ้าคลุมหัวหน้าหน่วยของเรย์มาคลุมตัวเพราะแม้เรย์จะไม่ได้หวงอะไรผ้าคลุมนี้ชนิดที่มันจะขาดแหว่งก็ไม่สนก็เถอะ

“อ๋อ พอดีเสื้อของเจ้าคาซึกิมันโดนไฟเผาไปน่ะ แล้วอากาศตอนเช้ามืดมันหนาวเลยให้ยืมผ้าคลุม” เรย์สามารถตอบได้อย่างไม่ติดขัดและแนบเนียนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นผิดกับคาซึกิที่หน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้งแต่ยังโชคดีที่ซ่อนสีหน้าของตัวเองไว้ทัน

“ง่วงชะมัดเลย เอาเป็นว่าฉันขอไปพักก่อนก็แล้วกัน” เขาหาวขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วโบกมือลามือปืนประจำทีมเพื่อเดินกลับไปยังห้องพักอย่างรวดเร็วพร้อมกับคาซึกิที่ก้าวเท้าตามไปติดๆโดยพยายามไม่ให้ใครเห็นสีหน้าของตนในเวลานี้

“เดี๋ยวเธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำแล้วกัน ฉันจะรออยู่ข้างนอก” ตอนนี้ปัญหาสำคัญก็คือชุดของเจ้าคาซึกิเพราะหากยังปล่อยไว้ได้ความแตกแน่ว่าเจ้าตัวเป็นผู้หญิงในเมื่อเขารับปากว่าจะเป็นความลับแล้วจึงช่วยปกปิดด้วยอีกแรงนึง

“อือ ขอโทษแล้วก็ขอบใจนะ” เสียงที่ส่งมานั้นแผ่วเบาเหลือเกินแต่มันกลับดังกังวานอย่างนุ่มนวลและแจ่มแจ้งในหัวของเขาทำเอาเรย์อดยิ้มไม่ได้ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังห้องพักของตัวเองโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรอีก

“โอเค รีบจัดการให้เสร็จละ” ทางด้านของเจ้าคนในชุดสูทนั้นหลังจัดการตกลงเรื่องคนที่จะลากเรือผีสิงนี่เสร็จเจ้าตัวก็เก็บมือถือของตัวเองลงไม่นึกเลยจริงๆว่าการมาเที่ยวแก้เซ็งในครั้งนี้มันจะคุ้มค่าถึงเพียงนี้นับว่าการยื่นมือเข้าช่วยเจ้าเรย์ยังเป็นกำไรด้วยซ้ำ

“เอาละ เราก็ไปพักร่างกายสักหน่อยดีกว่า ตึงๆ อยู่เหมือนกันแฮะ” เจ้าตัวหมุนไหล่ตัวเองเล็กน้อยการออกกำลังโดยไม่คาดฝันนั้นแม้จะไม่ได้ส่งผลให้เขาเหนื่อยอะไรมากนักแต่ก็เหนื่อยเอาการยิ่งรวมกับการไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้วทำให้เขาตัดสินใจไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองดีกว่า

หากแต่ในตอนนั้นเองเขาก็ต้องชะงักฝีเท้าไปดวงตาสีเงินตวัดสายตาไปมองทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วประจุไฟฟ้าในอากาศส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะ ร่างของเขาอยู่ในสภาพพร้อมรบในพริบตาทั้งที่ด้านหลังของเขานั้นไม่มีสิ่งใดเลยนอกเสียจากความว่างเปล่า

“คิดไปเองงั้นเหรอ” เขาไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะชั่วพริบตาเมื่อครู่เขาสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของอะไรบางอย่างแม้ดูเผินๆจะไม่มีอะไรแต่มันอันตรายถึงขนาดที่ทำให้เขาเข้าสู่สภาวะต่อสู้โดยอัตโนมัติเป็นสิ่งที่สัญชาตญาณของเขาสั่งการโดยอัตโนมัติแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ประมาท

สายฟ้าฟาดเข้าใส่พื้นที่บริเวณที่เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็วเป็นความเร็วที่มากเสียจนไม่น่าจะมีอะไรหลบพ้นความเร็วที่ก้าวเหนือล้ำเสียงพลังทำลายล้างนั้นอาจไม่มากมายนักแต่ก็ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าแล่นลงไปสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง

“คงรู้สึกไปเองจริงๆนั่นแหละ” เมื่อพบว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองสักนิดเขาจึงคลายพลังของตัวเองออกแล้วเดินกลับเข้าไปในเรือสำราญอย่างเงียบงันพร้อมกับที่เรือเริ่มแล่นลับสาตาไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว

“เกือบไปๆ ไม่นึกว่าเจ้าเด็กบ้านั่นจะส่งสายฟ้ามาทักทายกระทันหันแบบนี้ ยังดีที่หลบทัน” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นก่อนจะมีร่างของบุรุษโผล่ออกมาจากความว่างเปล่านั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เจ้าตัวมีทีท่าปาดเหงื่อด้วยความโล่งอกไปด้วย

ชายผู้นี้สวมชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆเหมือนกับคนปกติทั่วไปหากแต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือร่างของเขานั้นลอยอยู่กลางอากาศได้อย่างน่าพิศวงดวงตาสีน้ำตาลของเจ้าตัวจับจ้องไปยังเรือสำราญลำนั้นเพราะไม่แน่ใจว่ามันลับสายตาไปแน่หรือยัง

“ไอ้ที่จับจิตของเราได้ก็นับว่าแน่แล้ว แถมยังบ้าส่งสายฟ้ามาทักทายอีก นี่ถ้าหลบไม่ทันมีหวังนอนชักแหงเลย” การโจมตีด้วยมนตราธาตุสายฟ้านั้นเป็นอะไรที่หลบหลีกลำบากที่สุดเพราะแม้ว่าหากนับในแง่ของความเร็วแล้วมนตราธาตุแสงบางบทจะเร็วที่สุดก็ตามแต่ต้องเป็นมนต์ขั้นสูงทั้งหมดผิดกับมนตราธาตุสายฟ้าที่เร็วมันตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้าย

“แต่ก็ต้องขอบใจเธอนะเซกะ ไม่ได้เธอนี่ฉันคงไม่มีโอกาสมาซุ่มดูเจ้าพวกนั้นใกล้ๆ แหง” เขาหันไปยังพื้นน้ำเบื้องล่างก่อนจะปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาเธอเป็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดวันพีทสีฟ้าดวงตาสีน้ำเงินของเธอนิ่งสนิทและเย็นเยือกจนน่าหวาดหวั่นก่อนที่เธอจะตวัดสายตาไปหาบุรุษที่ลอยอยู่กลางอากาศ

“ถ้าเจ้าหลบหลีกไม่ทันข้าจะดึงเจ้าให้จมลงสู่ก้นสมุทรนี่เสีย เจ้าเกือบทำให้พวกเราต้องปะทะกับชายผู้นั้นแล้ว” เธอรู้ดีว่าการซ่อนร่องรอยของเธอนั้นยากนักที่จะมีใครสามารถจับสัมผัสได้หากไม่ใช่เพราะคนผู้นี้จงใจส่งจิตไปท้าทายศัตรู

“น่าๆ อย่าคิดมากเลยฉันก็ทำสำเร็จไม่ใช่หรือไง แต่ก็ไม่เบาเลยนะสมเป็นหัวหน้าหน่วยแห่งกองทหารมนตราจริงๆ ชักอยากลองสู้ดูซะแล้วสิ” เขาชักอยากรู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือในระดับไหนหากแต่ในตอนนั้นเองสายน้ำเส้นหนึ่งก็ถูกแปรเป็นคมดาบและมาจ่อที่หลังของเขาอย่างรวดเร็ว

“ล้อเล่นจ้า ล้อเล่น อย่าเอาดาบมาจ่อกันแบบนี้สิ” เจ้าตัวยกมือยอมแพ้การจะสู้กับแม่สาวคนนี้ในอาณาเขตที่เป็นท้องทะเลหรือมหาสมุทรนั้นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย หากต้องปะทะกันสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือหนีหัวซุกหัวซุนเท่านั้น

“แต่ก็ดี ตอนแรกนึกว่าจะต้องลงมือสู้เองซะแล้ว แต่กลายเป็นว่ามีคนมาเก็บกวาดเจ้าผลงานไม่สมบูรณ์นั่นให้แทนแบบนี้ก็ประหยัดแรงของพวกเราไปได้อื้อเลย” ตอนแรกเขาได้รับคำสั่งให้มาจัดการเรือผีสิงที่ออกอาละวาดอยู่หากแต่ไม่นึกว่าจะได้รับงานซ้ำซ้อนกับพวกทหารมนตรานี่ดีที่เขายังไม่ได้ลงมือเพราะหัวหน้าของพวกเขากำชับเด็ดขาดว่าห้ามปะทะกันพวกนั้นโดยตรงในตอนนี้โดยเด็ดขาดเสียด้วย

ส่วนแม่สาวที่ยืนอยู่บนผิวน้ำนั้นกลับขมวดคิ้วขึ้นมาเพราะเธอรู้สึกติดใจมือปืนที่คอยยิงเหล่าผีดิบไม่ให้เข้ามาในตัวเรือสำราญไม่น้อยแม้ว่าหน้าตาและน้ำเสียงนั้นจะไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยก็ตามแต่เธอกลับรู้สึกว่าคนผู้นั้นคล้ายคลึงกับคนผู้หนึ่งอย่างไรพิกล

“แต่อันที่จริงหัวหน้าไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลเลยน้า เจ้าพวกนั้นในตอนนี้น่ะยังเอาชนะพวกเราคนใดคนนึงไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำไมต้องระวังกันถึงขนาดนี้ด้วยหว่า” จากที่เขาสัมผัสได้แม้พลังของหัวหน้าหน่วยสองคนนั้นจะจัดได้ว่าอยู่ในระดับมหาศาลแต่มันก็ยังเอาชนะพวกเขาไม่ได้อยู่ดีทำให้เขาไม่ค่อยเข้าใจในคำสั่งข้อนี้นัก

“ถึงข้ากับเจ้าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้วแต่คนอื่นๆในกลุ่มหาได้เป็นแบบนั้น นายแห่งผองเราคงกังวลถึงคนพวกนั้นจึงยังไม่เสี่ยงให้เราปะทะกับคนกลุ่มนั้นเสียมากกว่า” เธอกลับเข้าใจในความคิดของเจ้านายของเธอพอสมควรเพราะแม้ตัวเธอในยามนี้จะพร้อมสำหรับการต่อสู้แต่คนอื่นๆไม่ได้เป็นแบบนั้น

“เอาเถอะไหนๆ ก็มาแล้วไปเที่ยวเล่นสักหน่อยดีกว่า ฝากไปรายงานหัวหน้าด้วยนะ” บุรุษผู้นั้นทะยานร่างออกไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาก็หายลับสายตาไปแล้วเป็นความเร็วที่มากจนไม่น่าเชื่อแต่เธอกลับไม่ตกใจสักนิด

“เอาเถอะ ถึงจะถามไปก็ใช่ว่าเขาจะตอบนี่นะ” ส่วนแม่สาวเจ้าของนามมเซกะก็ค่อยๆดำลงไปใต้ผิวน้ำอย่างเชื่องช้าก่อนหายวับไปจากบริเวณนี้พร้อมทั้งโยนข้อข้องใจเกี่ยวกับในเรื่องนี้ทิ้งไปโดยไม่ได้หยิบยกมาสนใจใดๆอีก

‘น่าขำอัลคาน่ามันก็แค่ปีศาจที่เหนือกว่าปีศาจเท่านั้นแหละ เป็นตัวตนต้องสาปที่จะนำทุกสิ่งไปสู่ความพินาศ’ เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวพร้อมกับเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งและน่ารังเกียจที่ทำให้ร่างของเขาทรุดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว

ดวงตาสีฟ้าครามของเรย์เปิดกว้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วเม็ดเหงื่อเย็ยเยียบจำนวนมากผุดพราวขึ้นมาเต็มใบหน้าก่อนที่เขาจะพบว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องพักในเรือสำราญและตัวเขาในตอนนี้กำลังนอนพักอยู่บนเตียงอย่างเงียบงัน

“ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย เพราะเล่าเรื่องอัลคาน่าออกไปสินะ” เขาสะบัดหัวไล่ภาพความทรงจำอันไร้สาระออกไปจากสมองของตนเองอย่างรวดเร็ว ถึงยังไงสิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่อดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว...แม้เขาจะอยากแก้ไขมันเพียงไรก็ตาม

หากแต่ในตอนนั้นเองเขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนกุมบาดแผลที่ตนได้รับมาแม้ภายนอกมันจะไม่มีอาการอะไรแต่แท้จริงแล้วนั้นมันสาหัสกว่าที่คาดไว้เหมือนกันวิญญาณเหล่านั้นถูกเขาส่งลงนรกไปจากมนต์เจ็ดแสงสวรรค์ชำระวิญญาณแล้วทำให้วิญญาณที่กัดกร่อนร่างของเขาสลายไปก็จริงแต่ก็ยังเหลืออาการตกค้างไว้อยู่ดีแถมยังมีบาดแผลที่บริเวณหัวไหล่อีก

‘คิดว่าคืนนี้ก็น่าจะหายแล้วละมั้ง’ เขาไม่อยากใช้มนต์รักษาแม้ว่าพลังมนตราจะกลับมาหลายส่วนแล้วก็ตามแต่ยังไงเสียการที่เขาอยู่ในร่างนี้ทำให้โลหิตแห่งพระผู้เป็นเจ้ามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นไปอีกอาการบาดเจ็บเหล่านี้คาดว่าไม่กี่ชั่วโมงก็น่าจะหายดี

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงอันคุ้นหูซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากแม่สาวแต่งหนุ่มที่ในยามนี้กลับมาอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารมนตราชายตามเดิมแล้ว หากแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือสีหน้าไม่สบอารมณ์ในยามที่พูดคุยกับเขาหายไปกลายเป็นสีหน้าเรียบๆตามปกติแทน

“ไง คาซึกิแล้วเจ้าอลันยังไม่กลับมาอีกเหรอฟะเนี่ย” เขาไม่เห็นเจ้าเพื่อนคู่หูของตนเลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าอลันจะมีเรี่ยวแรงดีเกินไปหน่อยไหมทั้งที่ไม่ได้นอนทั้งคืนยังจะมีแรงไปเล่นได้ทั้งวันอีกทั้งที่หมอนั่นก็ใช้พลังงานไปเยอะใช่เล่นแท้ๆ

“หลับอยู่ข้างนายน่ะ” คำพูดของคาซึกิทำให้เรย์ตวัดสายตาไปมองแล้วจึงพบว่าเจ้าคนที่ถูกพูดถึงในยามนี้นั้นกำลังนอนหลับพริ้มอย่างมีความสุขคาดว่าก่อนมานอนหมอนี่คงไปเล่นให้เต็มคราบอย่างแน่นอนทำเอาเรย์อดหัวเราะเบาๆไม่ได้

“ว่าแต่เธอไม่คิดจะไปหาที่เล่นแบบเจ้าอลันมั่งเหรอ ไหนๆก็ได้มาทั้งทีเอาให้คุ้มหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร” กับเขาที่ชอบอยู่บ้านเป็นกิจวัตรนั้นไม่น่าแปลกเท่าไหร่ที่จะไม่ชอบการมาเที่ยวแบบนี้แต่คาซึกินั้นทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อยเหมือนกันที่ไม่รู้สึกอะไรกับการได้มาบนเรือสำราญนี้เลย

“ไม่ละ ไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไรอยู่ดี” สำหรับเธอที่ตลอดชีวิตมานี้ไม่รู้จักการเที่ยวเล่นพักผ่อนนั้นจะให้ทำตามแบบอลันมันก็ยังไงอยู่แถมสถานที่ส่วนใหญ่ก็ร้างคนเพราะโดยมากแล้วคนในเรือยังไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรกันด้วย

“อืม ชักหิวๆแล้วแฮะ มันจะมีอะไรเหลือให้กินไหมเนี่ย” รู้สึกตัวอีกทีมันก็ร่วมบ่ายสองเข้าไปแล้วเขาไม่มั่นใจว่าพ่อครัวในเรือจะเหลืออาหารเอาไว้ให้ไหมแต่อย่างร้ายสุดเขาก็ไปตกปลาสักตัวมาทำกินเองก็ไม่เสียหาย

“ฉะ ฉันเอามาเผื่อให้นายอยู่บนโต๊ะนู่นน่ะ” บนโต๊ะอาหารนั้นมีข้าวผัดจานหนึ่งถูกวางเอาไว้อยู่ด้วยแม้ว่าตอนนี้มันจะเริ่มเย็นแล้วก็ตามหากแต่สำหรับคนที่เริ่มจะหิวโซอย่างเรย์ในตอนนี้แล้วไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนักเพราะเขาตรงเข้าไปกินอย่างรวดเร็ว

“เป็นยังไงบ้าง” เสียงถามที่แผ่วเบานั้นทำเอาเรย์อดขมวดคิ้วไม่ได้หากจะถามว่าอร่อยไหมก็นับว่าพอใช้ได้เพราะรสชาติค่อนข้างลงตัวถึงไม่ได้มีวัตถุดิบหรืออะไรพิสดารแต่ความเรียบง่ายเช่นนี้ก็ทำให้ได้ความอร่อยไปอีกแบบแต่ที่เขากำลังงงคือเธอจะถามไปทำไมต่างหากก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองครัวในห้องพักเล็กน้อย

“ก็ใช้ได้นะ น่าเสียดายมันเย็นไปนิด ถ้ากินตอนร้อนๆคงได้ชิมฝีมือของเธอแบบเต็มคราบกว่านี้เนอะ” คำพูดของเรย์ทำเอาคาซึกิตาเบิกกว้างไปเล็กน้อยด้วยความตกใจเนื่องจากนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องที่เธอทำอาหารให้

“พะ พูดอะไรน่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” แต่เธอยังคงทำตัวเป็นผู้ร้ายปากแข็งอยู่เช่นเดิมพร้อมกับพยายามซ่อนใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจากคำชมของเขาเอาไว้ด้วย

“คิดจะหลอกฉันในเรื่องอาหารน่ะยังเร็วไปน้า ถ้างั้นเธอจะบอกว่ามีใครก็ไม่รู้มาใช้ห้องครัวงั้นสิครัวบางส่วนถึงได้เลอะน่ะ เน้อะ” แน่นอนว่าแม้เครื่องครัวที่ใช้ทำอาหารจะล้างไปหมดแล้วแต่ตัวเตาที่ใช้ทำซึ่งมีสะเก็ดน้ำมันกระเซ็นไปนิดหน่อยนั้นหลอกสายตาเขาไม่ได้อยู่ดี

“หึ เอาเถอะฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ละกันว่าใครเป็นคนทำ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณ‘ใคร’คนนั้นสำหรับข้าวผัดอร่อยๆ นะ” เขาโบกมือก่อนหันมาโซโล่ข้าวผัดในจานต่ออย่างรวดเร็วทิ้งให้แม่สาวแต่งหนุ่มคนทำนั้นได้แต่หน้าขึ้นสีอยู่คนเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel