๙ หมากในเกม (๑)
๙
หมากในเกม
ถึงจะพยายามข่มตาให้หลับก็ไม่อาจทำดังใจปรารถนาได้เพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคนซึ่งยังไม่กลับบ้านสักที ร่างบางผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านดูประตูรั้วกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม เม้มปากแน่นเมื่อคิดว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับธัญพิชชา
ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงกว้างหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลงคลอเสียงเบากล่อมให้ง่วง สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาเหมือนที่ทำมาเกือบค่อนคืน ดวงตาที่แดงช้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากประคบเย็นอยู่นาน
มองนาฬิกาดิจิตอลซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาตีสอง ดวงตาปริ่มน้ำเจียนจะไหลแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ กล่อมตัวเองให้หลับกระทั่งเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาภายในบ้านรีบสะดุ้งผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากยิ้มโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่เข้าใจตนเองเช่นเดียวกัน เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ยังหลงรักเหมือนผู้หญิงหน้าโง่จมปลักกับผู้ชายเพียงคนเดียวอีกเหรอ
เมื่อรู้เวลากลับถึงบ้านของแทนไทก็โล่งอกเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายอุรา พยายามไม่คิดว่าทำไมเขาถึงกลับบ้านเอาป่านนี้เพราะรู้เหตุผลอยู่แล้วว่าคงสนุกสนานกับคนที่คู่ควรอย่างลูกสาวเจ้าสัวธนาคารชื่อดัง
เธอมันก็เป็นได้แค่ตัวขัดดอก...
เป็นได้เท่านั้นจริงๆ
เช้าวันต่อมาที่โต๊ะอาหารมีเจ้าของบ้านและบุณณดาจับจองพื้นที่ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยราวมีเรื่องให้ขบคิดตลอดเวลาและเขาก็ไม่ได้ถามด้วยสายตาเอาแต่จ้องโทรศัพท์ดูหุ้นของวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ มีหลุดยิ้มบ้างในบางครั้งทำให้คนที่เฝ้ามองนึกเจ็บใจหลงคิดว่าแทนไทคุยกับธัญพิชชา
“วันนี้ข้าวขอไปหาพ่อนะคะ” หลังแม่บ้านเก็บโต๊ะ หล่อนก็เอ่ยกับเขาอย่างตรงไปตรงมาทำเอาใบหน้าคมต้องเงยขึ้นมอง
“ไปทำไม หรือว่าเธอท้องแล้ว” ถามเสียงตื่นเต้นเหมือนดีใจนักหนา หากเธอไม่ทราบเจตนาของเขาก็คงเผลอนึกดีใจว่าคนรักอยากสร้างครอบครัวด้วย
ทว่าแท้จริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้นเลยในเมื่อแทนไทต้องการให้หล่อนมีลูกเพราะอยากแก้แค้นบัลลพ หากเด็กเกิดมาก็มีแต่จะเจ็บปวดเสียเปล่าสู้ป้องกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า คิดถูกแล้วที่แอบไปฉีดยาคุมกำเนิดโดยไม่ให้ชายหนุ่มรู้
“เปล่าค่ะ ข้าวแค่เป็นห่วงพ่อ” ช่วงนี้ท่านขาดการติดต่อ ถึงจะฝากน้าแพงดูแลแต่ก็ไม่เหมือนเห็นว่าบิดาอยู่ดีปลอดภัยด้วยตาตนเอง
“มันไม่ตายง่ายๆ หรอก เลวขนาดนั้นนรกยังไม่อยากจะรับเลย” ไม่ใคร่ชอบใจกับคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงพ่อตนเอง ถึงจะเถียงก็โดนตอกกลับมาจึงเงียบเสียงลงแล้วรอให้อีกฝ่ายอนุญาต
“คุณแทนจะให้ข้าวไปหาพ่อไหมคะ” ร่างสูงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง วันนี้เขาไม่ได้ไปที่ไหนมีเพียงเซ็นเอกสารอยู่บ้าน หากได้ไปเห็นหน้าค่าตาของศัตรูก็ดีเหมือนกันจะได้เยาะเย้ยมันด้วยที่ตอนนี้การแก้แค้นกำลังไปได้สวย
ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนหันมามองหญิงสาวที่รอรับคำสั่ง ช่วงนี้หล่อนค่อนข้างอยู่ในโอวาทของเขาพอให้เบาใจได้บ้าง
“ได้สิ” ใบหน้าหวานยกยิ้มอย่างดีใจที่ได้รับคำอนุญาตแต่ไม่นานก็ต้องหุบลงจนเป็นเส้นตรง เพราะแทนไทไม่ได้ให้หล่อนไปคนเดียว
“แต่ฉันจะไปด้วย”
รู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร เธออยากขัดแต่เมื่อเห็นดวงตาคมตวัดมามองก็เก็บเงียบเอาไว้ เหมือนตอนนี้ตกเป็นเบี้ยล่างไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปด้วยซ้ำ ความผิดครั้งที่ไปคลับโดยไม่บอกติดตัวจนเขามักจะอ้างถึงมันเสมอยามหล่อนนอกลู่นอกทาง
เกลียดสถานการณ์ตกเป็นรองเหลือเกิน เมื่อไหร่จะพ้นเวรพ้นกรรมสักที หากถึงวันที่เขาหลงรักเธอจนหัวปักหัวปำเมื่อไหร่...
แม่จะเล่นตัวเสียให้เข็ด!
แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีวันนั้นหรือเปล่าเพราะหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาก็เหมาะสมคู่ควรเสียเหลือเกิน จะกำจัดธัญพิชชาอย่างไร เริ่มวางแผนการอยู่ในใจแล้วเดินขึ้นห้องโดยบอกเหตุผลว่าต้องไปทำธีสิสจบเพราะเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน
คิดแล้วก็เครียดกับเรื่องการเรียน เธอต้องทำสองงานทั้งที่บริษัทและเรื่องที่ตนเองจะต้องส่งอาจารย์ก่อนจบ ถึงเพื่อนจะยกย่องว่าหล่อนฉลาดแต่พอมาถึงจุดที่ต้องทำโปรเจคจบเพียงลำพังก็ทำให้ไมเกรนขึ้นได้เหมือนกัน
ทำไมทุกเรื่องต้องมะรุมมะตุ้มตอนนี้ด้วย ปล่อยให้สมองเธอได้คลายเครียดบ้างไม่ได้หรือไง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าแล้วเปิดประตูห้องนอนก่อนปิดลงเสียงเบา
ขณะเดียวกันเจ้าของบ้านก็คิดถึงแผนการให้บัลลพเจ็บมากกว่านี้ มันจะมีวิธีไหนอีกหรือเปล่า..
ในเมื่อจุดอ่อนของมันคือบุณณดา
เพราะฉะนั้นเขาก็จะย่ำยีลูกสาวของมันจนกว่าจะพอใจค่อยส่งกลับไปให้คนพ่อช้ำใจเล่นว่าอย่างมากคนที่มันรักนักรักหนาก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
นนทัชเอาเอกสารเข้ามาให้เจ้านายเซ็นพร้อมพูดถึงรายละเอียดของโปรเจคยักษ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เดือนหน้าคงขึ้นลงเชียงใหม่-กรุงเทพฯ เป็นว่าเล่นเพื่อตรวจโครงการ The diamond ที่เริ่มขึ้นโครงสร้างแล้ว ระดมวิศวกรทั่วฟ้าเมืองไทยทำให้เสร็จภายในสามเดือน ใช้งบค่อนข้างสูงแต่ดีที่มีต่างชาติมาลงทุนด้วยทำให้ไม่เข้าเนื้อตนเอง
พวกเขาหวังผลกำไรที่มากพอสมควรด้วยเมืองนั้นเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากจะดึงดูดชาติเดียวกันก็พุ่งเป้าไปยังต่างชาติด้วย นำแบรนด์ดังระดับโลกไปไว้ในเมืองศูนย์กลางของภาคเหนือ ผู้ถือหุ้นค่อนข้างกังวลแต่เชื่อในศักยภาพของแทนไทว่าต้องพาบริษัทให้ประสบความสำเร็จจึงไม่คัดค้านเห็นดีงามด้วยทุกอย่าง
หลังเสร็จจากงานก็ขึ้นไปชั้นสามเปิดประตูห้องของหญิงสาวเห็นว่ากำลังพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้นก็ไม่อยากเข้าไปรบกวน ทำเพียงปิดประตูค่อยเดินออกมาเงียบเชียบ รู้ว่าการทำเล่มจบนั้นเครียดและกดดันมากแค่ไหน โดยเฉพาะบุณณดาที่เรียนเก่งจึงถูกคาดหวังจากอาจารย์และบรรดาเพื่อนๆ ว่าจะได้เกรดดี
ร่างสูงเดินไปอ่านเอกสารที่ห้องทำงานเพื่อฆ่าเวลา พร้อมทั้งตรวจโครงการอย่างละเอียด ทุกวินาทีมีแต่งานจนบ่ายแก่ถึงได้เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แล้วดวงตาคมก็ไปสบกับร่างบางซึ่งเข้ามานั่งในห้องตอนไหนไม่อาจทราบ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” หล่อนเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่านเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถาม
“เมื่อกี้ค่ะ เห็นคุณแทนยุ่งเลยไม่อยากกวน” ชายหนุ่มปิดเอกสารที่อ่านค้างแล้วลุกขึ้นยืนพลางคว้าโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ไปกันเถอะ” เดินนำออกจากห้องปล่อยให้หญิงสาวทำเพียงเดินตามไม่มีปากเสียงจนเริ่มคิดว่าเป็นแบบนี้มันดีแล้วใช่ไหม ยอมทำตามทุกอย่างโดยไม่โต้แย้งจะสามารถมัดใจแทนไทได้หรือ คิดไม่ตกจนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่ม
เจ้าของบ้านขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อมองชื่อคนที่โทรเข้า เริ่มสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้ธัญพิชชาถึงติดต่อมาบ่อยทั้งที่เมื่อก่อนได้คุยกันสัปดาห์ล่ะครั้งเท่านั้น ถึงจะสงสัยแต่ก็กดรับสายเพราะตอนนี้ถือว่าหล่อนคือคนสำคัญของตนเอง
ถึงไม่มีสถานะชัดเจนแต่วงสังคมก็รับรู้โดยทั่วกันว่าอีกไม่นานเธอจะก้าวมาเป็นนายผู้หญิงของ The area group เพราะไม่มีใครเข้าใกล้แทนไทได้เท่าลูกสาวเจ้าสัวเลยสักคน
“สวัสดีครับหยาด” บุณณดาหยุดอยู่กับที่พร้อมจะก้าวออกไปจากตรงนี้ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่เขาได้คุยกับปลายสาย แต่ชื่อที่ออกจากปากหยักทำให้ชะงักครู่หนึ่ง
‘หยาดมีเรื่องจะรบกวนคุณแทนค่ะ’
“ว่ามาได้เลยครับ” ที่จริงแทนไทก็ไม่ได้คิดจะมีครอบครัวในเร็ววันเพราะยังไม่ถูกตาต้องใจสาวคนใด จะมีก็แต่ธัญพิชชาที่รู้สึกสบายใจยามได้คุย หล่อนไม่ได้มาเจ้ากี้เจ้าการกลับปล่อยให้เขามีพื้นที่ของตนเอง จึงคิดว่าถ้าจะแต่งงานคงเลือกหล่อนมาเป็นคู่ชีวิต
ตอนนี้ก็กำลังศึกษากันและกันแต่ยังไม่ถึงขั้นคบหาเป็นเรื่องราวด้วยหญิงสาวบอกไม่อยากผูกมัด แต่ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนความคิดทั้งยังต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเขามากขึ้น ถึงอีกฝ่ายไม่พูดออกมาแต่ก็รับรู้ด้วยการกระทำหลายอย่าง
‘หยาดขอยืมตัวผู้ช่วยเลขาของคุณมาช่วยงานวันเกิดคุณป้าได้ไหมคะ’ คุณป้าที่เธอเอ่ยถึงคือหม่อมหลวงพินทุอร เกษมรัศมี ซึ่งเป็นพี่สาวฝั่งมารดาที่สนิทสนมกับหล่อนเป็นพิเศษจึงไหว้วานให้ธัญพิชชาเป็นแม่งานจัดงานวันเกิดให้ท่าน
“แต่เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานพวกนั้นเท่าไหร่” เอ่ยเสียงขรึมด้วยเป็นกังวลกลัวหญิงสาวจะทำธีสิสไม่เสร็จ แต่ถ้าใบข้าวได้ไปงานนี้อาจรู้จักคนใหญ่คนโตมากมายเป็นการดีแก่หน้าที่การงานในภายภาคหน้า
‘ไม่เป็นไรค่ะ แค่อยากให้มาช่วยหยิบจับเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง พอดีคนของหยาดไม่พอน่ะค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ’ บุณณดาหลบห่างออกไปไม่อาจทราบว่าทั้งสองกำลังพูดเรื่องอะไรกัน กระทั่งเห็นเขาพยักหน้าแล้วตอบรับคำก่อนจะวางสาย
รู้สึกว่าหินที่กดทับอกค่อยคลายลงเมื่อเห็นแทนไทเลิกคุยกับหญิงสาวอีกคน การเป็นรองไม่ใช่เรื่องน่าดีใจหรือตื่นเต้นสักนิดจนสงสัยว่าผู้หญิงที่ไปเป็นน้อยนั้นมีความสุขตรงไหน ถ้าเลือกได้เธอก็อยากเดินออกไปจากชีวิตเขาเหมือนกัน
แต่ติดที่หนี้มหาศาลและบิดาของตนซึ่งเป็นตัวประกัน... ไม่อาจทิ้งให้ท่านเผชิญชะตากรรมแสนโหดร้ายเพียงลำพังได้
“ไปกันเถอะ” สั่งคนรถให้เตรียมตัวอยู่ด้านนอกแล้ว เมื่อถึงชั้นหนึ่งก็ขึ้นไปนั่งด้านหลังแล้วรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกอย่างนิ่มนวล
ใบหน้าหวานเคร่งเครียดเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของแทนไทและธัญพิชชา เธอไม่แน่ใจว่าพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว หากโพล่งถามออกไปชายหนุ่มจะตอบหรือไม่ เหลือบมองคนที่นั่งดูจอสี่เหลี่ยมพลางถอนหายใจแต่คงเสียงดังไปหน่อยร่างสูงจึงหันมามอง
“มีอะไรหรือเปล่า” หล่อนสะดุ้งเมื่อถูกถาม จะพูดไปตรงๆ เลยดีไหม หรือจะเก็บไว้ให้ข้องใจแบบนี้ จนในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะถามไปตรงๆ ไม่อยากเก็บเอาไว้เพียงลำพัง
“คุณแทนคบกับคุณหยาดเหรอคะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงถาม” เพราะเห็นว่าเวลาที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของเขาเลยสักครั้ง แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
“ข้าวไม่อยากทำลายความรักของใคร ถ้าคุณแทนคบกับคุณหยาดก็เหมือนว่าข้าวกำลังเป็นมือที่สามของคุณสองคน” แสร้งทำเหมือนเสียใจที่มาแทรกกลางคนทั้งสองเพื่อให้ชายหนุ่มตายใจ ใบหน้าหวานหมองเศร้าพลางก้มมองมือตนเอง
ผู้หญิงเราควรรู้จักทำตัวให้ถูกกับสถานการณ์เพื่อเอาตัวรอดบนโลกที่แสนโหดร้ายนี้ได้ ถ้าแข็งไม่ยอมงอก็รังแต่จะทำให้เจ็บเสียเปล่า ต้องอ่อนไปตามแรงลมเสียบ้างเพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป
“ฉันกับหยาดไม่ได้คบกัน” ความสัมพันธ์ไม่ได้พัฒนาถึงขั้นนั้นแต่แนวโน้มก็ไม่ได้ต่างเท่าไหร่นัก ในเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่คู่ควรกับตนเอง
ถึงจะมีใบหน้าของบุณณดาโผล่มาในบางครั้งแต่ก็รีบสลัดออกไปทันทีเพราะพ่อแม่ของเธอคือคนทรยศที่เขาแสนเกลียดชัง ไม่อยากทำตัวเข้าตำราที่ว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เดี๋ยวจะถูกบัลลพหัวเราะเยาะทีหลังว่าไปหลงรักลูกสาวมัน
เพราะฉะนั้นธัญพิชชาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
