2
“ฟองไม่อยากทำตัวเด่นในบริษัทน่ะค่ะ” เวลามีคนคิดร้ายหรือนินทา เธอก็จะได้รู้ตัว ยิ่งตรีธารไม่ให้ความสำคัญ ยิ่งดี เพราะเธอได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วแต่ละคนคิดเช่นไรกับเธอ เธอไม่อยากรับมือกับพวกที่สวมหน้ากากเข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่พอลับหลังก็แทงกันยับ
“ตามใจ” เขาพูดสั้นๆ ได้ใจความ
“ค่ะ”
“มีปัญหาอะไรก็โทร. หาอาได้โดยตรง”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฟองอยากแก้ปัญหาเอง”
“รู้ว่าเก่ง แต่อาเป็นว่าที่คู่หมั้นต้องรู้ทุกอย่างของเรา” เขายืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ วางมือหนาลงบนศีรษะก่อนจะโยกไปมาเบา ๆ
เธอเงยหน้ามองสบตาของเขา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
จริงๆ แล้วความเย็นชาเฉยเมยของเขามีให้กับทุกคน แต่กับเธอ เขาก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียทีเดียว ความรู้สึกของเธอที่ได้รับจากเขามันอบอุ่นเสียเหลือเกิน
จำได้ว่าตอนเธอประสบอุบัติเหตุ คนแรกที่ไปช่วยเธอคือเขา เขามักโผล่มาให้การช่วยเหลือเธอแบบไม่ทันตั้งตัวทุกครั้ง แต่นี่แหละ ถึงทำให้เธอตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าเขาไม่ไปเป็นผู้ใหญ่สู่ขอเธอให้หลานชายของเขา เธอก็อยากที่จะพิชิตใจเขาดูสักครั้ง เผื่อจะได้เป็นแฟนกัน
2
“งั้นฟองขอตัวก่อนนะคะ” ฟองแก้วเอ่ยขอตัว
แผนกที่เธอต้องไปฝึกงานคือแผนกการตลาด เพราะเธอเรียนสาขานี้ เธอเองก็ควรทำตัวเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ดี ขยันและเรียนให้จบด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่เรียนจบเพราะพ่อแม่รวยอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอาไหนเลย
“ตามสบาย มื้อกลางวันอาไปรับ”
“คะ”
“กินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะ” เธอรับคำ
“ไปเถอะ” ประโยคสั้นๆ ของเขาทำให้เธอต้องเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา
ตรีธารมองตามคู่หมั้นสาวที่เดินออกไปยังประตูด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่ความเป็นห่วงนั้นเต็มเปี่ยมในหัวใจ
ฟองแก้วมาทำงานวันแรกก็หัวหมุน เธอไม่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากแผนกนี้ ไม่เหมือนนักศึกษาฝึกงานอีกคน คนเรามองกันแค่ภายนอกจริงๆ แค่เธออ้วนก็โดนบูลลี่ คนที่สวยและหุ่นดีกว่ากลับได้รับการเอาอกเอาใจมากกว่า
แบบนี้ก็ได้เหรอ ฟองแก้วถอนใจเฮือกใหญ่ มองกองเอกสารมากมายตรงหน้าที่ต้องทำให้เสร็จ
งานทุกอย่างมันไม่ใช่งานของเธอเลย แต่ถูกโยนมาที่เธอคนเดียว
“ตายแล้วฟองแก้ว ทำไมถึงได้นั่งหัวฟูทำงานอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะจ๊ะ นี่เที่ยงแล้ว ไม่ไปกินข้าวเหรอจ๊ะ หรือว่าไม่มีใครให้ไปกินข้าวด้วย เลยต้องไปกินข้าวคนเดียว” ประโยคทักทายนั้นมาจากนักศึกษาฝึกงานร่วมแผนกที่มาทำงานวันแรกเหมือนเธอ
และอีกสถานะคือ เพื่อนหักเหลี่ยมโหดของเธอนั่นเอง เธอคิดว่าข่าวดีไม่ดีในบริษัทเพราะอรนุชนี่แหละ เพราะอรนุชมาฝึกงานก่อนเธอหลายวัน ในขณะที่เธอไม่สบายต้องพักรักษาตัวเพิ่งหายเป็นปกติ แต่คนในแผนกหาว่าเธอเส้นใหญ่ อยากจะมาฝึกงานวันไหนก็มา ไม่อยากมาพร้อมกับคนอื่นก็ไม่มา เป็นลูกคุณหนูแสนอัปลักษณ์ ขี้เหร่ ที่เอาแต่ใจตัวเอง เธอพยายามจะอธิบายแต่ก็ไม่มีโอกาสเลย
อรนุชยิ้มเยาะคนตรงหน้า เมื่อก่อนอีกฝ่ายสวย รวยเก่ง เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุในช่วงปิดเทอมหลายเดือน อีกฝ่ายก็กลายเป็นผู้หญิงขี้เหร่สุดแสนอัปลักษณ์เพราะอ้วนยิ่งกว่าเทพีช้างเสียอีก
“ไม่ตอบอย่างนั้นเหรอ หรือว่าเธอไม่กล้าพูดคุยกับฉัน” อรนุชเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบกริบจึงรีบหาเรื่องต่อ สงสัยจะอายที่คนในแผนกไม่มีใครต้อนรับเลย แถมยังโยนงานมาให้ทำจนหัวหมุนตั้งแต่เช้ายันเที่ยง ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน
“หลีกไป” ฟองแก้วเอ่ยขึ้น เธอทำงานเสร็จในช่วงเช้าแล้ว จึงอยากลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายและหาข้าวกินที่ศูนย์อาหารของบริษัทบ้าง ลืมไปเลยว่าตรีธารบอกว่าจะมารับไปกินข้าว
เธอไม่ได้สนใจว่าจะมีใครอยากจะชวนหรือไม่อยากจะชวนเธอไปกินข้าว เพราะเธอมีเงินซื้อข้าวกินเองได้
“ไม่หลีกเธอจะทำไม” อรนุชยืนขวางเอาไว้ ตั้งใจหาเรื่องอีกฝ่ายเต็มที่
ที่ตรีทศไม่เข้าพิธีหมั้นให้เรียบร้อยกับฟองแก้วทั้ง ๆ ที่เป็นคู่หมั้นที่ผู้ใหญ่เคยคุยกันเอาไว้ก็เพราะว่าตรีทศมาคบกับเธอ ผู้ชายที่ไหนจะทนเข้าพิธีหมั้นและแต่งงานกับผู้หญิงอ้วนน่าเกลียดน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกัน
“ได้ ในเมื่อเธอไม่หลีกเองนะ” ฟองแก้วเดินกระแทกอีกฝ่ายจนกระเด็น จังหวะนั้นตรีทศก็เข้ามาเห็นเข้าพอดี อรนุชจึงรีบร้องโอดโอยเรียกร้องความสนใจแฟนหนุ่มให้เข้ามาดูแลเธอ
“นุชเป็นอะไรครับ” ตรีทศเอ่ยถาม เขาเพิ่งเรียนจบและเข้ามาทำงานที่บริษัทได้ประมาณปีกว่า จึงให้แฟนสาวที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่อย่างอรนุชเข้ามาฝึกงานที่นี่ด้วย จะได้มีโอกาสจอกันทุกวัน ตอนเช้าเขาก็ไปรับอรนุชมาทำงาน ตอนกลางวันก็ไปกินข้าวด้วยกัน ตกเย็นเขาก็ไปส่งเธอที่บ้าน
“นุชไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ” อรนุชแกล้งพูดก่อนจะทำสำออยขอให้แฟนหนุ่มประคองเธอขึ้นจากพื้น
“ก็ผมเห็นว่านุชล้มลงไปกองกับพื้น ฝีมือเธอใช่ไหมฟองแก้ว” ตรีทศหันไปเอาเรื่องกับอดีตหญิงสาวที่เขากำลังจะเข้าพิธีหมั้นด้วย แต่ยกเลิกกะทันหันเพราะเขาทนไม่ไหวที่เธออ้วนและน่าเกลียดขนาดนี้
