ตอนที่ 1 หวั่นไหว
ท่ามกลางตึกสูงในตัวเมือง คอนโดหรูเหมาชั้นกว้างขวางแบ่งออกเป็นสามโซน ใหญ่ ๆ ตกแต่งเรียบหรู เฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากต่างประเทศทุกชิ้น
รปภ. หน้าห้องกันตัวเอมิกาสาวน้อยร่างบางแต่งตัวมอมแมมเสื้อยืดกางเกงยีนส์รวบผมหลวมไว้ด้านหลังกระเซอะกระเซิง ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร รปภ. คงจับเธอโยนออกนอกคอนโด
“ยังเข้าไม่ได้นะครับ”
“ขอเข้าไปนั่งรอนะคะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ อยากนั่งพัก” หญิงสาวออดอ้อนสีหน้าเหนื่อยล้า
“เอ่อ ผมขอแจ้งคุณทัชก่อนนะครับ” รปภ. อึกอัก เอมิกาไม่ฟังเดินดุ่ม เข้าไปในโซนกลางที่เป็นห้องรับแขกกว้างขวางหรูหรากระจกใหญ่รอบห้อง เพียงแค่เดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงครางกระเส่ารอดออกมาจากห้องนอน หญิงสาวเบะปากเล็กน้อยเจอแบบนี้มานานจนชิน รปภ.ตามมายืนขอร้องให้เธอออกไปรอที่โซนด้านหน้า เธอไม่ยอมทิ้งตัวนอนบนโซฟาหยิบโทรศัพท์เสียบหูฟัง นอนฟังเพลงอย่างสบายใจ รปภ.ได้ยินเสียงครางดังมากขึ้นทำหน้าเลิกลัก
“พี่ออกไปเถอะค่ะ เหมยอยู่ได้” เอมิกาส่งยิ้มให้ รปภ.พยักหน้ารับเดินออกไปอย่างจำยอมเพราะดูท่าแล้วเธอไม่ออกไปง่าย ๆ ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเสียงครางในห้องเงียบลง สักพักเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ร่างแกร่งเดินออกมาพันผ้าขนหนูรอบเอว เขาได้รับข้อความจาก รปภ. ส่งมาบอกว่า ”คู่หมั้นมารออยู่ในห้องรับแขก” ชายหนุ่มสูงโปร่งผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาคิ้วเข้มดวงตาคมโตมีเสน่ห์จมูกโด่งเป็นสัน เดินมาที่โซฟาเห็นคู่หมั้นนอนหลับแต่งตัวมอซอเสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ เปื้อนขี้ดิน ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดที่เธอชอบแต่งตัวไม่ดูสถานที่และกาลเทศะ ไม่สมกับเป็นคู่หมั้นนักธุรกิจหล่อรวยอย่างเขา สายตาคมมองหน้าตาที่มอมแมมเขาก็ยิ่งฉุน จ้องอยู่นานแต่เธอยังหลับสนิทไม่รู้ตัว
มือหนาดึงหูฟังออก บีบปลายจมูกโด่งจนเอมิกาหายใจไม่ออกดิ้นรนมือบางปัดป่ายสะดุ้งตื่นหน้าเหลอหลา
“เฮียกร เล่นบ้าอะไรเนี้ย!” หญิงสาวมองเคืองหงุดหงิดที่โดนแกล้ง
“ก็มานอนน้ำลายยืดใส่โซฟาตัวเป็นแสนทำไมล่ะ” เขาพูดเรียบนิ่ง ไม่แยแส แล้วเดินไปโซนห้องครัว เอมิการีบยกมือปาดขอบปาก
“ไม่มีอ่ะ ใส่ร้าย”
“มาหามีอะไร” เขาเหล่มองยิ้มมุมปาก เปิดตู้เย็นหยิบน้ำสตรอเบอร์รี่เทใส่แก้ว แล้วเดินมาหาร่างบาง เธอลุกขึ้นเดินเข้ามาหา สายตาสาวน้อยกรุ้มกริ่มกวาดมองเรือนร่างผู้ชาย
“เฮียไปใส่เสื้อผ้าก่อนก็ได้นะ” เอมิกาชำเลืองมองแล้วยิ้มเขิน
“ขี้เกียจเดี่ยวก็ต้องถอดอีก”
“แหม แต่โชว์ซิกแพคขนาดนี้ เหมยหวั่นไหวนะ” หญิงสาวบิดตัวเขินพอเขาเดินเข้ามาใกล้เธอก็ยกมือขึ้นจะเข้าไปกอด แต่เขาเอามือยันหน้าผากเธอไว้ไม่ให้เข้าใกล้ หญิงสาวหน้ามุ่ยพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าจนสุดแขนก็ไม่ถึงตัวเขา เลยทิ้งมือลงยอมแพ้มองบนเซ็ง ๆ
“ไม่ต้องเข้ามาใกล้เลยตัวเหม็นมีแต่ขี้ดิน” เขาบ่นพึมพำ วางน้ำสตรอเบอร์รี่ลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เอมิกาเดินไปนั่งตรงข้ามกับเขา ยกแก้วน้ำดื่ม อึก อึก อึก กระหายน้ำ ชายหนุ่มส่ายหน้ามาทีไรเธอจะหิวโหยทุกที
“ชื่นใจ” หญิงสาวทำหน้าฟิน
“มีอะไรว่ามา สาวในห้องรอเฮียอยู่”
“คือว่า ทางทีมมีแหล่งวัตถุโบราณใหม่ที่ต้องทำการขุดวิจัยแต่ว่าเงินของทางรัฐไม่พอที่จะ....”
“จะเอาเงินเพิ่ม” ทัชชกรยกคิ้วขึ้นรู้ว่าเธอต้องการอะไร ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยตกลงกันว่าจะให้เงินเธอทำวิจัยไปเรื่อย ๆ เพื่อถ่วงเวลาการแต่งงาน
“ใช่”
“ครั้งนี้ขอฟังรายละเอียดโครงการหน่อยนะ” สายตาคมมองจ้องหน้าตามอมแมมของคู่หมั้น
“ได้เฮียสะดวกเมื่อไหร่ก็นัดมาได้เลย” เอมิกาดีใจยิ้มสดใส
“เดี่ยวให้เลขาดูตารางงานแล้วนัดอีกที จบเรื่องแล้วใช่ไหม เฮียจะไปสนุกต่อ” ทัชชกรลุกขึ้นทำท่าจะเดินเข้าห้องนอน
“ขอบคุณนะเฮีย”
“วันคุยงานแต่งตัวให้เกียรติเฮียหน่อย เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ” เขาพูดบอกหน้าตึง ๆ เดินเข้าไปในห้องนอน เอมิกาชะงักกึกหน้าเสียก้มมองตัวเอง แล้วถอนหายใจเธอรีบมาหาเขาจนลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดี รู้ว่าเขาไม่ชอบก็ยังขี้ลืมทำให้เขาไม่พอใจ
ณ โรงแรมหรู
ทัชชกรนักธุรกิจหล่อรวย เป็นคู่หมั้นของเอมิกา ใส่สูทเดินสมาร์ทเข้ามาที่ล็อบบี้โรงแรม ออร่าความหล่อทำให้สาว ๆ ลอบมองแล้วยิ้มเขิน เอมิกาเห็นเขามารีบวิ่งไปหาวันนี้ใบหน้าหญิงสาวสะอาดหมดจดแต่งหน้านิดหน่อยพอมีสีสัน ชุดแซกยาวคลุมเข่าสีชมพูอ่อนเรียบหรูเผยผิวขาวใส สวยจนเขาเผลอยิ้ม พอเธอเข้ามาใกล้เขาปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง
“ขอบคุณที่มานะเฮีย” เสียงหวานออดอ้อน เกาะแขนซบหน้าลงบนแขนแกร่ง ชายหนุ่มก้มมองเธอใกล้ ๆ
“วันนี้แต่งตัวดีใช้ได้” เขาพูดเสียงเรียบ
“แหม จะชมว่าสวยก็ไม่ได้” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด เขาทำเป็นไม่แยแส เดินเกาะแขนเขาเคียงคู่กันจะไปห้องประชุม
“พี่ภูมิ” เสียงหวานเรียกชื่อชายมาดเซอร์ที่กำลังเดินผ่านมา เธอรีบเอาแขนออกจากแขนแกร่ง ทัชชกรก้มมองแขนเธอผละออก เขามองคู่หมั้นที่มองชายคนนั้นแววตาเป็นประกาย ทัชชกรอึ้ง ๆ หันไปมองชายคนนั้น หน้าตึงไม่ค่อยพอใจที่เขาคนนั้นทำให้ เอมิกามองด้วยสายตาแบบเดียวกันกับเขา
“อ้าว เหมย โอ้โหวันนี้สวยจังพี่เกือบจำไม่ได้” ภาคภูมิยิ้มตะลึงในความสวย เอมิกาดูหรูหราเป็นสาวไฮโซต่างจากตอนทำงานที่ต่างจังหวัดราวฟ้ากับเหว
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มบิดตัวเขินอาย
“อะแฮ่ม” ทัชชกรกระแอมขัดไม่ชอบที่เธอทำท่าทางแบบนั้นกับคนอื่น
“เอ่อ นี่คุณทัชชกรนายทุนงานวิจัยทั้งเก่าและใหม่ของเรา วันนี้มาชมการเสนอโครงการด้วยตัวเองค่ะ” เอมิกาแนะนำให้ภาคภูมิรู้จักทัชชกร เขาเป็นเจ้าของเงินวิจัยมาหลายโครงการแต่ปกติเขาจะให้เลขาเป็นคนเข้ามาฟังโครงการแทน
“สวัสดีครับคุณทัชชกร” ภาคภูมิยกมือไหว้ ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทัชชกรรับไหว้ ทำหน้านิ่ง
“ไปกันได้หรือยังเฮียมีธุระที่อื่นอีก”
“ค่ะๆ เชิญทางนี้ค่ะคุณทัช” เอมิกาผายมือเชิญทัชชกรให้เดินไปทางซ้าย เขาหงุดหงิดเดินหน้ามุ่ยที่เธอทำห่างเหินพูดเหมือนเป็นคนอื่น
ภายในห้องประชุม
เจ้าหน้าที่โครงการและลูกจ้างราว ๆ 30 คน นั่งร่วมประชุมเสนอโครงการให้กับเจ้าของเงินทุนรายใหญ่ ท่านอาจารย์เป็นผู้อธิบายงานทั้งหมดผ่านไปชั่วโมงกว่า จนจบการประชุมทุกคนในห้องปรบมือให้กำลังใจ
“ผมยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการวิจัยนะครับ” ทัชชกรลุกขึ้นจับมือกับอาจารย์เป็นการแสดงถึงการร่วมทุนอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณมากครับคุณทัชชกร” อาจารย์เอ่ยขอบคุณ ทั้งสองพยักหน้าให้กันและนั่งลง
“ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมแจ้งความประสงค์มาที่เอมิกาได้เลยนะครับ เราสองคนก็เหมือนเป็นคน ๆ เดียวกัน” ทัชชกรยิ้มร้ายเหล่มองภาคภูมิที่ทำหน้าตกใจ ทุกคนในห้องประชุมอึ้งมองไปที่เอมิกาเป็นตาเดียวกัน เอมมิกาหน้าเหวอหันมองคู่หมั้น งง ๆ
“ทุกคนดูแปลกใจนะครับ เหมยไม่ได้บอกเหรอว่าเราสองคนเป็นคู่หมั้นกัน” เขาแสยะยิ้มเย้ยภาคภูมิที่นั่งหน้าเสียมองเอมิกา เสียงในห้องอื้ออึงขึ้นมาทันที หญิงสาวอึกอักทำตัวไม่ถูกเอามือแตะขาคู่หมั้น หน้าฉงนเธอไม่เข้าใจทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นเพราะเขาไม่ชอบให้ใครรู้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอ.... ทัชชกรปรายตามองเอมิกาแล้วยิ้มมุมปาก
