บท
ตั้งค่า

chapter3 part1

“เอ้า รีบๆเข้ามาได้แล้วคุณผู้ท้าชิง มัวแต่จ้องแบบนั้นเดี๋ยวฉันจะหลับไปซะก่อน” กวักมือท้าท้ายคนที่เอาแต่ตั้งท่าไม่คิดขยับด้วยรอยยิ้มยียวน ทั้งดาบด้วยมือซ้ายปล่อยปลายดาบลงพื้น ดูไม่เหมือนการตั้งท่าใดๆ เลยราวกับไม่คิดจะระวังตัว

แต่ทางด้านของคาซึกินั้นกลับไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้าไปตามคำท้าท้ายนั้น เจ้าตัวเพียงแค่เดินวนรอบกายของเรย์อย่างเงียบงัน ส่วนทางด้านของเด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยักไหล่ ปล่อยทุกอย่างไหลผ่านอย่างไม่ใส่ใจให้เดินวนอยู่อย่างนั้น

“ทำไมถึงไม่บุกเข้าไปละ? ทั้งที่เรย์มีช่องว่างขนาดนั้นแท้ๆ” อลันที่ยืนมองอยู่วงนอกกลับเป็นฝ่ายไม่เข้าใจ แทนเพราะคาซึกินั้นยังคงทำเพียงแค่เดินวนรอบตัวเรย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งที่เด็กหนุ่มในตอนนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่แท้ๆ

“เห็นแบบนั้นเรอะเจ้าหนูอลัน? เอาเถอะยังไงแกก็ไม่ใช่พวกประชิดตัวนี่นะ พออนุโลมได้” คนแก่กว่าขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เขาดูจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าตามปกติแล้วอลันเป็นมือปืนที่มักโจมตีในระยะไกลเสียมากจึงไม่ว่าอะไร

“เจ้าเด็กนั่นน่ะเห็นมีแต่ช่องโหว่แบบนั้น แต่ที่จริงแล้วรัดกุมมากต่างหากแค่แสร้งเปิดช่องว่างทิ้งไว้ ถึงจะไม่ได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมอะไรเลย แถมยังปล่อยให้ศัตรูเดินวนตามใจชอบก็เถอะ แต่เชื่อไหมว่าถ้าย่างเท้าเข้าไปในนั้นล่ะได้เลือด” ด้วยความที่เป็นพวกบู๊ในระยะติดตัวเหมือนกัน จึงดูออกแม้ว่าจะดูปล่อยตัวตามสบายขนาดนั้น แต่มันรัดกุมมากจนไม่มีช่องว่างให้ทำลายได้เลยต่างหาก

“จะบอกว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเจ้าหนูนั่นก็ได้ ท่าร่างที่ไร้รูปแบบเป็นเพียงแค่การจับดาบธรรมดา แต่ถ้าเป็นนักดาบด้วยกันจะรู้เลย ทันทีที่ก้าวล้ำเข้าไปในระยะดาบตายได้ทันที” แม้จะมองไม่เห็นแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้ นักสู้ระดับสูงนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่จะใช้สัมผัสที่หกในการต่อสู้เป็นเทคนิคขั้นสูงของนักสู้ในทุกสาย

“ก็พอเห็นภาพอยู่นะครับ” ใช้เวลาสักพักก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ สไนเปอร์อย่างเขาจะเลือกสังหารเหยื่อในชั่วเวลาที่เหมาะที่สุด ซึ่งอาจเกิดเพียงชั่วเสี้ยววินาทีจำเป็นต้องอาศัยความเฉียบคมของประสาทสัมผัสถึงขีดสุด เพื่อบอกว่าเวลาใดจึงจะเหมาะสม

“แต่เอาเถอะ คิดว่าคงเลิกจดๆ จ้องๆ กันซักทีละ” ซาเอนอสนั้นเป็นชายผู้เจนสนามรบ ดังนั้นจึงรับรู้ได้ในทันทีว่าในห้วงวินาทีนี้เองทั้งสองจะเข้าประมือกันแล้ว

พริบตานั้นคาซึกิเป็นฝ่ายสืบเท้าเข้าไปใกล้อย่างว่องไว ระยะห่างร่วมห้าเมตรย่นย่อจนมาอยู่ตรงหน้า เพียงพริบตาเทคนิคก้าวเท้าอันรวดเร็วเช่นนี้ทำให้คนดูอย่างซาเอนอสต้องผิวปากอย่างถูกใจ ก่อนที่คมดาบจะถูกตวัดออกมาอย่างรวดเร็ว

ดาบนั้นทั้งรวดเร็วและเฉียบคมเป็นที่สุด หากเป็นคนทั่วไปโอกาสหลบเลี่ยงย่อมเป็นศูนย์ แต่ทางด้านของเรย์นั้นกลับยังคงรอยยิ้มเอาไว้อยู่บนใบหน้าเช่นเดิม เขาเอี้ยวร่างหลบดาบที่หนึ่งของทางนั้นไปอย่างง่ายดาย

“อิไองั้นเหรอ ไม่เลวเลยแต่น่าเสียดาย ฉันเคยเจอคนที่ใช้ดาบอิไอได้ดีกว่านายเยอะ” ระบายรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าก่อนเอียงคอเล็กน้อย สร้างความหงุดหงิดให้แก่คนลงดาบมากขึ้นไปอีก

ทางด้านของคาซึกิเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลบดาบของตนไปได้อย่างง่ายดาย แม้จะหงุดหงิดแต่ก็รู้ว่าของแบบนั้นช่วยอะไรตนไม่ได้ ชัดเจนว่าชายตรงหน้าจะเจนศึกมาไม่ใช่น้อย คำตอบเดียวที่ออกมาจากความคิดคือหากอยากชนะคงมีแต่ต้องโจมตีต่อเนื่องเท่านั้น

ดาบที่ถูกวาดออกไปนั้นถูกรั้งกลับก่อนที่มันจะวาดออกไปจนสุด เท้าของเจ้าตัวเคลื่อนไปหาเป้าหมายให้มากขึ้นไปอีก ก่อนที่จะพลิกมือและวาดคมดาบเข้าใส่ร่างของเด็กหนุ่มอีกหน ไร้ซึ่งการออมมืออีกต่อไปความเร็วและความเฉียบคมของดาบนั้นถูกงัดออกมาใช้เต็มที่ เพราะตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ควรยั้งมือ

แน่นอนในระยะเช่นนี้หากเป็นพวกที่มีความสามารถทางการเคลื่อนไหวดีย่อมหลบเลี่ยงได้ไม่ยาก แต่กับเรย์เขาไม่ได้กังวลเมื่อหลบไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ดาบเหล็กในมือถูกตวัดออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายที่ดาบของอีกฝ่าย

เคร้ง

เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ดาบของคาซึกินั้นถูกกระแทกจนลอยสูงไปกับตา ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเรย์จะมากกว่าอีกฝ่ายหรือใช้ถูกจังหวะอย่างไรไม่ทราบ แต่เรย์ปัดป้องดาบของคาซึกิอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“เจ้าเด็กบ้านั่น ขนาดนี้แล้วยังจะเล่นอีก” คนดูวงนอกอย่างซาเอนอสนั้นมองออกอย่างง่ายดาย ที่เรย์จงใจทำเช่นนี้มันเป็นเหมือนกับการประกาศว่า ‘หากนี่เป็นการต่อสู้จริงล่ะก็ นายตายไปแล้ว’ ยั่วโมโหฝ่ายนั้นยิ่งขึ้นไปอีก

“ชิ แหย่ไม่ขึ้นเลยแฮะ ” กลับกันทางเจ้าของชื่อ พอเห็นคาซึกิที่สายตายังคงคมกริบไม่มีความโกรธเคืองเข้าครอบงำเลยสักนิดก็ได้แต่เดาะลิ้นด้วยความขัดใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีความมั่นคงทางอารมณ์สูงทีเดียว ถูกเขายั่วยุไปถึงขนาดนี้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ

ตรงข้ามดาบของเจ้าตัวยิ่งรุนแรงและเฉียบคมมากยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับจะอ่านการเคลื่อนไหวของเขาแล้วใช้มันในการลงดาบครั้งต่อไป ปกติคนประเภทนี้เขาจะไม่เก็บเอาไว้โดยเด็ดขาดแต่ในตอนนี้ดันทำแบบนั้นไม่ได้เพราะติดเงื่อนไขอยู่

‘คนๆ นี้ไม่ธรรมดา เห็นทีคงเลี่ยงไม่ได้ล่ะนะ’ เช่นเดียวกับคนที่ลงมือมาสักพัก แม้ตอนแรกจะไม่อยากใช้แต่ดูเหมือนไม่มีทางเลือก เพราะหากมาแพ้กันเสียตรงนี้เรื่องที่มุ่งหวังเอาไว้คงหมดสิ้นไปโดยยังไม่ทันได้แม้แต่เริ่มต้น ถึงไม่มั่นใจแต่คิดว่าน่าจะพอยั้งมือไว้ให้ได้ไม่ถึงตาย

เพลงดาบลมฝนใบไม้ร่วง บุปผาร่วงโรย

ดาบถูกวาดจากบนลงล่างด้วยท่วงท่างดงามราวกับร่ายรำ ดุจดั่งดอกไม้ดอกน้อยที่ร่วงหล่นจากต้นใหญ่สู้ผืนดิน แลดูอลังการแต่เรย์กลับไม่สนุกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าดาบนี้นั้นหลบยากกว่าดาบก่อนหน้าโขเลยทีเดียว

แต่เขาก็ต้านรับโดยตรงเหมือนเก่าไม่ได้เช่นกัน ดาบที่เขาใช้เป็นเพียงดาบดาดๆ ราคาถูกเท่านั้น ผิดกับดาบของอีกฝ่ายที่ผู้สร้างทุ่มเทจิตวิญญาณลงไปในดาบ หากต้องประดาบกันอาศัยกำลังเข้าหักหาญ ต่อให้แรงของเขาจะมากกว่าแต่ดาบของเขาคงหักกระเด็นอย่างแน่นอน

‘ไม่มีทางเลือก ต้องหลบ’ ได้แต่ดีดร่างของตนลอยห่างเหนือพื้นเพื่อหลบหลีกคมดาบของคาซึกิไปอย่างหวุดหวิด หากแต่นี่เองที่เป็นสิ่งที่เจ้าตัวรอคอยมาตลอด ในพริบตาที่ร่างของเรย์ลอยเหนือพื้นเช่นนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะจัดการให้เด็ดขาด

การก้าวเท้าที่ว่องไวและรวดเร็วราวกับสายลมที่พัดวน ทำให้ในจังหวะต่อมาร่างของคาซึกิก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมตวัดดาบอิไอเข้าใส่ศัตรูของตนอย่างฉับพลัน หมายจัดการอีกฝ่ายที่ลอยกลางอากาศเช่นนี้ให้อยู่หมัด

แต่ทางด้านของเรย์ก็หาได้ยอมง่ายๆ แม้จะลอยอยู่กลางอากาศแต่ก็ยังเคลื่อนไหวร่างกายได้บางส่วน เขาจึงตัดสินใจก้มร่างลงต่ำใช้เสี้ยววินาทีก่อนคมดาบจะมาเยือนนั้น หลบรอดคมดาบของอีกฝ่ายไปได้อีกคราหนึ่ง

“วู้ว เกือบไปๆ เกือบเฉี่ยวปอยผมแล้วนะเนี่ย” พริบตาเมื่อครู่ต้องยอมรับว่าเขาถึงกับเหงื่อซึมไปเหมือนกัน ส่วนทางด้านของคาซึกิที่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วยิ่งขึ้นไปอีก การเคลื่อนไหวของชายคนนี้นั้นไม่ได้จัดว่ารวดเร็วแต่กลับพลิ้วไหวไร้กฎเกณฑ์จนหลักการทั่วไปแทบใช้ไม่ได้ผล

“เอ้า ดาบหน้าโปรฯจะหมดแล้วนามีอะไรก็ใส่ๆ เข้ามา” เรย์ที่ถอยร่างออกห่างจากผู้เป็นศัตรูได้แล้วชี้ดาบไปทางฝ่ายตรงข้าม ส่วนทางด้านของคาซึกิหรี่ตาลงเล็กน้อย เพราะหากว่าถึงคราวอีกฝ่ายลงมือเมื่อไหร่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าตนจะต้านไหวหรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้นคาซึกิก็กระชับดาบมั่น ดวงตาสีเขียวทอประกายคมกริบ แม้จะรู้ว่าอันตรายแต่เรย์ก็ยังคงยิ้มกว้าง สายตาของเขาจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูงไม่วางตา

เพลงดาบลมฝนใบไม้ร่วง วายุบุปผา

ดาบที่ทั้งรวดเร็วและอ่อนช้อย งดงามลงตัวอย่างน่าประหลาดแม้จะดูเหมือนเชื่องช้าในสายตาผู้อื่น แต่ในสายตาของเรย์แค่ชั่วพริบตามันก็ดูราวกับมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

แต่ในจังหวะเดียวร่างของเขาเข้าหาร่างของอีกฝ่ายในระยะติดตัว ก่อนที่เรย์จะหมุนร่างเป็นวงกลมหลบเลี่ยงคมดาบของคาซึกิไปได้อย่างหวุดหวิด ราวกับว่าเจ้าตัวเคลื่อนไหวให้ตรงจังหวะกับคมดาบ จากนั้นเขาจึงหมุนกายมาอยู่ทางด้านหลังของคาซึกิในทันที

“ทีนี้ก็ตาฉันมั่งละนะ” สิ้นเสียงคมดาบก็ถูกวาดเข้าใส่คาซึกิจากทางด้านหลัง แต่ทางด้านของคนเป็นเป้านั้นเมื่อรู้ตัวว่าตนหลบไม่ทันก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เพื่อให้ระยะดาบของอีกฝ่ายผิดพลาดไป

ได้ผลคมดาบกรีดผ่านแค่เสื้อผ้าไปเล็กน้อยแต่ไม่ถึงขั้นจะสามารถฟันโดนร่างได้ ส่วนคาซึกิอาศัยจังหวะนี้ตวัดดาบแบบเดิมออกไปอีกครา หมายจะบีบให้อีกฝ่ายหลบเลี่ยงออกไปนอกระยะของดาบเสียก่อน

กลับไม่เป็นแบบนั้นทางด้านของเรย์กลับเพียงแค่ก้มตัวหลบดาบของคาซึกิไปเท่านั้น ไม่ถอยออกนอกระยะเลยแม้แต่ก้าวเดียว และนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเบิกกว้าง เพราะคมดาบในมือเด็กหนุ่มถูกวาดออกมาแล้ว

ทางด้านคาซึกิก็ยังไม่สิ้นท่า ฝักดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวในวินาทีวิกฤติถูกใช้มาต้านรับคมดาบไว้ได้อย่างหวุดหวิด ทำให้ทางด้านของคาซึกิรอดไปได้แต่ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะอีกฝ่ายยังเหลืออีกหนึ่งดาบให้ลงมือ

แต่เรย์ก็ไม่ได้ให้จังหวะอีกฝ่ายพักเลยสักนิดในชั่วจังหวะนั้นเขาถอนดาบออกมาแล้วแทงตรงเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง คมดาบพุ่งไปรวดเร็วราวกับกระสุนปืนทำเอาสองตาของคาซึกิตาเบิกกว้าง ในระยะเช่นนี้การต้านรับย่อมเป็นไปไม่ได้สิ่งที่ทำได้มีเพียง...

คมดาบกรีดผ่านเส้นผมสีเขียวอ่อนของคาซึกิไปเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นทางด้านของคาซึกิก็ยังไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ และนั่นเองที่ทำให้เขารับรู้ได้ในทันทีว่าตนทำตามเงื่อนไขที่ตั้งเอาไว้ไม่สำเร็จ

“เฮ้อ ให้ตายสินิดเดียวจริงๆ แต่เถอะสัญญาก็คือสัญญา นับแต่นี้ไปนายคือสมาชิกแห่งหน่วยที่สี่คามิงาริ คาซึกิ” เรย์ถอนดาบของตนออกมาแล้วโยนคืนให้กับซาเอนอสอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่ชอบใจแต่แพ้ก็คือแพ้ดังนั้นเขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้

ทางด้านของคาซึกิแม้จะชนะแต่ไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่นิดเดียว อีกฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายต้านรับก่อนถึงห้าดาบ และยังมีข้อจำกัดที่ต้องจัดการให้ได้ภายในสามดาบดังนั้นการลงมือจึงจำกัดมาก อีกทั้งตนยังมีข้อมูลการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายคร่าวๆ อยู่ก่อนแล้วจึงต้านไว้ได้ถึงขนาดนั้น

หากว่าชายผู้นี้ไม่ได้ติดเงื่อนไขเป็นฝ่ายต้านรับเพียงอย่างเดียวแล้วลงมือตั้งแต่แรกไม่สิ หากเมื่อครู่อีกฝ่ายสามารถลงดาบได้อีกสักดาบแล้วล่ะก็ฝ่ายที่ชีวิตของตนคงจะดับไปแล้ว ความจริงข้อนี้ทำให้คาซึกิไม่รู้สึกยินดีในชัยชนะเลยสักนิด

“ถึงนายจะรู้ตัวอยู่แล้วก็เถอะแต่ขอแนะนำตัวหน่อย ฉันราคิออส ไรคาลิสหัวหน้าหน่วยเรียกสั้นๆ ว่าเรย์ ส่วนนั่น...”

“อลัน แม็คดาเลนครับ เป็นคนคุมความประพฤติของเรย์ ยินดีที่ได้รู้จัก” คำแนะนำตัวจากเจ้าหนุ่มหน้าหวานทำเอาเรย์หน้าม่อยไปในพริบตา แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรมากมายเท่าไหร่นัก(เพราะมันก็จริงส่วนหนึ่งล่ะนะ)

“เอาล่ะ พรุ่งนี้จะมีภารกิจง่ายๆ มอบให้เพื่อให้สมาชิกใหม่ลองทำงานให้เข้ากับกลุ่มดูก่อน ตอนนี้กลับไปได้แล้ว ไป๊” ฝั่งคนแก่กว่าเมื่อการประลองจบลงแล้วจึงโบกไล่คนทั้งสามกลับไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากไม่ติดว่าโดนอลันดึงข้อเสื้ออยู่เขาจะซัดศรแสงใส่อีกฝ่ายสักดอกอยู่พอดี

“เอาเถอะไหนๆ คาซึกิเขาก็มาเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเราทั้งที ผมว่ามาเลี้ยงฉลองกันหน่อยไหม?” ทางด้านของอลันที่พยายามจะเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ดีว่าหากยังปล่อยให้เจ้าคนที่ตนรั้งร่างเอาไว้อ้าปากแยกเขี้ยวเช่นนี้ต่อไป อาจไปเสียมารยาทกับหัวหน้าเข้าก็เป็นได้

“ไม่ต้องลำบากแบบนั้นก็ได้” คาซึกิส่ายหน้าเพราะแต่เดิมแล้วยังไงเสียเขาก็เป็นเพียงสมาชิกส่วนเกินที่ถูกบังคับให้เข้ามา ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นให้ก็ได้

“ไม่ล่ะ อลันพูดมาก็ถูกอีกอย่างนึง ถึงบอกว่าเลี้ยงฉลองแต่ก็พาไปเลี้ยงข้าวมื้อเดียวเท่านั้นแหละ ไหงทำหน้าแบบนั้นเล่ายังไงซะนับแต่นี้ไปนายก็จะต้องมาอยู่หน่วยเดียวกันนี่นา สนิทกันไว้ก็ดีกว่าอยู่แล้ว” สีหน้าแปลกใจฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าของเจ้าตัว ที่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะให้การต้อนรับกันเสียอย่างนั้น ทั้งที่ตอนแรกคัดค้านไม่ให้เข้าร่วมหน่วยอย่างหัวชนฝาแท้ๆ

“ฉันไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอกน่า นายเคลียร์เงื่อนไขที่ชั้นตั้งเอาไว้ได้แล้ว ดังนั้นนับแต่นี้ไปนายคือสมาชิกหน่วยที่สี่อย่างเต็มภาคภูมิล่ะ” ยกนิ้วโป้งให้ทีหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะเดินนำลิ่วไปอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้แต่ดวงตาสีเขียวที่ทอแววงุนงง

“ฮะๆ ไม่แปลกหรอกขนาดผมยังไม่ค่อยเข้าใจเขาในบางครั้งเลย แต่ก็ถือว่าเขาเป็นคนดีกว่าที่ตาเห็นนะ เรย์น่ะเป็นคนแปลกๆ แบบนี้แหละ เขาบอกเองว่าถ้าไม่ใช่คนที่ยอมรับหัวจะเด็ดตีนจะขาดยังไงก็ไม่ยอมฟังเด็ดขาด การที่คาซึกิสามารถประดาบกับเรย์ได้ถึงขนาดนั้น แสดงว่าเขายอมรับในตัวของคาซึกิแล้วนั่นล่ะ” อลันยิ้มแย้มกับพฤติกรรมของเพื่อนตนแม้จะดูเหมือนคนประหลาดพิลึก แต่พอลองได้รู้จักตัวตนลึกๆ ของเขาแล้วจะรู้ได้ในทันทีว่าเรย์นั้นเป็นคนเข้าใจง่ายทีเดียว

แน่นอนวีรกรรมของเรย์ตั้งแต่เข้าหน่วยทหารมนตรามานั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน กระทั่งเคยท้าประลองผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่างซาเอนอส ผลการต่อสู้ในครั้งนั้นจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเรย์ แต่เพราะเหตุนั้นเองแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเช่นไรกับคำสั่งมากเช่นไร เขาก็ยังคงปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสมอและไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียวด้วย เป็นการยอมรับซาเอนอสในแบบของเจ้าตัวเอง

“เป็นคนพิลึกจริงๆ” นิยามที่คาซึกิตั้งให้เรย์นั้นทำให้อลันอดจะหลุดขำไม่ได้ เพราะมันเป็นไปตามนั้นจริงๆ ส่วนทางด้านคนโดนนินทาที่เดินนำหน้าไปก่อนนั้นตวัดดวงตาสีฟ้าครามของตนกลับมา

“พวกนายกำลังนินทาอะไรฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?” แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาที่ทั้งสองคุยกันก็ตาม แด่ด้วยลางสังหรณ์ทำให้เรย์รู้สึกว่าเขากำลังโดนนินทาลับหลัง

“เปล่า ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก/ใครจะไปทำอะไรไร้สาระแบบนั้นกัน” เสียงตอบอย่างพร้อมเพรียงดังขึ้นมาอย่างรวดเร็วใบหน้าของอลันประดับด้วยรอยยิ้มอ่านยาก ส่วนทางด้านของคาซึกิยังคงสภาพสีหน้าเหนื่อยหน่ายของตนเองเอาไว้เช่นเดิม ยิ่งทำให้เรย์สงสัยมากขึ้นไปอีกแต่ด้วยความที่ไม่มีหลักฐานจึงทำอะไรไม่ได้

“อืม ถึงอาหารที่นี่จะอร่อยจนแทบจะเป็นที่หนึ่งในเมืองก็เถอะ แต่ผมว่าเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ทั้งทีเราควรไปกินร้านอื่นบ้างนะ เพราะแบบนี้มันดูเหมือนโฆษณาแฝงยังไงก็ไม่รู้” อลันที่ไม่แปลกใจเลยสักนิด กับร้านอาหารที่เรย์พาพวกเขามานั้นจะเป็นร้านอาหารที่ไหนไปไม่ได้ นอกเสียจากร้านอาหารบ้านของเรย์เอง

“หนวกหูน่า ก็ให้ร้านอาหารพวกนั้นทำอาหารอร่อยเท่าพี่ไรอาก่อนสิแล้วค่อยมาพูด” แน่นอนว่าที่เรย์พูดไม่ได้เกินเลยแม้ร้านอาหารนี้จะเป็นเพียงร้านอาหารเล็กๆ ที่ขายอาหารทั่วไป แต่รสชาติของร้านอาหารนี้นั้นมากเสียยิ่งกว่าภัตตาคารต่างๆ ในเมืองอีก และด้วยราคาที่ย่อมเยาทำให้ร้านอาหารแห่งนี้นั้นได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองลาเฟสต้าเลยทีเดียว

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเพียงร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้น ด้วยความที่ในยามนี้ยังไม่ใช่เวลาอาหารดังนั้นลูกค้าที่อยู่ภายในร้านจึงมีเพียงโต๊ะเดียวที่นั่งอยู่ โต๊ะภายในร้านถูกตกแต่งด้วยสีโทนสว่างสดใสรสนิยมของคุณน้าลูน่าและพี่ไรอาที่ช่วยกันตกแต่งเช่นนี้

“ยินดีต้อนรับค่า จะรับอะไรดีคะ อ้าว พี่ชายนี่นา” เสียงทักทายอันสดใสดังขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเหยียบเข้ามาในร้านซึ่ง หาใช่ใครอื่นนอกเสียจากน้องสาวตัวน้อยของเขาเอง

ร่างเล็กของเรเดียในยามนี้อยู่ในชุดเมดสีฟ้าอ่อน กระโปรงที่เธอสวมนั้นแม้จะสั้นไปหน่อยจนมันเผยเรียวขาออกมาวับๆ แวมๆ แต่ก็ยิ่งเพิ่มความร่าเริงกระชับเชงให้กับเธอยิ่งขึ้นไปอีก เรือนผมสีเหลืองเข้มถูกผูกเป็นทรงทวินเทลดูน่ารักน่าหยิก บวกกับท่าทางและนิสัยที่ร่าเริงตลอดเวลาของเธอนั้นทำให้เธอดูราวกับเมดสาวตัวน้อยจนน่ารักเป็นอย่างมาก

“อา วันนี้พอดีพี่กลับเร็วน่ะ ว่าแต่พวกนายสองคนจะกินอะไรล่ะ” เรย์หันมาถามสองหน่อที่ตามหลังตนมา เพราะตอนนี้จะยังไงเสียทั้งสองคนก็คือลูกค้า

“ผมเอาสปาเกตตี้ซอสเนื้อแล้วกัน”

“ข้าวหน้าหมูทอด” สิ้นเสียงสั่งอาหารของคนทั้งสอง ร่างของเรย์หายวับไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอมองอย่างแปลกใจ

“นี่ๆ พี่เป็นใครเหรอ? หนูไม่เคยเห็นพี่ชายพาเพื่อนคนอื่นนอกจากพี่อลันกับพี่เอย์จิมาก่อนเลยอ่ะ” เสียงถามด้วยความกระตือรือร้นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกเสียจากเมดสาวเพียงคนเดียวในร้านที่ดูจะสนอกสนใจคาซึกิเป็นอย่างมาก

“พี่ชื่อคามิงาริ คาซึกิ เพิ่งเข้าร่วมหน่วยเดียวกับพี่ชายเราวันนี้เอง” ลังเลไปชั่วครู่กว่าจะตอบกลับไปได้ ด้วยความที่เขาไม่ถนัดที่จะต้องรับมือกับเด็กที่มีพลังงานล้นเหลือแบบนี้ ส่วนทางด้านของเรเดียนั้นตาเป็นประกายวิบวับ

“งั้นเดี๋ยวพี่ก็ต้องมาที่นี่อีกบ่อยๆ สินะ หนูชื่อเรเดีย ไรคาลิสเป็นน้องสาวของพี่ชายฝากตัวด้วยนะคะ” อันที่จริงไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวนักก็ได้ เพราะแค่ฟังคำเรียกจากแม่สาวตัวน้อยคนนี้ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นน้องสาวของชายผมขาวคนนั้น

“ปกติร้านอาหารที่นี่ขายดีมากเหรอ?” แม้จะถูกบอกว่าเป็นร้านอาหารอร่อยมาก ฟังกิตติศักดิ์มาระหว่างทางก็ตาม แต่ด้วยความที่ตอนนี้นั้นร้านค้าแห่งนี้เงียบเหงาจนเกินไป ทำให้คาซึกิอดคิดไม่ได้ว่าตกลงมันขายดีจริงเหรอ

“อือ ขายดีมาก อาหารที่พี่ไรอาทำน่ะอร่อยจนทำให้มีลูกค้าเพียบเลยนะ แต่ตอนนี้คนว่างเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่พอถึงช่วงอาหารเที่ยงและเย็นน่ะคนจะเยอะมากเลยล่ะ ทำเอาหนูเสริฟแทบไม่ทันแน่ะ ดีที่มีพี่ชายคอยช่วยบ้าง” สาวน้อยจอมป่วนอดบ่นกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในยามช่วงเที่ยงและเย็นที่คนจะนิยมมาทานอาหารกันไม่ได้ ช่วงนั้นเธอจะหัวหมุนเลยทีเดียว

“ว่าแต่พี่คาซึกิเป็นนักดาบเหรอ? พกดาบติดตัวตลอดเลย” เรเดียที่เหลือบเห็นดาบสีเขียวอ่อนเล่มนั้นเข้า ดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอนั้นมีความแตกต่างจากพี่ชายมากพอควร เพราะดวงตาสีฟ้าของพี่ชายเธอเหมือนดั่งผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ แม้จะอ่านออกแต่บางครั้งก็ลึกลับจนยากจะหยั่งถึง ผิดกับเด็กคนนี้ที่ดวงตาสีฟ้าของเธอแสดงถึงความสดใสร่าเริงออกมาอย่างเด่นชัด

“อืม พี่พอใช้ดาบได้บ้างแต่ไม่เก่งเท่าพี่ชายเราหรอกนะ” คาซึกิเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา นี่เป็นปฏิกิริยาปกติของคนที่ได้เจอกับเรเดีย ท่าทางร่าเริงและซุกซนเหมือนเด็กเล็กๆ ทำให้ทุกคนที่ได้คุยด้วยอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

“แน่อยู่แล้ว พี่ชายของหนูน่ะเก่งที่สุดในโลกเลยนี่นา” แม่สาวจอมป่วนคุยโวในทันที แม้จะเป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่จากคำพูดนี้แสดงให้เห็นเลยว่าเด็กคนนี้รักพี่ชายของตนมากเลยทีเดียว

“อาหารที่สั่งได้แล้ว” เสียงใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของคนผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดเมดเช่นกันเป็นชุดเมดสีดำตามมาตราฐานทั่วไป ร่างบอบบางอรชรและผิวที่ขาวเนียนแม้จะอยู่ในชุดเมดที่มิดชิดก็ไม่อาจปิดบังความงดงามนี้ไว้ได้ เรือนผมสีขาวที่ยาวสยายถึงเอวและดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นทำให้ร่างตรงหน้าแลดูงดงามอย่างน่าประหลาด

“ว่าแต่เราเถอะจะอู้อยู่ตรงนี้อีกนานไหมเนี่ย? ไปช่วยพี่ไรอาล้างจานได้แล้ว” เมื่อเสริฟอาหารเสร็จแล้วเธอจึงหันไปหาเรเดียก่อนดีดนิ้วเข้าใส่หน้าผากขาวของเด็กหญิง ทำให้แม่สาวจอมป่วนเบ้หน้าน้อยๆ แต่ก็ยอมไปแต่โดยดี

ทางด้านของคาซึกิเมื่อไม่มีคนคอยชวนคุยและอาหารที่สั่งได้แล้ว จึงเริ่มจับตะเกียบก่อนและกินอาหารของตนเอง

“อร่อย” เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาจากปากของคาซึกิดวงตาสีเขียวฉายแววตกตะลึง แม้ในตอนแรกจะคิดว่าเรื่องที่คนแนะนำให้มากินร้านนี้เป็นเพียงคำพูดคุยโวแต่พอได้ลองกินจริงๆ แล้ว ต้องยอมรับเลยว่าสมราคาคุยจริงๆ

“แน่นอนสิมือชั้นนี้แล้ว ถึงจะยังสู้อาหารของพี่ไรอาไม่ได้ก็เถอะแต่ก็ไม่ห่วยหรอกนะ” เสียงดังขึ้นมาจากคนข้างตัวทำเอาคาซึกิชะงักตะเกียบไปในทันใด เพราะไอ้ท่าทางและคำพูดแบบนี้มันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก

“เดี๋ยวก่อนหรือว่า...” แม้จะพอเดาคำตอบได้ลางๆ จากท่าทาง คำพูดและที่สังเกตเห็นเด่นชัดที่สุดก็คือดวงตาสีฟ้าครามดุจดั่งผืนนภาคู่นั้น

“อย่างที่คุณคิดนั่นแหละครับ เมดที่เห็นอยู่ตรงหน้านั่นก็คือเรย์” เสียงยืนยันจากคนข้างตัวทำเอาคาซึกินิ่งอึ้งไปในพริบตา ในเรื่องที่ร่างบางและงดงามตรงหน้าเป็นคนเดียวกับเจ้าหัวหน้าปากเสียคนนั้นจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel