บทที่ 10
ก๊อก! ก๊อก!
“อาม่าครับ ผมเวกัสนะครับ” ชายหนุ่มตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านใน
“อ้อ! เข้ามาสิ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูของหญิงชราดังโต้ตอบกลับมา ทำให้คนที่รอฟังอยู่เปิดประตูเข้าไปทันควัน
“สวัสดีครับอาม่า” เวกัสทักทายหญิงชราอย่างสนิทสนม ก่อนจะดึงคนตัวเล็กเข้ามายืนอยู่ข้างเขา
“สวัสดีค่ะ”
“อ่า… หินมันเลือกเจ้าของได้แล้วหรอเนี่ย ดีๆ มันเลือกให้สวยถูกใจเลยล่ะสิ คิกๆ” หญิงชราบอกกลั้วหัวเราะ แล้วใช้สายตาเป็นประกายวิบวับจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ “ยินดีด้วยนะ หินศักดิ์สิทธิ์ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”
“หินศักดิ์สิทธิ์ ?” ไอริทวนคำพลางใช้มือลูบคลำจี้หิน และมันก็ส่งไอเย็นๆ ผ่านมือของเธอ จนหญิงสาวสะดุ้งเบาๆ
“มันกันกระสุนได้” ชายหนุ่มว่าพลางชี้ให้เจ้าของหินตัวจริงดู
“ได้สิ ไม่งั้นฉันจะเรียกมันว่าหินศักดิ์สิทธิ์เรอะ!”
“แล้วนอกจากกันกระสุนได้แล้ว หินนี่มันทำอะไรได้อีกบ้างคะ ?” คราวนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง เพราะเธอรู้สึกแปลกใจในบทสนทนาระหว่างเวกัสกับหญิงชราตรงหน้า
“หน้าที่หลักๆ ของมันก็คือการจับคู่” ผู้เป็นย่าของอ้ายหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นรูปถ่ายของท่านกับสามีให้คนทั้งคู่ดู
“มันจับคู่ให้ฉันกับปู่ของอ้ายหลินน่ะ”
สองหนุ่มสาวรับรูปถ่ายเก่ากึกมาดูอย่างงุนงง และสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับจี้หินที่ผู้หญิงในภาพถ่ายสวมอยู่
“แปลว่าไอริเป็นเนื้อคู่ของผมหรอครับ ?” เวกัสถามขึ้น และแสดงความดีใจออกมาทางสีหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“ฮ่าๆ คิดว่ายังไงล่ะ ?” ย่าของอ้ายหลินย้อนถามด้วยสีหน้ามีเลศนัย
“บางที… มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ”
“อ่อหรอ ?”
“อาม่าอย่าแกล้งผมเลยน่า สรุปว่าหินนี่มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรอ แล้วมันทำมาจากอะไรกันแน่ ทำไมลูกกระสุนถึงค้างเติ่งอยู่แบบนี้” คนตัวโตว่าพลางชี้ไปยังก้อนหินที่หญิงสาวข้างตัวสวมอยู่อีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ถ้าอยากรู้คงต้องไปถามคนตายเอาแล้วล่ะ หินนี่น่ะปู่ของอ้ายหลินเขาให้มา เห็นว่าได้มาจากแถวๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเชียวนะ ส่วนเรื่องความศักดิ์สิทธิ์… อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผู้เป็นเจ้าของหินคนเก่าตอบติดตลก พลางไว้ไหล่ใส่คนฟังด้วยท่าทีกวนๆ
“เด็กๆ สมัยนี้นี่นะ บอกอะไรก็เชื่อๆ หน่อยเถอะ”
“เอ่อ… แต่หนูว่ามันไม่น่าจะศักดิ์สิทธิ์หรอกค่ะ เพราะว่าเราสองคนไม่ได้รักกัน มันก็แค่ความบังเอิญ” ไอริที่เงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น ในขณะที่มือเล็กก็ลูบหินนั่นไปด้วย
“เฮ้อ… ถ้าอย่างนั้นแม่หนูจะเอาคืนมาก็ได้นะ” หญิงชราว่าพลางแบมือออกไปรอรับ
“ไม่ได้นะครับ!” เวกัสรีบแทรกขึ้น ก่อนจะขยับมายืนคั้นกลางระหว่างคนทั้งคู่เอาไว้ “อาม่าให้ผมแล้วจะมาเอาคืนได้ยังไงกัน ขี้ตู่!”
“เชอะ! ก็พ่อหนุ่มกับแม่หนูนี่ไม่เชื่อในพลังความศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่ใช่หรอ ต่อให้ของชิ้นนั้นจะมีราคาค่างวดขนาดไหน ถ้าเจ้าของมันไม่เห็นคุณค่า มันก็ย่อมไร้ค่าในสายตาของเขาอยู่วันยังค่ำ” คนอาวุโสที่สุดพูดขึ้น
“อ่า… ผมแค่อยากรู้ว่าไอริเป็นเนื้อคู่ของผมหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อสักหน่อย น้อยใจเป็นคนแก่ไปได้นะครับอาม่า” เวกัสแกล้งกระเซ้าคนแก่ ทำให้เขาถูกท่านส่งค้อนประหลับประเหลือกมาให้
“เอ่อ… แต่ฉันไม่เชื่อ” ไอริแย้ง
“ก็ไม่ได้บังคับให้เชื่อสักหน่อย” เวกัสบอก ก่อนจะถือวิสาสะเกี่ยวเอวบางเข้ามาไว้ข้างตัวอย่างแนบแน่น “ผมกำลังจะแต่งงานครับ เรียนเชิญอาม่าล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
“ฉันบอกแล้วไงว่ายกเลิก ฉันไม่แต่งแล้ว” คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังลั่น
“อยากโดนจับคลุมถุงชนกับพี่ชายบุญธรรมหรือไง ?”
“ไม่อยาก แต่ฉันไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่นายมาแต่งด้วยก็ได้นี่ ปล่อยนะ!” ไอริดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทว่าชายหนุ่มได้เปรียบตรงที่เขามีแรงเยอะกว่าเธอ
“ไม่ปล่อย มาขอผมแต่งงาน แล้วจะเบี้ยวกันง่ายๆ ได้ไงหะ”
“นายเป็นบ้าหรอ คิดซะว่าฉันพูดเล่นก็แล้วกัน”
“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากเป็นคนเนรคุณ”
คนเจ้าเล่ห์พูดขึ้นหน้าตาย ก่อนที่เขาจะกระหน่ำหอมแก้มเธอซ้ายทีขวาทีไม่ยั้ง แต่คนตัวเล็กก็ยังคงดิ้นหลบอย่างเอาเป็นเอาตาย และข่วนหน้าเขาไปหลายแผล...
