บท
ตั้งค่า

chapter1 part1

“นี่ลุง ฉันบอกแล้วไงฟะว่าจะไม่รับงานติดกัน ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง หรือแก่แล้วเลยเลอะเลือน?” เสียงของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมาภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ แฝงอารมณ์หงุดหงิดไว้ไม่น้อย หลังจากเจ้าตัวจัดการโยนเอกสารปึกใหญ่ในมือลงไปบนโต๊ะทำงานของเจ้าของห้อง

เจ้าตัวสวมชุดเครื่องแบบสีขาวสะอาดทั้งชุดผ้าคลุมสีขาวมีสัญลักษณ์ไม้กางเขนสีทองประดับอยู่ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจับจ้องไปยังร่างสูงวัยที่อยู่ตรงหน้า ผมสีขาวของเจ้าตัวกระเซอะกระเซิงไม่ค่อยเป็นทรงนักบ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจจากเจ้าของ ร่างกายเพรียวบางหากแต่กลับสมส่วนที่ข้อมือของเขามีสร้อยข้อมือที่ห้อยจี้กางเขนสีฟ้าเล็กๆ เอาไว้ด้วย

“อย่าเสียมารยาทกับผู้บังคับบัญชาสิครับเรย์ ว่าแต่ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมคราวนี้ถึงมอบหมายงานให้ติดกันแบบนี้ละครับ หัวหน้าซาเอนอส?” เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยออกมาพลางถามด้วยความสงสัยพลางเอียงคอ แม้เขาจะไม่เสียมารยาทเหมือนคนข้างตัวแต่การมอบหมายงาอย่างกะทันหันทำเอาอดแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน

รายนี้ค่อนข้างให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากชายที่ถูกเรียกว่าเรย์โดยสิ้นเชิง ผมสีเหลืองละมุนตา ดวงตาสีน้ำเงินฉายแววลุ่มลึก เรือนร่างบอบบางและผิวที่ขาวละมุนจนดูราวกับสตรีรับกับใบหน้าที่หวานเกินอยู่สักหน่อย ชุดที่เขาสวมแทบไม่แตกต่างอะไรกับเด็กหนุ่มข้างตัว เพียงแค่ไม่มีผ้าคลุมประดับไว้เท่านั้น

“โทษทีเจ้าหนูอลัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเหนื่อยแต่คนมันไม่พอน่ะ อันที่จริงลองส่งทหารมนตราประมาณสิบกว่าคนไปดูแล้ว ผลคือบาดเจ็บสาหัสกันไปตามๆ กันเลยจำเป็นต้องส่งไอ้ตัวที่พอใช้การได้ไปน่ะ” ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บังคับบัญชาถอนใจเบาๆหากทำได้เขาก็ไม่อยากส่งทโมนพวกนี้ไปทำงานบ่อยนัก

เพราะแม้ว่าโอกาสที่งานสำเร็จจะสูงมากก็ตาม แต่นอกจากเจ้าพวกนี้จะมีค่าภารกิจที่แพงกว่าทหารมนตราทั่วไป ยังต้องมานั่งรับมือความประสาทแดกและหัวหมอของพวกนี้แต่ละคนก็ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก

“หืม ส่งไปตั้งสิบคน กวาดล้างกลุ่มค้าค้าของเถื่อนที่มีขนาดเท่านี้ยังไม่สำเร็จ? เจ้าพวกนั้นมีจำนวนมากกว่าที่คิดหรือครับ” เท่าที่เขาดูจากข้อมูลของทีมที่รับงานก่อนหน้านี้และข้อมูลของศัตรูน่าจะกวาดล้างได้ไม่ยากเย็นนักแท้ๆ

“เปล่า ข้อมูลที่ได้รับมาน่ะถูกแล้ว แต่ผิดไปนิดตรงที่เจ้าพวกนั้นดันจ้างทหารรับจ้างมาด้วย และทหารรับจ้างคนนี้แหละที่เป็นปัญหา เพราะเจ้านั่นคนเดียวจัดการคนของเราเรียบไม่เหลือเลย”

“งานแบบนี้มันไม่ใช่งานหน่วยของฉันสักหน่อย ส่งไปหาเจ้าเซโอไม่ก็ไซไป พวกนั้นยิ่งกว่าเต็มใจเลย” เรย์ประท้วงเมื่อได้รับฟังเนื้องานเพราะปกติแล้วงานของเขาไม่ใช่รับหน้าที่กวาดล้างโดยตรงแบบนี้ ยิ่งกับศัตรูเขี้ยวแบบนี้ด้วยแล้วสองชื่อที่เขาเสนอไปจะเหมาะกว่า

“ถ้าเจ้าพวกนั้นว่างจะส่งแกไปทำเรอะ? ช่างเถอะน่าไปทำซะไป เดี๋ยวค่าภารกิจเพิ่มให้เป็นกรณีพิเศษครึ่งเท่าแล้วกัน” ชายผู้เป็นผู้บังคับบัญชาตัดปัญหาของเรื่องนี้ก่อนโบกมือไล่ ไม่สนใจท่าทีคัดค้านของเด็กหนุ่มอีก

“เดี๋ยวเซ่ลุง!! ฉันยังไม่ได้ตกลงรับภารกิจเลยนะเฟ้ย และอีกอย่างตามกฎหมายแรงงานใช้งานเกินอัตราค่าแรงมัน... เฮ้ย อลันจะลากไปไหนเนี่ย!!” เสียงโวยวายของเรย์ดังขึ้นมาเมื่อถูกเด็กหนุ่มอีกคนลากคอเสื้อให้เดิมตามไป ท่ามกลางความเหนื่อยใจของชายอีกคน

“ถ้าเด็กเวรพวกนี้หัดว่านอนสอนง่ายบ้าง มันจะตายกันหรือไง?” ชายผู้บังคับบัญชาเด็กหนุ่มทั้งสองเจ้าของนามซาเอนอส ไทรเอจด์ถอนหายใจก่อนหยิบแฟ้ใขึ้นมาดูซึ่งมันเป็นบัญชีเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่กองมหารมนตราหน่วยที่สามไปก่อไว้

ก่อนจ้องมองไปยังหน่วยที่สี่ที่มีรายชื่อสมาชิกเพียงสองคนเท่านั้น

คนแรกคือหัวหน้าหน่วยหรือก็คือเด็กหนุ่มผมขาวคนเมื่อครู่ที่มืชื่อว่า ราคิออส ไรคาลิส ส่วนอีกคนนึงเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้เป็นรองหัวหน้า และมีหน้าที่คอยปรามเจ้าหัวหน้าหน่วยเฮงซวยที่มีชื่อว่า อลัน แม็คดาเลน

“เอาเถอะ รีบทำงานหน่อยดีกว่า อุตส่าห์ส่งเจ้าบ้านั่นไปทำงานเพื่อยืดเวลาไม่ให้ทำเรื่องคัดค้านแล้วเชียว” เป่าปากทีหนึ่งจากนั้นจึงหยิบเอาเอกสารอีกตั้งที่กองทับมาพิจารณา เป็นส่วนข้อมูลของใครบางคนที่ถูกประทับตราลับสุดยอดไว้แต่ต้น

ค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องให้มันมานั่งบ่นอีกมากหลังรู้เข้า

สุดท้ายถึงอยากบ่นสักแค่ไหนที่สุดพวกเขาก็ต้องออกมากันถึงที่ โชคดีตรงสถานที่อยู่ไม่ห่างเท่าที่คิดประกอบกับมีการจัดเตรียมยานพาหนะไว้ให้พร้อมสรรพ สุดท้ายพวกเขาเลยเดินทางมาถึงนี่ได้สะดวกกว่าที่คิดไว้

“เดี๋ยวเด้อลัน ฉันยังโวยไม่เสร็จเลย ลุงแกทำผิดกฏหมายแรงงานชัดๆไม่ยุติธรรมเฟ้ย” คนที่โดนลากตัวออกมาก่อนดึงมือของเพื่อนสนิทออกจากคอเสื้อด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย กับการโดนใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม(ในสายตาเจ้าตัว)

“ยังไงซะเขาก็เป็นผู้บังคับบัญชาของพวกเราให้เกียรติเขาหน่อยเถอะครับ อีกอย่างเขาก็อุตส่าห์เพิ่มค่าแรงให้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” อดอ่อนใจกับท่าทีเช่นนี้ของเพื่อนตนไม่ได้ เพราะแม้ว่าเจ้าคนข้างตัวของเขาจะเป็นหัวหน้าหน่วย ตำแหน่งของหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของกองทหารมนตราและมีอำนาจเป็นรองเพียงแค่ผู้บัญชาการสูงสุดก็ตาม กลับทำตัวไม่น่าเคารพสมตำแหน่งสักที

“ดีตรงไหนไม่ถามความสมัครใจกันสักคำ ฉันอยากพักจะตายอยู่แล้วยังใช้ให้ไปทำงานอีก งานล่าสุดยังเหนื่อยไม่หายเลย” เขาเพิ่งกลับจากภารกิจเดิมมาหมาดๆ ตอนแรกแค่นึกว่าเดินมาส่งรายงานก็จบที่ไหนได้ยังต้องมาโดนเรียกใช้อีก

“ไหนๆหัวหน้าเขาก็ให้ภารกิจมาแล้วทั้งทีก็ไปทำเถอะครับ ช่วงนี้งานยิ่งหายากอยู่ด้วย”

“รู้แล้วน่า ยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว เอาเถอะอย่างน้อยก็ถูกจัดเป็นภารกิจระดับB รายได้คงไม่เลวแหละ ” เรย์มองข้อมูลของภารกิจแม้จะไม่อยากทำแต่ในเมื่อรับ(การยัดเยียด)มาให้แล้วก็มีแต่ต้องจัดการให้เสร็จไปเท่านั้น

ระดับของภารกิจในหน่วยทหารมนตราจะมีทั้งหมด 8 ระดับ โดยFจะเป็นภารกิจง่ายดายอย่างตามหาแมวหรือขนส่ง ไล่ขึ้นไปตามลำดับตั้งแต่E D C B A SและSS

โดยภารกิจตั้งแต่ระดับCขึ้นไปผู้จะรับได้ต้องทำภารกิจระดับต่ำกว่ามาแล้วในระดับหนึ่ง เพื่อยืนยันอัตราสำเร็จและชื่อเสียงของกองทหารมนตรา ส่วนระดับAขึ้นไปผู้จะรับได้มีแต่พวกระดับสูง อย่างเช่นพวกเขาที่มีสิทธิเข้าถึงงานส่วนนี้ได้

ข้อมูลที่ได้รับมาทำให้พวกเขาทราบว่าสถานที่ซ่องซุมของพวกค้าของเถื่อนนี้คือ โกดังร้างที่ไม่ได้รับการใช้งานมานานปี เป็นสถานที่สงบเงียบซึ่งเหมาะกับการซ่อนตัวเป็นอย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนโกดังร้างที่มากมายและความใหญ่โตของมันด้วย ยิ่งทำให้ไม่อาจรู้ได้เลยว่าแท้จริงแล้วจำนวนและตำแหน่งแน่ชัดของศัตรูอยู่ตรงไหน แต่ด้วยความที่พวกเขามีข้อมูลอยู่ในมือแล้วการค้นหาศัตรูจึงไม่ลำบาก

“จากในข้อมูลพวกนั้นมีกันประมาณสามถึงสี่สิบคน คนในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นคนทั่วไป แต่ด้วยการส่งของที่แนบเนียน และสินค้าส่วนมากจะเป็นเพชรพลอยหายาก เลยทำให้เป็นกลุ่มที่น่าเฝ้าระวัง” แน่ล่ะอลันย่อมต้องเป็นคนรับหน้าที่อ่านและจดจำข้อมูลเหล่านี้ เพราะถ้าเป็นคนด้านข้างคงอ่านแค่หัวข้อ เมินทุกอย่างแล้วเข้าไปลุยมันอย่างนั้น

“เพชรพลอย? อา พอเข้าใจละทำไมภารกิจจัดอยู่ในระดับบีทั้งที่มันก็ไม่เห็นมีอะไร” ตามปกติแล้วระดับของภารกิจนั้น นอกจากจะวัดตามความยากแล้วยังวัดตามจำนวนความสำคัญของสินค้าด้วย คิดว่าพวกเศรษฐีคงทุ่มเงินให้กับภารกิจนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“แล้วจะทำยังไงกันดีครับ? ถึงศัตรูจะมีไม่มากนัก แต่ดูจากเนื้องานแล้วคงเคยชินกับการต่อสู้เอาเรื่อง” ในตอนแรกอลันก็คิดจะลองเสนอแผนการดู หากแต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นเพราะในทันทีที่เขาเห็นแววตาจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเขาก็ได้คำตอบทันที

“ง่ายๆสั้นๆ บุกเข้าไปกระทืบพวกมันให้จบแล้วกลับบ้าน ฉันจะเป็นคนโจมตีหลักส่วนนายคอยปิดทางหนีพวกมันนะอลัน” และในทันทีที่เขาพูดจบร่างของเขาก็ทะยานออกไปจากที่ซ่อนตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเท้าอย่างเอื่อยเฉื่อยเดินเข้าไปมันหน้าโกดังแบบไม่แคร์สื่อ

“ฮัลโหล สวัดดีคุณโจรทั้งหลาย วันนี้ฉันจะมาจับพวกนาย เพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือดก็ขอให้ยอมมอบตัวเถอะ จะได้สะดวกกับสองฝ่าย” น้ำเสียงร่าเริงของเรย์ดังก้องขึ้นเป็นการประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ส่วนทางด้านของผู้ค้าของเถื่อนทั้งหลายเมื่อเห็นท่าทีของเด็กหนุ่มในตอนแรกก็ขมวดคิ้ว แต่ในทันทีที่สังเกตเห็นเครื่องแบบก็รู้ถึงตัวตนของเขาได้ในทันที

“นะ หน่วยทหารมนตรา เหวอ”

เปรี้ยง!!

เสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้นมาและในวินาทีเดียวกันห่าฝนกระสุนก็ถูกลั่นไกออกมาจากปากระบอกปืนอย่างรวดเร็ว ยังไม่นับรวมศรไฟและลม เวทเบื้องต้นที่ถูกยิงออกมาจากผู้มีพลังพิเศษอีก เรียกได้ว่ามากพอจะเป่าร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งให้พรุนเป็นรังผึ้งได้โดยง่าย

น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์

“โอเค คำตอบของพวกนายคือจะต้องให้ลงไม้ลงมือสักรอบก่อนสินะ งั้นจัดให้” ไม่ได้อนาทรร้อนใจกับพายุกระสุดพุ่งเข้าใส่ เขาเพียงวาดมือออกมาข้างหน้าเบาๆ ก่อนกางเขนสีฟ้าบนสร้อยคอมือของเขาจะเปล่งแสงและหมุนตามพลังมนตราที่ไหลเข้าไป

มนตราธาตุแสง โล่แสงพิทักษ์สวรรค์

พายุกระสุนทั้งหมดที่เข้าปะทะกับโล่มนตราร่วงลงสู่พื้นดิน เมื่อเผชิญหน้ากับโล่สีฟ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา กระสุนที่เข้ามาทั้งหลายล้วนไร้ความหมาย กระทั่งศรไฟและลมที่มาปะทะกับโล่สีฟ้านั้นก็สลายหายไปทันที

ถึงอย่างนั้นบรรดาคนที่กราดกระสุนเข้ามาทั้งหลายก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง พายุกระสุนยังคงกระหน่ำใส่ร่างของเขาต่อไป แต่แน่นอนมันย่อมไม่มีทางที่จะทะลุโล่สีฟ้านั้นได้ จนในที่สุดคนในกลุ่มนั้นก็มีผู้หนึ่งที่หยิบเครื่องยิงจรวดขึ้นมาประทับบ่า คิดใช้มันทดแทนปัญหาในส่วนนี้

ตูม!!

จรวดที่ถูกยิงออกมาพุ่งตรงเข้าปะทะกับโล่สีฟ้าอย่างรุนแรง สะเก็ดไฟจากการระเบิดนั้นสว่างวาบจนแทบจะไม่น่ามีอะไรต้านทานไว้ได้ พร้อมจะฉีกป่นเป่าทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า

“เป็นไงละต่อให้แน่มาจากไหนถ้ามาเจอเจ้านี่เข้าไป...” เสียงของชายที่ประทับบ่าเครื่องยิงจรวดเบาลงเมื่อเห็นว่าท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน ยังมีโล่สีฟ้าปรากฏอยู่ไม่จางหายยังคงตระหง่านอยู่ตรงนั้น

และเมื่อสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าร่างของทหารมนตรารายนั้นไร้รอยขีดข่วนโดยสิ้นเชิง แม้พื้นที่ด้านหน้าโล่ทั้งหมดจะลุกท่วมด้วยเปลวเพลิง แต่พื้นที่ด้านหลังโล่มนตรานั้นกลับไร้ความเสียหายโดยสิ้นเชิง

“จบแล้วสินะ ช้ากว่านี้อีกนิดนี่คิดว่าจะหลับสักงีบรอแล้ว คราวนี้ตาฉันบ้างล่ะ” พอเห็นว่าการโจมตีของอีกฝ่ายจบลงจึงสลายโล่มนตราของตนทิ้ง จากนั้นจึงเริ่มเป็นฝ่ายสะบัดมือเริ่มการโจมตีของตัวเอง

มนตราธาตุแสง ศรแสงสิบสามดอก

ศรแสงพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูอย่างแม่นยำ มนตราระดับล่างสุดรูปแบบเดียวกับศรไฟและลมที่ยิงใส่เขาเมื่อครู่ ต่างกันตรงพลังทำลายกลับผิดกันลิบลับ ศัตรูสิบสามคนล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้น แม้จะไม่ถึงตายแต่ความรุนแรงของศรแสงนั้นคงทำให้ลุกไม่ขึ้นไปอีกพักใหญ่

“วะ เหวอ” เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นมาศัตรูที่เหลือรอด เท่านั้นพวกมันจึงพากันวิ่งกันอุตลุดตั้งใจจะหลบรอดออกไปจากนี่ บ้างก็จับอาวุธตั้งใจเข้ามาโรมรัน ไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันสักนิด แต่เรื่องแบบนั้นสำหรับเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง

มนตราธาตุแสง คมดาบแสงไร้จำกัด

คมดาบแสงเจ็ดเล่มปรากฏขึ้นมาจากอากาศ ตามด้วยคมดาบทั้งหมดที่ตรงเข้าฟาดฟันผู้เป็นศัตรูอย่างรวดเร็ว คมดาบแทงเข้าใส่ร่างของเหล่าคนที่วิ่งหนีและคนที่ยังคิดสู้จนร่างเหล่านั้นพากันแน่นิ่ง

“ดาหน้ากันเข้ามาได้แล้ว ฉันจะได้รีบๆกลับบ้านสักที” ปากว่าแบบนั้นกลับไม่มีสักส่วนในความคิดจะรีบร้อน ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่สะบัดมือส่งดาบแสงไปรุกไล่ ติดตามพวกที่คิดหนีด้วยท่าทีทอดน่องราวกับมาเดินเล่น

อีกด้านหนึ่งทางด้านหลังของโรงงาน เมื่อมีคนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทราบว่ามีทหารมนตราปรากฏตัว ได้เห็นการลงมือและความเก่งกาจแล้วพวกเขาจึงตัดสินใจจะหนีออกไปอีกทาง ไม่สนพวกพ้องที่เหลือ เพื่ออย่างน้อยจะได้นำของที่ได้มาติดตัวไม่ปล่อยให้สูญเปล่า

โดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของพญาเหยี่ยวที่กำลังจับจ้องเหยื่ออันโอชะที่กำลังยิ้มหวานเลยแม้แต่นิดเดียว

“เร็ว เร็วเข้าสิวะ เจ้าทหารมนตราที่เก่งเป็นปีศาจนั่นกำลังเข้ามาแล้วนะว้อย!!” เต็มไปด้วยคนที่วิ่งตาลีตาเหลือกออกไปจากตรงนี้ แม้พวกเขาจะมั่นใจว่าตนมีฝีมือแต่กับสัตว์ประหลาดที่กล้ายืนหาวต่อกระสุนหลายร้อยนัด พวกเขาไม่มีความมั่นใจจะเอาชนะได้เลยสักนิด

ทั้งหมดกลับเป็นได้แค่ความคิดเมื่อได้เห็นร่างของบางคนล้มลงไปกองกับพื้น ทำเอาทุกคนในที่นั้นชะงักไปก่อนจะสังเกตเห็นว่าบนร่างนั้นมีร่องรอยกระสุนอยู่บนหัว แสดงให้เห็นเหตุผลของเหตุการณ์ตรงหน้า

“เฮ้ย มีพลซุ่มยิ...” ชายอีกคนเอ่ยไม่ทันจบคำก็ปลิวกระดอนไปตามแรงปะทะของกระสุนที่ส่งตรงเข้าศีรษะ ทำให้บรรดาคนที่เหลือพากันระแวดระวังกันกว่าเก่า รีบหาที่กำบังพาตัวเองหลบเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ด้วยความที่ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำจนทำให้ท้องฟ้าไร้ซึ่งแสงตะวัน และแน่นอนในพื้นที่ร้างเช่นนี้ย่อมไม่มีแสงใดเล็ดรอด ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่บริเวณนี้มืดสนิท อีกทั้งเมื่อเผชิญหน้ากับพลซุ่มยิงที่สามารถจัดการคนสองคนได้ในเวลาไม่กี่วินาที จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องหวาดกลัว

และในวินาทีต่อมาร่างของคนอีกคนก็ล้มลงไปกับพื้น ตามด้วยรูกระสุนเจาะทะลุผ่านตามตัว ทำเอาอีกสองคนที่เหลือชะงักไปเมื่อพบว่ากระสุนของพลซุ่มยิงรายนี้ยิงทะลุสิ่งกีดขวางกันซึ่งๆหน้า

ชัดเจนว่าคนที่ส่งกระสุนมาไม่ใช่แค่สไนเปอร์ธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปแม้แต่นิดเดียว

“ว้าก!!” เสียงร้องคำรามของอีกคนดังขึ้น เมื่อเห็นว่าการหลบหลังที่กำบังไม่ได้ช่วยอะไรตนได้ ที่พึ่งสุดท้ายจึงทำได้แค่วิ่งหนีเพื่อเพิ่มโอกาสรอด โดยไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าการโผล่ออกมาจากที่ซ่อนต่อหน้าพลซุ่มยิงเช่นนี้นั้นมันหมายถึงการฆ่าตัวตาย

ร่างของคนเหล่านั้นล้มลงเป็นใบไม้ร่วง ไม่เกี่ยวว่าจะมีสิ่งใดกีดขวางหรือช่วยเหลือ สุดท้ายก็ค่อยๆ พากันล้มลงไปทีละคนสองคน จำนวนที่เคยมีร่วงหล่นลงไปราวกับตุ๊กตาในงานวัดจนสุดท้ายก็เหลืออยู่หนึ่งเดียว

“คิดจะฆ่ากันง่ายๆก็ลองดูสิวะ ฉันมีพลังวัตรอยู่ปืนกิ๊กก๊อกแบบนั้นยิงไม่เข้าหรอกโว้ย!!” ชายคนสุดท้ายแหกปากก่อนเร่งพลังวัตรของตนออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะพุ่งทะยานไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคนที่เพิ่งโดนยิงไป คิดอาศัยช่วงเวลาที่ต้องหันปากกระบอกปืนเพื่อเล็งใส่ และพลังวัตรที่เพิ่มขีดความสามารถทางกล้ามเนื้อต้านรับไว้ชั่วคราว

เปรี้ยง!!

กระสุนเจาะทะลุพลังวัตรของเขามาได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่มันจะยิงเจาะขาจนทะลุจนทำให้ร่างของทางนั้นล้มทั้งยืน ไม่เพียงเท่านั้นทันทีที่กระสุนนัดนี้ปะทะกับร่าง สิ่งตามมาคือร่างกายเริ่มหนักอึ้งอย่างไม่มีสาเหตุ

“คิดว่าของแค่นั้นจะช่วยให้รอดจากกระสุนของผมได้จริงๆเหรอ? คิก” เสียงหัวเราะของมือซุ่มยิงดังลอดออกมาอีกครั้ง กระสุนที่ใช้ไปเมื่อครู่คือกระสุนคำสาปที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เป็นกระสุนที่เขาเตรียมมาใช้กับพวกสายพลังวัตรโดยเฉพาะ

“จริงๆ แล้วกับคนอื่นผมใช้กระสุนที่สร้างจากมนตราธาตุมืดที่ไม่ทำให้ถึงตาย แต่กับเจ้าคนมีพลังวัตรกระสุนพลังงานคงทำให้สลบไม่ได้ เลยต้องพึ่งกระสุนจริงแต่แฝงคำสาปเข้าไปแทน คงไม่ว่ากันนะ”

“อา ช่วยปล่อยให้หลุดมาอีกสักหน่อยสิครับเรย์ ผมยังสนุกไม่สะใจเลย ฮิๆ” อลันขยับปืนพลางยิ้มหวาน ก่อนมองไปทางโกดังที่ตอนนี้ไม่มีใครหลุดออกมาแล้ว หากแต่เขาก็หวังจะให้มีคนออกมาอีกสักนิด

นี่เป็นนิสัยเสียของอลันที่ตามปกติแล้วอลันจะเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ มีสัมมาคารวะ ให้ความเคารพกับคนอื่น แต่ในทันทีที่จับปืนนิสัยของอลันจะเปลี่ยนไปคนละคน กลายเป็นคนที่รื่นรมย์ในการใช้ความรุนแรง และเพราะสีหน้ากับท่าทางนี้เองจึงไม่มีใครที่ทำงานร่วมกับเจ้าตัวได้นอกจากเรย์เพียงคนเดียว

ทางด้านของเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหาได้รู้ตัวในส่วนนี้ เพียงแค่เขาสะบัดมือคมดาบแสงที่ล่องลอยอยู่รอบตัวก็เข้าทิ่มแทงศัตรูอย่างรวดเร็ว เร่งรุดไล่ตามพวกมันอย่างไม่ลดละจนเสียบทะลุพวกมันไปทีละคน

และเมื่อถูกโจมตีโล่สีฟ้าก็จะปรากฏขึ้นมาต้านทานสกัดการโจมตีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย กับโล่ที่ต้านทานพายุกระสุนและขีปนาวุธมาแล้ว กระสุนธรรมดาย่อมไม่อาจทำลายมันลงได้อย่างแน่นอน

“ไหนล่ะเจ้าตัวเป้งที่บอกมา คงไม่ใช่เจ้าพวกนั้นอ่อนเองแล้วไปแต่งเรื่องมาหรอกนะ?” หาวออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ จนเริ่มไมแน่ใจแล้วว่าตัวปัญหาที่บอก แท้จริงเป็นแค่เรื่องหลอกต้มของตาแก่หรือเปล่า

และในที่สุดเขาก็มาถึงโกดังเก็บของจนได้ แน่ล่ะย่อมต้องกวาดสายตามองไปรอบห้องก่อนรอบหนึ่ง หลังจากที่มองดูแล้วไม่น่ามีกับดักอะไรวางเอาไว้เขาก็เดินเข้าไปมันตรงๆ ในเมื่อไม่น่าจะมีใครหรืออะไรสกัดขวางตนเอาไว้ได้

“หืม นึกว่าจะเป็นกลุ่มเล็กๆ กระจอกๆ ซะอีกมีของดีเหมือนกันนะเนี่ย” อัญมณีบางเม็ดที่อยู่ที่นี่เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้เสริมพลังมนตราได้เป็นอย่างดี ซึ่งโดยมากแล้วจะนำไปใช้ร่วมกับพวกอุปกรณ์ต่างๆ

ในปัจจุบันอุปกรณ์ช่วยเพิ่มพูนพลังมนตราหรือของสนับสนุนการใช้เวทมนตร์เหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบของไม้เท้าหรือคทาเสมอไป แต่มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตั้งแต่เครื่องประดับไปจนถึงอาวุธ

และยิ่งความบริสุทธิ์ของอัญมณีพวกนั้นมากเท่าไหร่ประสิทธิภาพก็ยิ่งสูง หากหลังจากที่เขามองไปโดยรอบได้ครู่หนึ่งเขากลับสงสัย ถึงอัญมณีสีแดงเพลิงเม็ดหนึ่งที่ดูราวกับมันส่องประกายได้ด้วยตัวเอง

“นี่มัน” เล่นเอาเด็กหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอัญมณีเท่าไหร่นักแต่กลับรู้สึกได้เลยว่ามันไม่ธรรมดา อัญมณีเม็ดนี้กำลังสร้างกระแสมนตราธาตุไฟด้วยตนเอง บ่งบอกได้ถึงความทรงพลังของมันได้เป็นอย่างดีก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาดู

“หรือว่า เจ้านี่จะเป็น...” แต่ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเอง ทางด้านหลังของตนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมนตราที่โผล่ขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งยังรวดเร็วจนเหลือเชื่อ ไวจนไม่มีทางที่เขารู้ตัวได้ทันทีว่าไม่มีวันสร้างโล่ป้องกันขึ้นมาทัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel