ตอนที่2. หลบหน้า
“น้องหมิว...” ก้องภพพึมพำขึ้นมาแล้วหันไปพูดกับเขมิกาคนรักของเขา “พี่ไปดูน้องหมิวสักเดี๋ยวนะ”
“ไปเถอะค่ะ” เขมิกายิ้มให้ เธอรู้จักธีรยาหรือหมอหมิวจากปากของคนรักเพราะเขามักชอบเล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟังบ่อยๆ และเคยพูดคุยกับธีรยาอยู่บ้าง ‘ผู้หญิงด้วยกันย่อมดูออก’ ว่าสายตาที่ธีรยามีต่อก้องภพมากกว่าพี่น้องอย่างที่ก้องภพพูด แต่เธอเชื่อใจคนรัก ธีรยาเองก็ไม่เคยแสดงท่าทีเกินเลยกับก้องภพ ทำให้เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้ไม่ลง
ธีรยาเห็นก้องภพโบกมือให้ แต่เธอไม่พร้อมที่จะยิ้มให้เขาจึงตั้งใจลุกออกมาและกลับห้องพักที่อยู่โรงแรมเดียวกับที่สัมมนาและจัดเลี้ยง ทว่าเพราะดื่มเข้าไปมากแต่ละก้าวจึงไม่มั่นคงนัก เธอกำลังจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์แต่ร่างไปชนเข้ากับใครบางคนอย่างไม่ตั้งใจ
“ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวพูดกับอกเสื้อสูทเนื้อดีและกลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่รู้จักแต่มันแสนเย้ายวนจนทำให้เธอต้องค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเป็นจังหวะเดียวกับชายหนุ่มก้มหน้าลงมองเธอ มือใหญ่จับไหล่ประคองไว้ไม่ให้ล้มลง
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ตามองใบหน้ารูปไข่ที่ไม่ได้แต่งหน้า แม้สวมแว่นตาแต่เห็นดวงตาคู่สวยได้ชัดเจน ริมฝีปากฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำที่เดาได้ว่าเป็นค๊อกเทลเพราะมีกลิ่นจางๆ จากลมหายใจอุ่นร้อน
“หมิว...”
เสียงคุ้นเคยทำให้ธีรยาสะดุ้งแล้วเผลอดึงเสื้อเขาไว้เป็นที่กำบัง อาศัยว่าอีกฝ่ายตัวสูงใหญ่กว่า แต่กระนั้นเธอก็ห่อไหล่ตัวทำตัวลีบ เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นธีรยาสะดุ้งแต่ยังไม่ทันตั้งสติว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไหล่ของเธอก็ถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วดันเข้าไปด้านในตามด้วยร่างสูงใหญ่ของคนแปลกหน้า และในวินาทีต่อมาเขาก็เอื้อมมือไปกดปิดประตูลิฟต์ทันที
“ชั้นไหน?”
“เอ่อ...” เธอขยับตัวถอยออกมาครึ่งก้าวแต่ร่างยังซวนเซอยู่ทำให้เขาเอื้อมมือไปจับไหล่เธอไว้ไม่ให้ล้มลง
“ถ้ายังดื่มไม่พอไปดื่มต่อห้องผมไหม?”
“คะ?”
หญิงสาวทำตาปริบๆ นี่เธอถูกผู้ชายชวนขึ้นห้องเหรอ?
ท่าทางซื่อๆของผู้หญิงตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ เขาเอื้อมมือไปกดหมายเลขชั้นที่ต้องการ
“คุณไม่พูดผมจะถือเป็นคำตอบรับก็แล้วกัน”
ธีรยาหลุบตาลง อืม...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คืนนี้เธอไม่อยากอยู่คนเดียว แม้ที่ผ่านมาจะใช้ชีวิตโดดเดี่ยวจนเคยชินก็ตาม.
โจวเจียอีหรือที่รู้จักกันอีกชื่อคืออีริค ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-ไทย มารดาของเขาเป็นคนไทย หลังจากบิดาเสียชีวิตเขาคือผู้รับช่วงต่อกิจการทั้งหมด ส่วนมารดาที่ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จีนอยากกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เขาก็ตามใจผู้เป็นแม่ จัดหาบ้านช่องห้องหับที่ปลอดภัยเพราะตัวเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่เทียวไปเทียวมาเพราะเรื่องธุรกิจและเป็นห่วงมารดา เช่นวันนี้เขามาเซ็นสัญญาทางธุรกิจและมีเลี้ยงต้อนรับ ตัวเขาไม่ชอบงานเลี้ยงนักแต่ก็ต้องอยู่จนจบงาน
ชายหนุ่มปลีกตัวออกมาและเดินลงมาว่าจะหาอะไรดื่มสักเล็กน้อยค่อยกลับขึ้นห้องไปนอนพัก และเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่บังเอิญพบหญิงสาวคนหนึ่งเขา รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อยู่มาจนอายุสามสิบปีเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงเป็นครั้งแรก เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกอยากครอบครองขึ้นมาทันที เขาเห็นเธอต้องการหลบผู้ชายที่เดินตามมาอยู่จึงฉวยโอกาสพามาที่ห้องของเขา
ชายหนุ่มโบกมือไล่บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ให้ถอยห่าง คนตัวเล็กซุกซบในอกกว้างเดินแทบไม่ไหว เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เตะรองเท้าออกจากปลายเท้าแล้วเดินไปที่ริมระเบียงของห้องสวีทสุดหรูที่เขาพักอยู่
“สวยจัง” เธอพูดเสียงอ้อแอ้ “ห้องฉันอยู่ชั้นล่าง มองเห็นวิวทะเลนะ แต่ไม่สวยเท่านี้”
“นี่ห้องสวีทก็ต้องสวยกว่าอยู่แล้ว” เขาพูดพลางถอดเสื้อนอกออกตามด้วยเนคไท “ผมมีไวน์แดงปี1980อยู่ คุณดื่มได้ไหม หรืออยากดื่มอย่างอื่นผมจะสั่งให้”
“เอาสิ ฉันไม่เคยลอง”
เธอตอบแล้วหันมายิ้มจนดวงตาเป็นประกายก่อนจะเดินตัวเซมาทางเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วจูงมือเธอมานั่งที่เก้าอี้ริมระเบียงแล้วเดินกลับไปรินไวน์สองแก้วของตัวเขาและคนแปลกหน้าของคืนนี้ มือเรียวเล็กยื่นไปรับแล้วประคองด้วยสองมือราวกับมันเป็นแก้วกาแฟ เธอจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นเห็นเขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทีผ่อนคลาย เธอจึงยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง