บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

บ้านประเสิร์ฐอนันตกุล ขอมอบให้นายทิวา บุตรชายของข้าพเจ้าและนางสาวนับดาว ภรรยาของข้าพเจ้า ทั้งสองมีสิทธิ์ในบ้านเท่าเทียมกัน

หุ้น 19 % ของอนันตกุลกรุ๊ป มอบให้นายทิวา

สังหาริมทรัพย์ดังต่อไปนี้....ขอมอบให้นายทิวา....

อสังหาริมทรัพย์ดังต่อไปนี้...ขอมอบให้นายทิวา...

ทิวาไม่ได้กลับมาเพื่อมาเจอกับพินัยกรรมแบบนี้ ‘นับดาว’ ใครกันว๊ะ! ทรัพย์สมบัติของตระกูลถูกหั่นแบ่งเป็นสามส่วน ในพินัยกรรมฉบับนี้เอ่ยถึงแต่ในส่วนของเขากับแม่เขาเท่านั้น และชื่อผู้หญิงที่เขาได้ยินเป็นครั้งแรก ปรากฎอยู่ในพินัยกรรมเพราะเธอถือสิทธิ์ครองบ้านประเสิร์ฐอนันตกุล ร่วมกับเขา

“ทำไมวันนี้คุณแม่อีกคนของผมถึงไม่มาร่วมรับทรัพย์สมบัติชิ้นนี้ด้วยล่ะครับ”

“เงื่อนไขในพินัยกรรมไม่ได้ระบุว่าคุณนับดาวจำเป็นต้องมา” ประธานแถลงข้อข้องใจ

“ตกลงก่อนตายเนี่ย พ่อมีเมียกี่คนกัน!!” ทิวาเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด แต่คำเกรี้ยวกราดนี้ไม่มีคำตอบกลับใดๆ ของประธาน

“ทิวา หลานเป็นผู้ถือสิทธิ์หุ้นที่มากที่สุด อำนาจบริหารเป็นของหลานอย่างชอบธรรม ธุรกิจที่อยู่ภายใต้อนันตกุลกรุ๊ป หลานเป็นผู้มีสิทธิขาด” ประธานบอกเท่านั้นและขอตัวกลับเมื่อตนทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว

เพล้งงงงง เมื่อประตูรั้วที่ถูกเปิดส่งแขกและถูกปิดลงอีกครั้ง เครื่องแก้วบนโต๊ะยาวก็ล่วงหล่นกระทบพื้นหินอ่อนแตกกระจัดกระจายด้วยน้ำมือประมุขของบ้าน

ตุ๊บ! “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร...นับดาว” เสียงลอดไรฟันเย็นยะเยือก เปล่งออกมาเพียงแค่คนข้างกายเท่านั้นที่ได้ยิน

รัศมีเองก็ไม่อยากยอมรับกับพินัยกรรมฉบับนี้ เธอที่เป็นภรรยาคนแรกที่แม้หย่าร้างไปนานแล้ว แต่เธอก็เป็นแม่ของลูกชายที่เป็นทายาท เธอกลับได้รับเพียงเงินห้าล้านบาทกับพื้นที่ตลาดที่มีรายได้จากค่าเช่าที่เดือนละไม่กี่แสนเท่านั้น ต่างกับผู้หญิงที่ชื่อนับดาวที่เป็นใครกัน...และสมบัติอีกสองส่วนที่รายละเอียดเธอเองก็ไม่ชัดเจนนัก ตอนนี้มันถูกยกให้ใครกันเล่า...รัศมีเองก็อยากรู้ไม่ต่างกับลูกชาย

“คุณแม่ไม่ระแคะระคายเรื่องผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลยเหรอครับ” รัศมีผ่อนลมหายใจ เดินอย่างระมัดระวังเข้าไปใกล้ลูกชาย เพราะพื้นเต็มไปด้วยเศษแก้วมากมาย

“อิทธิพลของคุณพ่อ คนอย่างแม่ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาหรอกนะ และชื่อนี้แม่ก็พึ่งได้ยินครั้งแรกพร้อมกับลูก” ทิวาเข้าใจดี

“แม่ย้ายกลับมาอยู่กับผมที่นี่นะครับ” รัศมียิ้มและเข้าไปโอบไหล่บุตรชาย เธอกับลูกไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่ทั้งสองเดินออกจากบ้านหลังนี้ ทั้งๆที่เธอต้องการอยู่ดูแลลูกชาย แต่เพราะคำสั่งของเทวัญที่ต้องการให้ลูกชายของตนซมซานกลับเข้าบ้านอีกครั้งนั้น เธอจึงไม่กล้าและครอบครัวของเธอเทียบชนชั้นทางสังคมกับเทวัญไม่ได้เลย เมื่อเขาสั่งมีหรือว่าเธอจะขัดได้ ไม่งั้นพ่อกับแม่ของเธอต้องเดือดร้อนเป็นแน่

“แม่จากที่นี่ไปนานแล้ว ทุกอย่างดูแปลกตาสำหรับแม่ไปหมด” ทิวามองแม่อีกครั้งและยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าแม่ต้องการอะไร

“ก็ได้ครับแม่ ผมรู้ว่าแม่ชอบการเดินทาง แต่แม่ต้องสัญญานะครับว่าเมื่อไหร่ที่แม่อยากพักและอยากหยุด แม่ต้องคิดถึงผม คิดถึงบ้านหลังนี้” รัศมียิ้มและโอบกอดลูกชาย

“ขอบใจมากทิวา ทั้งๆที่แม่...”

“ไม่เอาครับแม่ เราไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจครับ”

“แล้วลูกจะเอายังไงต่อ”

“ผมก็…” ทิวาทอดสายตาไปทั่วห้องรับแขกที่โอ่งโถง “อยู่ที่นี่...แต่ไม่ได้อยู่เพื่อรอคอยเจ้าของบ้านอีกคนเดินเข้ามา...ผมจะต้องสืบหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอก่อนที่...มัน...จะรู้ตัว” แววตาของทิวาเปลี่ยนไปอีกครั้ง

รัศมีรู้สึกไม่สบายใจอยู่เงียบๆ คนที่เกิดมาเพียบพร้อมอย่างเทวัญ และประสบความสำเร็จในชีวิต แม้จะไร้ตัวตนไปแล้วแต่คนอย่างเทวัญถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว ยากนักที่ใครจะขัดขวางได้ แล้วนี่เขาทำอะไร...

ทิวาจะรู้ตัวไม่นะ ว่าเขาเหมือนพ่อของเขาเหลือเกิน “ทิวา ลูกจะเข้าบริษัทไม่ใช่เหรอลูก” รัศมีเปลี่ยนเรื่อง

“ครับ”

“งั้นลูกไปเถอะ เดี๋ยวเรื่องตรงนี้แม่จัดการให้จ่ะ” ทิวาก้มมองพื้นที่เกลื่อนกลาดไปด้วยเศษแก้วมากมายก่อนจะเดินออกไป

ก็อก ก็อก ก็อก

“ดาว...นับดาว นี่กี่โมงแล้ว ทำไมยังไม่ตื่น เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”

“แม่...วันนี้ที่คณะเขารับน้อง หนูจะไปหรือไม่ไปก็ได้”

“แล้วทำไมลูกถึงจะไม่ไป”

“ก็หนูอยากนอนต่อ...” เฮ้ยยย เสียงถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนที่ฝีเท้าจะเดินห่างประตูไป หลังจากนั้นนับดาวก็เข้าสู่นิทราต่อได้อย่างไม่ยากเย็น

“ตื่นแล้วเหรอ” ประภาเอ่ยกับบุตรสาวที่เดินหน้าแป้นเข้ามาหา

“จ่ะแม่จ๋า” นับดาวเดินไปนั่งข้างกายแม่ และยื่นมือไปหยิบมีดขนาดเล็กช่วยแม่ปอกเปลือกกล้วย เพื่อเตรียมทำกล้วยบวชชีส่งให้กับโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน

“แล้วไม่ไปหาอะไรกิน”

“เดี๋ยวก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวขนมไปส่งไม่ทัน”

“สรุปว่าวันนี้ไม่ไปมหาลัย...” นับดาวส่ายหน้า

“หนูเปล่าขี้เกียจนะ ปีสุดท้ายแล้ว หนูต้องฝึกงาน แม่ลืมไปแล้วเหรอจ่ะ”

“ดีแล้ว มีคุณต้องทดแทน” นับดาวยิ้มหวานและตั้งหน้าตั้งตาช่วยประภาจนกล้วยที่เตรียมไว้ได้ลงไปอยู่ในหม้อขนาดใหญ่บนเตาถ่าน ประภาก็ไล่บุตรสาวไปหาอะไรกิน

“จ่ะ เดี๋ยวหนูไปส่งขนมเองและจะรอรับตาหนูกลับมาเลย”

รถเข็นเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ในตรอกซอยขนาดเล็ก “ตาหนู นั่งลง” นับดาวปรามเด็กชายผิวขาวตัวน้อยที่อยากจะลุกขึ้นยืนบนรถเข็นขนาดเล็กอยู่หลายครั้ง

“ผมปวดฉี่” นับดาวอ้าปากค้าง และหยุดลงเบียดเข้าข้างทาง

“ทนไปถึงบ้านไม่ได้เหรอ” เด็กน้อยส่ายหน้า “ถ้างั้นหันหน้าเข้ากำแพง” เด็กน้อยก็ยังส่ายหน้าอีกครั้ง จะย้อนกลับไปที่โรงเรียนก็ดูจะไม่ใช่ทางออกที่ดี “ข้างทางเถอะนะ”

“ผมไม่ใช่สุนัข” นับดาวกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

“แล้วจะเอายังไง บ้านก็ยังอีกไกล” พรึ่บ! แขนเล็กๆยกขึ้นชี้ไปยังรั้วสีเขียว นับดาวยิ้มพร้อมหลี่ตามองเทวา เด็กน้อยตรงหน้า “ร้ายนักนะ” บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเด็กผู้หญิงที่เรียนอยู่ที่เดียวกันกับเทวา แต่เด็กคนนั้นเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสองในขณะที่เทวาพึ่งอยู่เตรียมอนุบาล

“เด็กคนนั้นยังไม่เลิกเรียนเลยไม่ใช่เหรอ” เทวายักไหล่ นับดาวตามความคิดเด็กน้อยตรงหน้าไม่ทันเลยจริงๆ แต่ก็เดินไปกดกริ่ง ไม่นานคุณยายเจ้าของบ้านก็เดินออกมา

“คุณยาย ดาวเองค่ะ”

“อ้าวดาว...มีอะไรเหรอลูก”

“คือหนูอยากรบกวนขอใช้ห้องน้ำหน่อยค่ะ พอดีตาเทวา...” นับดาวไม่ต้องเอ่ยอะไรต่อ คุณยายก็รีบเปิดประตูให้และเชิญให้ทั้งสองเข้ามาในบ้านอย่างใจดี

นับดาวช่วยจนเทวาเสร็จธุระในห้องน้ำ แต่ทันทีเมื่อเทวาออกจากห้องน้ำเขากลับวิ่งไปอีกฟากของบ้าน ตรงนั้นมีชุดโต๊ะเก้าอี้ขนาดเล็กน่ารัก น่าจะเป็นโต๊ะทำการบ้านของหลานสาวของคุณยาย นับดาวเห็นว่าเทวาล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากเป้ใบเล็กของตนเองและวางไว้บนโต๊ะ

“อะไรเหรอ...เมื่อกี้นี่” นับดาวเอ่ยถามอย่างอยากรู้เมื่อทั้งสองออกจากบ้านคุณยายและเดินกลับมาที่รถเข็นของตน

“ยางลบเมอร์เมด” นับดาวร้องอ้อ ที่แท้วันก่อนที่ไปตลาดด้วยกัน เทวาร้องขอให้เธอซื้อมันมา และนับดาวก็เริ่มเข้าใจเพราะชุดโต๊ะการบ้านนั้นก็เป็นลายเมอร์เมดเช่นกัน “ร้ายกาจ” นับดาวยิ้มออกมาอย่างขบขัน เทวาแค่ยกยิ้มเล็กน้อยและหันไปสนใจถนนข้างหน้าในทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel