บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 พรหมไม่ได้ลิขิต

หญิงสาวสวยหวานอยู่ในชุดสูททำงานสีชมพูอ่อนที่เรียบหรูเดินถือแฟ้มเอกสารกอดแนบอก มืออีกข้างถือแก้วกาแฟเดินไปยังจุดหมายอย่างมั่นใจ

หญิงสาวหยุดที่หน้าลิฟต์ยังไม่ได้ขึ้นลิฟต์ที่เปิดต่อหน้าเพื่อที่จะรอขึ้นลิฟต์กับคนที่เธอต้องการใกล้ชิดแล้วหันไปดูด้านหลังของตนที่เป้าหมายกำลังเดินมา

เบื้องหน้าของเธอคือชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบที่อยู่ในชุดสูทสีกรมท่าเข้ารูปที่สั่งตัดมาอย่างประณีต เขากำลังเดินคุยกับเลขานุการแล้วเดินมาทางเธอเพื่อที่จะรอขึ้นลิฟต์ไปยังบริษัทของตนที่อยู่ในตึกนี้

สายตาของพนักงานสาวๆ ที่ทำงานในตึกนี้ต่างมองเขาอย่างชื่นชม ผู้บริหารหนุ่มรู้ตัวว่าถูกมองแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เคยชินแล้วกับสาวๆ ที่พยายามเข้าหาเขาแม้จะรู้ว่าเขาหมั้นหมายแล้วก็ตาม

เมื่อ ‘อิศรา’ และเลขานุการของเขาเดินมาถึงหน้าลิฟต์ หญิงสาวที่มือไม่ว่างก็หันมาทางทั้งคู่ แล้วยิ้มให้กับเลขานุการของเขาโดยไม่ได้สนใจมองหน้าเขาเลยแม้แต่นิด

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกทั้งสาวก็ทยอยเดินเข้าไป โดยมีอิศรายืนคั่นทั้งสองคนอยู่

“คุณนิดรบกวนกดลิฟต์ให้ณิด้วยนะคะ พอดีมือไม่ว่าง” หญิงสาวพูดคุยกับนิตยาเลขานุการของอิศราแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“ได้ค่ะ ชั้น 7 นะคะ” เลขานุการสาววัยไล่เลี่ยกันถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ

“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” เธอตอบรับแล้วมองตรงไปที่ประตูลิฟต์ ไม่ได้สนใจอิศราที่ยืนอยู่ข้างๆ ตนเองเลยสักนิด พอประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก็ยิ้มหวานแล้วหันมามองใบหน้าเคร่งขรึมของผู้บริหารหนุ่มที่ทำงานอยู่ชั้นถัดไป

“คุณคะ ที่คอคุณมีรอยเปื้อนค่ะ” เธอบอกเขาแล้วเดินออกไปโดยไม่ได้หันมามองอีกรอบ

อิศราเลิกคิ้วสูงแล้วหันกลับไปหาเลขานุการของตน “ผมมีรอยเปื้อนที่คอเหรอคุณนิด”

“เอ่อ ใช่ค่ะ น่าจะเป็นรอยลิปสติกของคุณพีรดา” นิตยาเลขานุการตอบแล้วก้มหน้าลงที่เธอไม่กล้าเตือนเขาตั้งแต่แรก

อิศราล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบออกไป ‘คู่หมั้น’ ที่เขาหมั้นเธอคือ ‘พีรดา’ เป็นลูกสาวของประธานบริษัทที่เขาถือหุ้นต่อจากบิดาและเป็นผู้บริหารดูแลเรื่องงานส่งออกอยู่ หากไม่ใช่เพราะการขอร้องของบิดาที่ขอร้องเอาไว้ก่อนตายให้รักษาหุ้นเอาไว้เขาก็คงไม่ต้องหมั้นกับเธอ

“ผู้หญิงคนเมื่อกี๊...”

“คุณ ‘ณิชา’ ค่ะ เธอเป็นเจ้าของบริษัทที่อยู่ชั้นนี้”

“สนิทกันเหรอ”

“เปล่าค่ะ วันก่อนคุณณิชาช่วยนิดเอาไว้ตอนที่ไปซื้อกาแฟให้คุณอิศค่ะ เลยให้นามบัตรนิดเอาไว้ เธอไม่ถือตัวเลยนะคะ เห็นว่าพึ่งเรียนจบจากเมืองนอกกลับมารับตำแหน่งต่อจากพ่อของเธอ”

“อืม” เขาพยักหน้ารับทราบแล้วก้าวออกจากลิฟต์ เดินตรงเข้าไปในบริษัทที่ตนทำงานอยู่ อมยิ้มเล็กน้อยที่เธอต่างจากคนอื่นที่เขาเคยเจอแต่ไม่ได้ถึงขนาดเรียกความสนใจให้เขาต้องพะวงหา เพียงแค่รู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนอื่นเท่านั้น

************************

ร่างคุ้นตาที่อยู่ในชุดสูทสีชมพูอ่อนกำลังยืนพิงรถที่เปิดกระโปรงรถเอาไว้ สีหน้าของเธอดูเป็นกังวลและดูนาฬิกาข้อมืออยู่เป็นระยะราวกับว่ากำลังมีนัดสำคัญที่ต้องรีบไป

และเป็นเพราะเธอจอดรถอยู่ข้างรถของเขาทำให้อิศราอดที่จะเข้าไปสอบถามเธอตามมารยาทไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็มีน้ำใจเตือนเขาเรื่องคราบเปื้อนที่ต้นคอ

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” เขาถามเธอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการและสุภาพ

ณิชาที่รอเขาอยู่แล้วเธอแอบลอบยิ้มแล้วค่อยๆ หันหน้ามาทางเขา ที่จมูกเธอมีรอยเปื้อนคราบฝุ่นเล็กน้อยทำให้เขาเผลออมยิ้มขึ้นมา

“เอ่อ รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ แต่ฉันโทรบอกคนที่บ้านแล้ว ขอบคุณค่ะ” เธอบอกอย่างสุภาพแล้วหันหลังให้เขาไม่ได้สนใจจะเสวนาต่อ ต่างจากคนอื่นที่พยายามจะชวนเขาคุยและเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะคู่หมั้นของเขาเองที่เจอกันทีไรก็มักจะถึงเนื้อถึงตัวเขาอยู่เสมอ

“มีธุระจะไปที่อื่นต่อไหมครับ เผื่อทางเดียวกันผมจะได้ไปส่ง” เขาเสนอความช่วยเหลือขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจคนอื่นอาจคงเป็นเพราะถูกชะตากับเธอที่มีเหตุให้บังเอิญเจอกัน

“ฉันจะไปที่ร้านอาหารจีนตรงข้ามห้างฯเป็นไทยน่ะค่ะ นัดลูกค้าเอาไว้คุณผ่านทางนั้นหรือเปล่าคะ” เธอหันมาถามแล้วทำท่าทีดีใจราวกับว่าเขามาช่วยได้ทันเวลา

“ผ่านครับ” เขาตอบรับทั้งๆ ที่ทางกลับที่พักอยู่คนละฟาก รู้สึกดีใจที่ช่วยเธอได้และได้เห็นรอยยิ้มนี้

“งั้นฉันไม่เกรงใจคุณแล้วนะคะ” หญิงสาวบอกแล้วรีบปิดกระโปรงรถลงด้วยตนเอง ก่อนจะเปิดประตูรถเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายและเอกสารอย่างเร่งรีบ

อิศรามองดูท่าทีที่เป็นธรรมชาติของเธอ อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ ดูเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งแต่ก็ไม่ใช่คนที่แข็งกร้าว ต่างจากพีรดาที่นั่งรอใช้สมบัติของครอบครัวและบีบให้เขาเอาใจเธอ

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองต้องอยู่ใต้เงาของพีรดาและบิดาอยู่เสมอ และหากไม่ทำก็จะต้องถูกว่าที่พ่อตาบังคับให้เขาขายหุ้นตามสิทธิ์ที่มี เพราะตามข้อกำหนดของบริษัทหากถือหุ้นต่ำกว่าหกเปอร์เซ็นต์ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีอำนาจบังคับซื้อคืนได้

ในตอนแรกนั้นบิดามีหุ้นอยู่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะต้องรักษาโรคมะเร็งจึงต้องทยอยขายหุ้นออกไปจนเหลือแค่ห้าเปอร์เซ็นต์ และเขาจะไม่ยอมเสียหุ้นที่บิดาเคยครอบครองเอาไว้แน่ แม้จะเป็นเพียงแค่ห้าเปอร์เซ็นต์สุดท้าย

ตัวเขาเองไม่กลัวความลำบากแต่ว่าอิศรายังมีมารดาที่ต้องดูแลอีกคนจึงต้องอดทนและยอมตามใจพีรดากับบิดาของเธอเพื่อรักษาตำแหน่งผู้บริหารและหุ้นจำนวนน้อยนิดนั้นเอาไว้

“ผมชื่ออิศรานะครับ เรียกว่าอิศก็ได้” เขาเป็นฝ่ายชวนคุยเมื่อเห็นว่าเธอนั่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว

“เอ่อ ค่ะ ฉันชื่อณิชานะคะ” เธอแนะนำตัวกลับ

หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างเงียบจนกระทั่งถึงจุดหมาย

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความขอบคุณจากใจ ไม่ได้มีการใช้น้ำเสียงยั่วยวนหรือว่าทำให้เขาเข้าใจไปทางเรื่องชู้สาวเลยสักนิด

หัวใจของอิศราเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น แต่ว่ามันคงสายไปหากจะมีใจให้แก่เธอเพราะเขามีคู่หมั้นแล้ว

“นี่นามบัตรของผมนะครับ” เขาหยิบนามบัตรให้เธอ หญิงสาวรับมาแล้วใส่ลงในกระเป๋าก่อนจะหยิบนามบัตรของตนคืนให้แก่เขาบ้าง ก่อนจะหอบเอกสารลงจากรถแล้วรีบเดินเข้าไปในร้านอาหารจีนตรงหน้า

แค่แววตาที่เขามองเธอหญิงสาวพอเดาออกแล้วว่าชายหนุ่มติดกับเข้าอย่างจังแต่ยังคงลังเลอยู่

เธอทิ้งระยะสักพักรอให้เขากลับไปก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกอดเอกสารแนบอกยิ้มด้วยความพอใจ โทรเรียกแท็กซี่ให้มารับกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์

“ถึงคราวฉันเอาคืนเธอบ้างนะดาด้า...แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน” หญิงสาวพึมพำออกมาเสียงเบา แววตาฉาบไปด้วยความโกรธแค้นที่เธอไม่มีวันลืม

************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel