บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

แสงแดดจ้าแทรกตัวผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีหวานสะท้อนเข้าตาทำให้หญิงสาวรีบพลิกหน้าลงซุกกับหมอนทันที มือและขากอดกระชับหมอนข้างแน่นราวกับไม่อยากจะหลุดจากห้วงแห่งนิทรารมย์แม้แต่วินาทีเดียว ทว่าแม้เจ้าหล่อนจะหลีกหลบอย่างไรก็ไม่พ้นอยู่ดี นัยน์ตาสวยหรี่ปรือ แพขนตางอนกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสงสว่างรอบกายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภาพห้องนอนที่แปลกตาทำให้หล่อนงุนงงไปชั่วขณะ

“ที่ไหนกันนะ” หากเมื่อสมองเริ่มทำงาน ริมฝีปากงามก็เผลอแย้มยิ้มละมุนละไม “อ๋อ...คอนโดยัยเชอร์รี่นั่นเอง” เมื่อได้คำตอบแล้ว ไม่นานคำถามใหม่ก็ตามมาอีกเป็นชุด

“แล้วเรามาทำอะไรอยู่ที่คอนโดยัยเชอร์รี่ล่ะ...”

“แล้วตอนนี้ยัยเชอร์รี่เพื่อนรักอยู่ไหนล่ะเนี่ย...” คราวนี้กลับไม่มีคำตอบ ขวัญฟ้ารีบผวาจากเตียงทันที

“เชอร์รี่จ๋า...เชอร์รี่...ยัยเชอร์รี่...ไอ้เชอร์รี่เน่า!” ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนสาว ขวัญฟ้าหันไปมองนาฬิกาปลุกที่ตั้งไปบนหัวเตียงที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบ 10 โมง”

จำได้ว่าก่อนจะนอน หล่อนจัดการตั้งเวลาปลุกไว้ที่ 7 โมงตรงนี่นา ม่านหน้าต่างทุกบานรูดปิดหมด จะมีก็เพียงรอยแยกนิดๆเท่านั้น จึงทำให้ไม่รู้ว่าข้างนอกสว่างแล้วหรือยัง...หรือว่า... นี่หล่อนจะถูกเพื่อนตัวดีเล่นงานให้ซะแล้ว!

มอนิ่งจ้า...ตัวยุ่ง...

ขอโทษที่ไม่ได้ปลุก เห็นแกนอนสบายเลยไม่อยากรบกวน

อ้อ! อาหารสดอยู่ในตู้เย็นนะทำกินได้ตามใจชอบ แต่ถ้าขี้เกียจล่ะก็ ...

มาม่ากับปลากระป๋องอยู่ในตู้กับข้าว เชิญคุ้ยเขี่ยได้ตามสบายเลย

แล้วเมื่อกี้ป๋าแกโทรมา สั่งให้โทรกลับด้วย อย่าลืมล่ะ

ไว้เย็นๆเจอกันนะจ๊ะ บ๊าย...บาย...

ปล. จงล้มเลิกความคิดที่จะเป็นคุณเลขาของบอสฉันซะเถอะ

ถ้าแกยังอยากมีชีวิตที่สดใส แข็งแรงและร่างกายครบ 32 ส่วนอยู่

รักนะจ๊ะ

-เชอร์รี่-

ขวัญฟ้า มองกระดาษแผ่นน้อยที่เจ้าของห้องเอามาติดที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง อยากจะกรี๊ดให้สลบ กับความแสบของเพื่อนรัก ทว่ามันกรี๊ดไม่ออกเพราะขำมากกว่า ชาริณี คงแอบย่องออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ เพื่อกันไม่ให้หล่อนได้ตามไปสมัครงานด้วยแหงๆ เท่านั้นไม่พอเจ้าเพื่อนตัวดียังอุตส่าห์ช่วยเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาปลุกเพราะกลัวมันเผลอทำหล่อนตกใจตื่นก่อนเวลาอันสมควรตื่นซะด้วย

‘หนอยแน่ะ...แสบนักนะ...ไอ้เพื่อนตัวดี ดันมาหักเหลี่ยมโหดหนีเอาตัวรอดกันซะงั้น คิดเหรอ....ว่าแกจะล้มเลิกความคิดฉันได้ ยังไงซะวันนี้ ฉันก็จะไปสมัครที่บริษัทแกจนได้ คอยดูนะไอ้เชอร์รี่เน่า คอยดู ฉันจะต้องเป็นคุณเลขาคนใหม่ของเจ้านายใหญ่แกให้ได้ คอยดูนะ...นายปีศาจร้าย...เราต้องได้เห็นดีกันแน่ คอยดู๊...’

รถสปอร์ทสีดำสุดหรูแล่นกระตุกๆ ก่อนดับวูบไปดื้อๆ ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี และเมื่อสารถีรูปหล่อแต่ตอนนี้หน้างอเป็นม้าหมากรุก พยายามสตาร์ทรถอีก รถเจ้ากรรมก็ไม่ยอมติดอีก เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวจึงทำให้รถคันหลังต้องก็บีบแตรไล่ดังสนั่นลั่นถนนตามธรรมเนียมของคนเมืองกรุง

“บ้าชิบ” เขาสบถอย่างอารมณ์เสียสุดๆ ก่อนลงจากรถเพื่อมาตรวจเช็คเครื่องยนต์

เมื่อฝากระโปรงรถเปิด ควันขาวก็ฟุ้งตลบออกมาทันที ระพีวิชญ์ ทำหน้ายุ่ง หากเป็นงานบริหารที่ยากแสนยาก หรือ ยุ่งเหยิงแบบสุดๆ แล้วล่ะก็ เขาจะไม่หวั่น ไม่ว่าซักคำ แต่จะให้เขามานั่งซ่อมเครื่องยนต์กลไก แม้จะเป็นแบบง่ายๆก็เถอะ ต้องขอบอกว่า ‘จนปัญญา’ ไม่ถูกโรคกันจริงๆ แต่เมื่อเปิดฝากระโปรงรถแล้วจะให้ปิดเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยก็คงกระไรอยู่ เขาจึงจำใจต้องทำเป็น ก้มๆเงยๆ ลองจับสายนั่นคลำสายนี่สำรวจไปเรื่อยๆ มือไม้ดำเขรอะไปก่อนตามเรื่อง จนกระทั่ง…

“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงสวรรค์ เอ้ย! เสียงตำรวจจราจรดังขึ้นข้างตัว ทำให้เขาใจชื้นขึ้นนิดหน่อย

“รถผมเสียครับ ไม่หัวเทียนบอด หรือน็อตหลุด ก็คงเป็นเพราะเบรกแตก หรือไม่หม้อน้ำมันคงร้อนจัดเกินไปจนรั่วรึเปล่าไม่ทราบ…” ตำรวจจราจรทำหน้างงสุด ๆ พลางนึกในใจ

‘ตกลงคุณจะให้รถคุณเป็นโรคอะไรกันแน่เนี่ย ...’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel