บท
ตั้งค่า

บทนำ

บทนำ

เด็กหนุ่มสวมเสื้อยืดสีส้มกางเกงยีนส์ขาสั้นวัย 16 ปี วิ่งตรงเข้าไปในสวนส้มโออย่างรวดเร็ว มือของเขาถือโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งชูมันขึ้นเหมือนศีรษะ ปากก็ร้องตะโกนเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์เสียงดังลั่น

“พี่พุด......พี่พุด” เสียงของเด็กชายดังไปทั่วบริเวณนั้น และเสียงของเขาทำให้หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานเหมือนภาพวาดของผู้หญิงจีนตามปกหนังสือนิยายสมัยใหม่ สวมเสื้อยืดสีดำและนุ่งเอี๊ยมยีนส์ขายาวตัวโคร่ง ที่นั่งอยู่บนรถตัดหญ้าสีส้มยี่ห้อคูโบต้าคันใหญ่หันมามองเจ้าของเสียงเรียกนั้นทันทีที่ได้ยิน ดวงตาคู่หวานมองคนที่วิ่งตรงมายังเธอด้วยความแปลกใจ

“มีอะไรฟ้าลั่น” เสียงที่หวานเหมือนใบหน้าหันไปถามเด็กชายที่เรียกเธออย่างแปลกใจก่อนจะกระโดดลงมาจากรถตัดหญ้า

“โทรศัพท์ของพี่โทรมาตั้งหลายครั้งแล้ว โทรมาจนปู่ของพี่บ่น เขาเลยให้ผมเอามาให้” ฟ้าลั่นบอกกับลูกพี่อย่างรวดเร็วเพราะถ้าขืนชักช้าอาจจะโดนพุดพิชญาเตะได้ เมื่อพูดจบก็หอบออกมาเพราะต้องวิ่งอย่างรวดเร็วฝ่าแสงแดดที่แรงกล้าอย่างไม่คิดชีวิต

“ใครโทรมานักหนาล่ะ” พุดพิชญาพูดออกมาก่อนที่จะกดดูที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และชื่อที่ขึ้นมาทำให้เธอขมวดคิ้วแปลกใจหนักกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเด็กหญิงที่สวมเสื้อผ้าคล้ายๆกับพุดพิชญาวัย 8 ขวบหน้าตาเหมือนเด็กลูกครึ่งฝรั่งก็วิ่งตรงเข้ามาหาเธออีกคน

“น้าพุด ลุงชายมาหา คุณทวดให้มาตามน้าพุดกลับบ้านค่ะ รู้ไหมคะลุงชายบ่นว่าโทรหาน้าพุดแล้วไม่ยอมรับสายจนต้องมาหาเองถึงที่นี่ พอมาถึงแล้วก็โทรหาน้าพุดต่อ อีกตั้งหลายครั้ง ดีนะที่หนูได้ยินเสียงโทรศัพท์ของน้าพุดดังอยู่ในห้องนอน ทุกคนถึงได้รู้ว่าน้าพุดไม่ได้พกโทรศัพท์” เด็กหญิงบอกอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับที่เด็กหนุ่มที่ชื่อฟ้าลั่นเมื่อสักครู่เท่าไหร่นัก

“เอาหล่ะ พีช กลับบ้านกับน้าพุด ฟ้าลั่น ตัดหญ้าต่อจากพี่ที ตอนนี้พี่ตัดไปเกือบจะเสร็จแล้ว เหลืออีกแค่นิดหน่อยเท่านั้น” พุดพิชญาหันมาบอกหลานสาวและสั่งงานลูกน้องของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที

ภาคิไนยนั่งมองเจ้าสัวแป้นอย่างเกรงใจ ถึงแม้เขาจะเป็นญาติกับคนที่นี่เนื่องจากปู่ของเขาเป็นพี่ชายของเจ้าสัวแป้นและถึงแม้ว่าจะสนิทกันกับทุกคน แต่เมื่อต้องมาอยู่ตามลำพังกับเจ้าสัวเขาก็รู้สึกอึดอัดทุกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าสัวเคยเป็นนักเลงเก่า ถึงท่านจะไม่ว่าอะไรที่เขาเป็นเกย์ แต่ท่านไม่ชอบที่จะให้เขามาแสดงท่าทางหรือแสดงอาการปลื้มผู้ชายต่อหน้า

“เจ้าพุดมันเพิ่งกลับมาได้สองวัน จะพามันกลับไปทำงานอีกแล้วเหรอนี่มันบอกว่าจะอยู่ต่ออีกหลายวันด้วย” ชายชราวัย 80 ถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ถึงแม้อายุจะปาเข้าไป 80 แล้ว แต่ความน่าเกรงขามยังคงมีอยู่ และถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตามแต่ร่างกายของชายชราแข็งแรงเนื่องจากออกกำลังกายเป็นประจำและทานอาหารที่เป็นประโยชน์จึงทำให้ชายชราดูอ่อนกว่าอายุจริงมากมาย

“คือพุดบอกผมแล้วครับว่าจะอยู่บ้านต่ออีกสามสี่วัน แต่มันจำเป็นครับคุณปู่ งานนี้ต้องพุดเท่านั้นที่เป็นคนทำ เดี๋ยวถ้าเสร็จงานนี้ผมจะให้พุดได้พักร้อนยาวหลังจากเสร็จงาน และจะเพิ่มวันให้พุดด้วยครับ” ภาคิไนยบอกอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้เสียงสั่น

“ครั้งที่แล้วก็บอกแบบนี้ ไม่เห็นเจ้าพุดมันจะได้หยุด พอถึงเวลามันก็ต้องมีงานอย่างอื่นมาแทรกตลอด” ชายชราบอกอย่างขัดใจ

“ครั้งนี้จำเป็นจริงๆครับ คนที่เคยเป็นคนติดต่อประสานงานทั้งสองคนเขาไม่ว่างทั้งคู่” ภาคิไนยอธิบายเหตุผล

“ให้มันได้แบบนี้สิ” เจ้าสัวบ่น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะบ่นอะไรต่อ ร่างสูงโปร่งของหลานสาวเจ้าของชื่อพุดพิชญาก็เดินตรงเข้ามาพอดี หญิงสาวยกมือไหว้ภาคิไนยก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆเขาด้วยท่าทางสงบ

“พี่ชายจะมาตามกลับไปทำงานใช่ไหม” พุดพิชญาเอ่ยถามอย่างรู้ทัน ภาคิไนยพยักหน้ารับตรงๆ

“ใช่ ตอนนี้เหลือแกแล้วพุดที่ต้องรับงานนี้ ลินีลาไปงานแต่งเพื่อน และจะเลยไปดูสถานที่ๆใช้ในการถ่ายโฆษณาตัวใหม่ที่ต่างจังหวัดต่อเลย รันต้องไปติดต่องานและเจรจาเรื่องงานกับลูกค้าที่เชียงใหม่คาดว่าน่าจะใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้ก็เหลือแค่แกเท่านั้น” ภาคิไนยบอกญาติผู้น้องของเขาเสียงเครียด รู้สึกปวดหัวที่บรรดาคนที่พอจะพูดคุยกับลูกค้ารายนี้ได้ต่างพากันติดงานไปเสียหมด เหลือแต่พุดพิชญาที่ตอนนี้แอบกลับมาหาปู่กับย่าที่บ้านเท่านั้น อีกอย่างานนี้เป็นงานที่พุดพิชญาถนัด เรื่องการถ่ายภาพนิ่งสำหรับใช้โฆษณาแบบนี้พุดพิชญาติดหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของสายงานด้านนี้

“แสดงว่าลูกค้ารายใหญ่” หญิงสาวคาดเดา ภาคิไนยพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น

“ใช่ รายใหญ่มาก เขาอยากให้เราทำภาพนิ่งสำหรับใช้ในการโฆษณาคอนโด ถ้างานนี้ทำได้ดี มีหวังกำไรครึ่งต่อครึ่ง” ภาคิไนยบอกญาติผู้น้องอย่างตื่นเต้น

“จะให้ทำแผนโฆษณาให้ด้วยสินะ” หญิงสาวถามต่ออย่างรู้ทันเหมือนทุกครั้ง

“ใช่ ก็อย่างที่บอก เพื่อนแกแต่ละคนมีงานที่ต้องแยกย้ายกันไปทำ และแกอยู่ฝ่ายผลิตเป็นส่วนที่สำคัญมากส่วนหนึ่ง งานนี้ต้องแกเท่านั้น ลูกน้องของแกไม่ได้ ฝีมือไม่ถึง ลูกค้ารายนี้ค่อนข้างจะเจ้าเรื่องและเรื่องมาก เขาต้องการงานที่สมบูรณ์แบบและพี่เชื่อว่าแกทำได้” ภาคิไนยพูดจากใจจริง พุดพิชญาเป็นนักผลิตโฆษณาที่เก่งหาตัวจับยากคนหนึ่งในวงการ เธอมีผลงานเด่นๆออกมาตลอด อีกทั้งยังมีแนวคิดที่แปลกและมันมักจะโดนใจลูกค้าทุกครั้ง “พี่อยากให้แกไปคุยงานกับเขา” ภาคิไนยบอกเรียบๆ พุดพิชญาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“ ปกติคนที่ไปพบลูกค้าจะเป็นลินีไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามแต่สักพักก็นึกออกว่ามาลินี หรือลินีเพื่อนร่วมงานของเธอนั้นลาไปงานแต่งงานของเพื่อนเก่าที่ต่างจังหวัด “เออใช่ลินีติดงาน ว่าแต่พี่ชายต้องการให้พุดไปคุยรายละเอียดกับลูกค้าว่าต้องการนำเสนองานของเขาแบบไหนใช่ไหม” ภาคิไนยพยักหน้ารับในสิ่งที่ญาติผู้น้องพูด เจ้าสัวแป้นมองหลานๆของท่านนิ่ง การสนทนาทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในความทรงจำอย่างละเอียด

“เขาตกลงจ้างเราแล้วแต่เขาต้องการรู้แผนงานของเราอย่างละเอียดมากขึ้น พี่เอาเอกสารติดมาให้แกศึกษาด้วยนิดหน่อย ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้แกเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้เลย ลูกค้าเขาอยากคุยกับเราโดยเร็วเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลา” ภาคิไนยบอกตามตรง

“แสดงว่าเจ้าพุดต้องกลับเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้ ให้ตายสิ มันเพิ่งกลับมาได้สองวันเองนะ” เจ้าสัวแป้นบ่นออกมาหลังจากนิ่งฟังมาสักพัก

“ก็มันมีงานนี่คะปู่” พุดพิชญาบอกผู้เป็นปู่อย่างให้เหตุผล

“ฉันน่าจะให้แกกลับมาทำงานที่บ้านมากกว่านะ จะได้อยู่ติดบ้านบ้าง” คนเป็นปู่ยังคงบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้

“ย่าก็อยู่ พี่เพ็ญก็อยู่ น้องพีชก็อยู่นะปู่ งานที่ปู่จะให้ทำก็มีคนทำอยู่แล้ว งานเก็บค่าเช่าแผงที่ตลาดย่าก็ทำอยู่ทุกวัน เพราะว่าย่าไปขายขนมที่นั่น งานที่สวนส้มก็มีคนงาน งานที่โรงสีพี่เพ็ญก็ช่วยคุมอยู่ หนูอยู่ก็ช่วยได้แค่ตัดหญ้าที่สวนหรือไม่ก็ช่วยย่าทำขนมเท่านั้นเอง อีกอย่างย่ามีคนช่วยเป็นสิบ” พุดพิชญาเถียง

“เออ แกอยากไปก็ไปเถอะ ฉันจะไปว่าอะไรแกได้ แกมันหลานบังเกิดเกล้า หลานเทวดา ฉันตามใจแกมาตั้งแต่เด็กแล้ว โตขึ้นจะไม่ตามใจมันก็แปลก” คนเป็นปู่บอกอย่างอดไม่ได้ ท่านรักและตามใจหลานมาตั้งแต่เด็กๆเพราะต้องการทดแทนสิ่งที่หลานๆขาดไปคือพ่อกับแม่ เพ็ญพิสุทธิ์และพุดพิชญากำพร้าตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบเลยด้วยซ้ำ ลูกชายกลับลูกสะใภ้ของเขาประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินทั้งคู่ดังนั้นหน้าที่ดูแลหลานทั้งสองคนจึงตกมาเป็นของท่านและภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างนางยิ้ม และถึงจะมีลูกหลายคนแต่ เพราะลูกๆของเขาก็ต่างมีครอบครัวเป็นของตัวเองดังนั้นท่านกับภรรยาจึงเต็มใจรับอุปการะหลานสาวทั้งสองด้วยความเต็มใจ“ย่าแกบ่นแน่ๆ รายนั้นรักแกมาก คิดถึงแกมากด้วย เพิ่งกลับมาแค่สองวันและจะกลับไปอีก มีหวังแกโดนบ่นยาวแน่เจ้าพุด” เจ้าสัวชรายังคงบ่นอย่างอดไม่ได้ และเขาก็มั่นใจว่าภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขาจะต้องบ่นมากกว่าเขาหลายเท่าเลยทีเดียว

“คุณปู่ก็ช่วยพูดให้หน่อยสิครับ” ภาคิไนยเสนอแนะ เจ้าสัวแป้นหลิ่วตามองหลานชายอย่างหมั่นไส้

“แกมันตัวดีเจ้าชาย ขยันหางานมาให้น้องทำในช่วงที่มันหยุดตลอด นี่ถ้าพี่ชายฉันอยู่ตรงนี้ฉันจะฟ้องปู่แกว่าแกทำอะไรกับฉัน” เจ้าสัวชราบ่นแต่ก็ไม่จริงจังนัก ภาคิไนยมองหน้าญาติผู้ใหญ่ของเขาอย่างเกรงๆและพยายามหาข้อแก้ตัว

“ก็งานมันชอบเข้ามาช่วงนี้นี่ครับ มันเหนือการควบคุม และงานนี้พุดมันก็เก่งหาตัวจับยากอยู่นะครับ แถมเงินดีอีกต่างหาก” ภาคิไนยบอกชายชราที่มีศักดิ์เป็นปู่พร้อมทั้งส่งยิ้มให้อย่างประจบ

“เงินมันไม่ได้สำคัญมากหรอกนะเจ้าชาย ที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เจ้าพุดมันสบายไปทั้งชาติโดยไม่ต้องดิ้นรนแล้ว แต่เจ้าหลานคนนี้มันประเภทชอบลุยไม่ชอบอยู่กับที่ เอาเถอะ ยังไงคืนนี้ก็หาทางบอกย่าแกเองแล้วกัน” ชายชราบอกอย่างอ่อนใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel