บทที่ 5 วงโคจร
ห้องเรียนของเพชรประดับ
“สวยหายไปไหนมาอะแก” หลิงลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับส่งเสียงถาม
“เฮ้ย ทำไมแผลเต็มตัวเลยแก”
เพชรประดับส่งยิ้มให้กับศรีสุภัค เดินแบบกะเผลก ๆ เพราะยังเดินขัด ๆ
“เกิดอะไรขึ้นสวย” ภูริตเดินมาด้วยสีหน้าตกใจ เข้าไปประคองเพื่อน
“หลิงแกมาช่วยถือของดิ” เขาหันไปสั่งศรีสุภัค
“ไอ้เชี่ยโช แกทำไมไม่ถือของให้ แล้วฉันจะเป็นคนช่วยยายสวย” หลิงยืนเท้าสะเอว จ้องมองหน้าภูริต
“ไม่ต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องของสวยหรอกน่า” เพชรประดับวางกระเป๋าเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลงไปนั่งที่เก้าอี้
ทั้งภูริตและศรีสุภัคนั่งจ้องหน้าของเธอ
“ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
“รถเกือบชน”
“อะไรคือรถเกือบชน”
“มันเป็นความผิดของฉันเองแหละ เดินไม่ดูทาง ฉันกำลังว่าจะข้ามถนน ไม่ทันระวัง ไม่ได้มองซ้ายมองขวาเลยแหละ ฉันดันเดินไปตัดหน้ารถคันหนึ่งเข้า”
“โธ่เอ๊ย... มีหัก หรือเดาะตรงไหนไหมแก” สายตาของเพื่อนมองออกมาด้วยความเป็นห่วง เพชรประดับส่ายหน้า
เพื่อนที่ยืนอยู่หน้าห้องส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว จับใจความว่า อาจารย์มาแล้ว
“เงียบ ๆ หน่อย ทุกคน” อาจารย์ส่งเสียงดังและทำหน้าเข้มอยู่ที่หน้าห้อง
“ใครอะ หล่อจัง” หลิงทำท่าเพ้อตาลอย
เพชรประดับยกหน้าขึ้นมองไปยังหน้าห้อง เธอต้องตกใจอีกครั้งหนึ่ง ผู้ชายร่างกายสูงใหญ่ ผิวขาวหน้าใสอย่างกับเด็กอายุสิบแปด ทั้ง ๆ ที่อายุสามสิบกว่าแล้ว
“คุณนิล” เธอเรียกชื่อของเขาออกมาเบาๆ
ดั่งนิลยิ้มให้กับเธอเมื่อสายตาสบกัน
“นักศึกษาทำความเคารพ” หัวหน้าห้องเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”
อาจารย์ประจำวิชาก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที
“อาจารย์ขอแนะนำให้พวกเธอรู้จักอาจารย์ดั่งนิล ศรีโยธิน อาจารย์ดั่งนิลจะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาในภาควิชานี้ของเรา อาจารย์ดั่งนิลเก่งมาก ๆ ท่านจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มาจากประเทศออสเตรเลีย เห็นหน้าของอาจารย์ดั่งนิลแล้ว วิชานี่ก็คงน่าเรียนมากขึ้นใช่ไหม” อาจารย์วิชัยส่งเสียงถาม
“ค่ะ” นักศึกษาสาวๆ ส่งเสียงดังออกมา
“ฝากเด็ก ๆ ไว้กับอาจารย์ดั่งนิลด้วยนะครับ” ดั่งนิลยกมือไหว้อาจารย์วิชัยที่แก่กว่า ยิ้มส่งตามหลังอาจารย์วิชัยไป ก่อนจะหันมาทักทายกับนักศึกษาในห้องเรียน
“สวัสดีนะครับนักศึกษาทุกคน อาจารย์ก็ต้องฝากตัวกับพวกเราด้วย เริ่มกันเลยเนอะ วันนี้จะเป็นการเรียนการสอนสำหรับการใช้โปรแกรมในการเริ่มต้น เป็นการเรียนเชิงปฏิบัติการ...” อาจารย์ดั่งนิลได้เข้าสู่เนื้อหาอย่างรวดเร็ว
สามชั่วโมงผ่านไป
“โอ้โห อาจารย์เขี้ยวเป็นบ้าเลยว่ะ” ภูริตพูดขึ้น
“แต่หล่อลากไส้ด้วย” หลิงพูด
“หล่อแล้วไง จะผ่านไหมมึงว่าโปรเจกต์นี้ของกู” ภูริตบ่น
“ไอ้โชป๊อดนะมึง แค่เริ่มเรียน ใครจะอัจฉริยะที่ฉลาดแล้วรู้เรื่องตั้งแต่วันแรกที่เรียนวะ กูเข้าใจมึง” หลิงตบไหล่ของเพื่อน
ภูริตมองหน้าของศรีสุภัค เขาหลิ่วตามองเธอทำสีหน้าไม่พอใจ หยิบมือของเพื่อนที่เกาะอยู่บนไหล่ออกไปให้พ้นตัวทำเหมือนรังเกียจ
“ที่พูด หลิง มึงหมายความว่ากูโง่ใช่ไหม”
หลิงทำตาโต ก่อนจะหรี่ทำตาเล็ก
“เปล่า กูไม่ได้พูด”
“แต่น้ำเสียงสำเนียงการพูดของมึง เหมือนถากถางกูเลย” จ้องหน้าหาเรื่อง
“กูบอกว่าเปล่า มึงพูดเองว่า มึงมันโง่” นิ้วชี้ของหลิงจิ้มไปที่หน้าผากของภูริต
“ไอ้หลิง” ภูริตทำเสียงดัง
“เฮ้ย แกสองคนทะเลาะกันอยู่ได้ ไปกินข้าวเถอะ ฉันหิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน แล้วฉันต้องกินยาแก้อักเสบต่อเนื่องด้วย”
“อ้าว ทำไมแกทำอย่างนี้วะสวย ถ้าจะต้องกินยาก็ต้องกินข้าวทุกมื้อสิ”
ภูริตฉวยเอากระเป๋าของเพชรประดับขึ้นมาถือ อีกมือหิ้วปีกของเธอขึ้นมาทั้งตัว ทั้งสามคนพากันเดินไปซุ้มอาหารที่อยู่ข้างๆ ตึกเรียน ภูริตขอตัวไปซื้อน้ำดื่มให้
ศรีสุภัคหยิบกระเป๋าเงินออกมาก่อนจะล้วงเงินจำนวนห้าพันออกมาให้กับเพชรประดับ
“ที่แกขอยืมฉันวันก่อน ฉันเตรียมมาให้แกแล้วนะ” ศรีสุภัคยัดเงินลงไปในมือของเพื่อน
“ฉันยืมแกแค่สองพันนะ นี่มันตั้งห้าพัน ฉันไม่เอาหรอก ไม่กี่วันเงินค่าสอนพิเศษออกแล้ว” สวยส่งเงินคืนเพื่อนไปสามพัน
ศรีสุภัคทำหน้าเครียดคิ้วขมวด
“วันนั้นที่แกหายไป ฉันไปหาแกที่หอมา ป้าเจ้าของหอบอกฉันแล้วว่าแกยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าห้อง” จ้องตากับสวยจริงจัง
“เออ... คะ คือ” ศรีสุภัคยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เพชรประดับพูดต่อ
“ไม่ต้องพูดเลยยายสวย เงินเนี่ยเป็นเงินพิเศษของฉันที่ฉันรับซ่อมคอมฯ ตามบ้าน ไม่ใช่เงินค่าขนมที่พ่อกับแม่ให้ฉันมาหรอก แกไม่ต้องเกรงใจ และถ้าไม่มี ก็ยังไม่ต้องคืนด้วย” ศรีสุภัคแสดงอาการเป็นห่วงเพื่อน
“ฉันพูดไม่ออกเลย ไม่รู้จะขอบใจแกยังไง” สายตามองศรีสุภัคอย่างซาบซึ้งใจ
ภูริตเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำเปล่าสามแก้ว
“สวยกินอะไรดี”
“ข้าวขาหมู” หลิงตอบแทน เพื่อนชายมองหน้า
“เมื่อกี้ กูได้เอ่ยชื่อมึงไหม กูถามสวย”
“ก็กูตอบแทนไง สวยจะกินข้าวขาหมู สรุปแกไปซื้อเลย สองจานนะโว้ยเพราะฉันก็จะกินข้าวขาหมูด้วย” ภูริตส่งสายตาขุ่นมาให้ ศรีสุภัคยิ้มมุมปาก
“เอานี่ตังค์ พอไหม สองจาน”
ภูริตตวัดเงินในมือของศรีสุภัคไป
“ไม่ต้องทอนนะ”
ภูริตชูนิ้วกลางให้เพื่อนโดยที่ไม่หันมามองหน้า
“หลิง ถามจริง ๆ แกชอบโชใช่ไหม” เพชรประดับถาม
“หื้อ สวยแกเอาอะไรมาพูด ทำไมแกถามแบบนี้ออกมาได้ ฉันนี่นะจะชอบไอ้โช ไม่มีทางซะหรอก” ปฏิเสธเสียงแข็ง
“อื้อ” สวยพยักหน้าแต่สายตาก็ยังไม่เชื่อ
“ไอ้โชมันชอบแกนะสวย แกไม่รู้หรือ” ศรีสุภัคย้อนคำถามนั้นกลับมาที่เพชรประดับ
“แล้วไง ฉันถามว่าแกชอบโชใช่ไหม ไม่ได้ถามว่าโชมันชอบใคร”
ศรีสุภัครีบลุกขึ้นยืนแก้เก้อ เพราะเธอไม่รู้จะปฏิเสธเพชรประดับอย่างไร เพราะมันเป็นเรื่องจริง จึงรีบถาม
“ฉันจะไปซื้อของหวาน แกเอาด้วยไหม”
สวยส่ายหน้า หลิงรีบเดินเร็วหายไปในทันที
“ปากแข็งจริง ๆ ไอ้พวกทะเลาะ ๆ กันแบบนี้แหละ จริง ๆ นะ ชอบกันแต่ไม่รู้จักการแสดงออก”
