ตอนที่ 8
“คุณ...เอ้อ...” คุณจีราพรอึกอัก ไม่รู้จะเรียกหญิงสาวตรงหน้าว่าอย่างไรดี
“ขวัญค่ะ ขวัญฟ้า ทวิชากร ค่ะ”
“ค่ะ คุณขวัญฟ้า นี่คือห้องของท่านประธานกรรมการผู้บริหารของบริษัทนี้ ท่านจะเป็นผู้สัมภาษณ์คุณด้วยตัวเองค่ะ”
คำกล่าวนั้นนำมาซึ่งความแปลกใจ ไม่ใช่แค่คนจะถูกสัมภาษณ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนที่เพิ่งรับคำสั่งอย่างคุณจีราพรด้วย เมื่อหล่อนได้โทรมาแจ้งกับ ระพีวิชญ์ ว่ามีคนมาสมัครงานตามที่เขาสั่งไว้
‘ถ้าวันนี้มีใครมาสมัครงาน โทรมาแจ้งผมด้วยนะครับ’
แต่คำตอบกลับมาของท่านประธาน ทำให้หล่อนถึงกับอึ้งกิมกี่
“พาเธอขึ้นมาที่ห้องผมได้เลย ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง”
ท่านประธานรู้ได้ยังไง?...ว่าจะมีคนมาสมัครงาน แถมยังรู้ซะด้วยว่าคนสมัครเป็นผู้หญิง?
แต่คุณจีราพรก็ไม่ได้ถามอะไร คำสั่งก็คือคำสั่ง และบัดนี้หล่อนได้ทำตามคำสั่งนั้นแล้ว ถือว่าหน้าที่ของหล่อนเสร็จสมบูรณ์ ที่เหลือคือหน้าที่ของหญิงสาวตรงหน้าต้องรับมือเอง...
“ก๊อกๆ”
“เชิญครับ” เมื่อประตูเปิด ภาพที่ปรากฏตรงหน้าขวัญฟ้า คือ...
ห้องทำงานสีฟ้าอ่อนๆจนเกือบเป็นสีขาว ผนังด้านหนึ่งติดกระจกบานใหญ่ ส่วนอีกด้านมีชุดโซฟาไว้สำหรับรับรองแขก พื้นบุด้วยพรมอย่างดีเลิศ สีเข้มลวดลายหรูหรา ทำให้ห้องดูกว้างขวาง โอ่อ่าสมกับฐานะของ ท่านเจ้าของห้อง เฟอร์นิเจอร์เครื่องตกแต่งทุกชิ้นดูดี มีราคาอย่างที่น่าจะ...แพงระยับ... ซึ่งของบางชิ้นหล่อนพอจะดูออกว่าเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีขายในเมืองไทย แต่ที่น่าสังเกตคือของทุกชิ้นมีโทนสีร้อนแรงที่ตัดกับสีของผนังห้องอย่างน่ากลัว ทว่าคนออกแบบกลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูกลมกลืนลงตัวกับห้องแห่งนี้ได้อย่างน่าทึ่ง บ่งบอกถึงความมีรสนิยมสูงของเจ้าของห้อง
นี่เป็นห้องทำงานที่ดูเรียบง่าย หากก็หรูหราเกินกว่าที่ขวัญฟ้าคิดมาก ไม่น่าเชื่อ...
ไม่น่าเชื่อ ว่านี่คือห้องที่...นายปีศาจ...นั่นทำงานอยู่
กลางห้องมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งขณะนี้มีแฟ้มเอกสารกองพะเนินเป็นภูเขาขนาดย่อมๆ ด้านซ้ายเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และสารพัดเครื่องเขียนและเศษกระดาษที่วางระเกะระกะดูไม่เป็นระเบียบนัก
หากแต่... ขวัญฟ้ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของห้อง เพราะตอนนี้เก้าอี้ท่านประธานหันหลังให้ประตูอยู่
“ท่านประธานคะ ดิฉันพา... เอ่อ...มาแล้วค่ะ” คนพูดไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบอกว่าคนที่ตนพามาพบคือใคร
ขวัญฟ้าสูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ไม่เข้าใจตัวเอง จะกลัวอะไรนักหนา หากเขาไม่รับก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา ตัวหล่อนเองคงไม่ถึงกับต้องอดตายหรอกน่า...
เก้าอี้ของท่านประธานค่อยๆ หันมาช้าๆ ขวัญฟ้า กลั้นหายใจตื่นเต้น แสงแดดจ้าที่สะท้อนจากหน้าต่างเบื้องหลังทำให้หล่อนมองไม่ถนัด ภาพที่เห็นจึงคล้ายกับว่ามีรัศมีเจิดจ้าเปล่งประกายออกมาจากตัวคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวนั้น และเมื่อตาเริ่มปรับแสงสว่างได้...
“ตุ้บ...”
เสียงกระเป๋าเอกสารที่หล่อนถือมาด้วยร่วงกระจายกับพื้น พร้อมกับหัวใจที่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม นัยน์ตาสวยเบิกกว้าง ใบหน้านวลเปลี่ยนจากสีชมพูอ่อนๆเป็นสีขาวซีดแล้วค่อยกลับแดงจัด หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงพรึงเพริศสุดชีวิต...แข้งขารู้สึกอ่อนแรงจนร่างระหงซวนเซ แทบจะไม่สามารถพยุงตัวเองไว้ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักมวยที่ถูกน็อกร่วงไปนอนนับดาว...
งานเข้าแล้วไอ้ขวานฟ้า!!
“นะ...นะ...นาย ”ริมฝีปากบางพึมพำแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
เป็นไปได้ยังไง...
ทำไม...ทำไมหล่อนถึงไม่...ไม่เฉลียวใจซักนิดนะ
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ขวัญฟ้าแอบสะดุ้ง หันไปมองผู้หญิงข้างๆ ที่กำลังจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งหล่อนเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร หากอีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่รู้ซะนี่
เวรกรรม!
เมื่อประตูปิดสนิทลง บรรยากาศในห้องก็เข้าสู่ภาวะเงียบงันเหมือนป่าช้า คนบอกจะสัมภาษณ์หล่อนกลับทำเป็นไม่สนใจคนที่เขาจะสัมภาษณ์ซักนิด ไม่แม้แต่จะเชิญหล่อนให้นั่งลงด้วยซ้ำ จะพูดให้ถูกคือเขาแทบไม่ชายตาแลหล่อนเลยต่างหาก...
ไอ้คนไร้มารยาทเอ้ย!
