บทที่ 9 คำสาปฟาโรห์
“ไม่หรอกค่ะ จะดูเฉพาะฟาโรห์ที่ได้รับความสนใจอย่างตุตันคาเมน กับฟาโรห์ฮัตเชพซุตเท่านั้น แค่สองพระองค์นี่ก็หมดเวลาเป็นชั่วโมง ๆ แล้ว”
พิมลภัสว์เป็นคนอธิบาย หลังจากเริ่มแกะกล่องอาหารกินกันอย่างหิวโหย นึกขอบใจเจนนิเฟอร์ที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณหมอหนุ่มแบบนี้
ปาณวัตรเลิกถาม หันมาสนใจอาหารกล่องที่ล้วนแต่เป็นของทอดแห้ง ๆ กับซอสมะเขือเทศ คิดถึงน้ำพริกตาแดงกับข้าวสวยร้อน ๆ ฝีมือภาวนาใจจะขาด
“มีอะไรเหรอคะ?” พิมลภัสว์ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเขาทานอาหารด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนกำลังจมดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัว
“เปล่าหรอกครับ” ปาณวัตรหันไปยิ้มจนตาหยี “แค่คิดถึงคน ๆ หนึ่งขึ้นมาเท่านั้นเอง เธอชอบห่อปิ่นโตเผื่อผมทุกวัน กำลังคิดว่า...ถ้าได้มานั่งกินข้าวด้วยกันที่นี่ก็คงดี”
“เฮ้อ...นึกว่าจะได้ขี่อูฐไปหุบผากษัตริย์เหมือนสมัยก่อนซะอีก” พิมลภัสว์บ่นเบา ๆ พร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถกอล์ฟ เพื่อเดินทางต่อไปยังหุบผากษัตริย์ จากที่หวังว่าจะได้มาขี่อูฐก็ต้องพับความฝันไว้ชั่วคราว เนื่องจากไกด์เกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อน
“เอาน่า ไว้ค่อยขี่ที่เมืองกิเซ ลมแรงแบบนี้ระวังทรายเข้าตาล่ะ” เจนนิเฟอร์เตือน วันนี้แดดไม่ร้อนจัดและมีลมพัดมาเรื่อย ๆ พวกเธอต้องรีบจองรถคันแรก เพราะถ้านั่งคันหลัง ๆ ทรายที่เกาะถนนอยู่จะปลิวเข้าตาและเสื้อผ้าเอาได้
“สวมแว่นแล้วไม่เป็นไรน่า เป็นห่วงคุณหมอจัง” หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปแอบมองหมอหนุ่มซึ่งนั่งรวมกับเพื่อน ๆ อยู่คันท้าย ๆ หลังจากนั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกันแล้วเขาก็แยกตัวไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ เพื่อแบ่งหัวข้องานกันศึกษาค้นคว้าในรายวิชาเลือก
“ห่วงทำไม เขาน่ะเป็นหมอ เอานี่คลุมแขนไว้ทรายมันจะได้ไม่เข้าไปในเสื้อผ้า” เจนนิเฟอร์ดึงผ้าคลุมของตัวเองมาคลุมไหล่ให้เพื่อนสาว
“ขอบคุณนะเจน” ดอกเตอร์สาวยิ้มให้เพื่อน รถเริ่มเคลื่อนตัวออกทีละคัน แม้วันนี้จะสวมกระโปรงพลิ้ว แต่ก็ยาวคลุมเข่า ถือว่าสุภาพพอสมควรสำหรับการมาท่องเที่ยวยังดินแดนแห่งอารยธรรมแห่งนี้
หญิงสาวรู้สึกปลอดโปร่งหัวใจเมื่อได้เห็นท้องฟ้าที่แต้มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวบาง ๆ ลอยอยู่ ทรายสีน้ำตาลเข้มกว้างสุดลูกหูลูกตาบสลับเนินย่อม ๆ คล้ายคลื่นในทะเล เธอใช้หัวเข่าหนีบกระโปรงไว้เมื่อลมพัดแรงขึ้นและรถเพิ่มความเร็วในการวิ่ง
ไม่นานนักก็เห็นหุบเขาสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
เจนนิเฟอร์ห่อไหล่ รู้สึกถึงบรรยากาศวิเวกวังเวง ตอนนี้คนเริ่มบางตา เพราะหุบผากษัตริย์จะเปิดให้เข้าชมได้เพียงหนึ่งร้อยคนต่อวันเท่านั้น
“เป็นอะไรหนาวหรือเจน” พิมลภัสว์ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเพื่อนร่างยักษ์ทำสีหน้าประหลาด คล้ายตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
“ลิซ่า ฉัน...รู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองอยู่...อา...ใครกันนะ...หรือว่าจะเป็นฟาโรห์”
กระเทยสาวหลับตาพริ้ม นั่งกอดอก ปล่อยหัวใจล่องลอยไปไกล ขณะที่หญิงสาวมองด้วยความหมั่นไส้
“หือ ฟาโรห์องค์ไหนจ๊ะ...คนสมัยโบราณไม่มีใครบริโภคกระเทยหรอกจ้ะ” พิมลภัสว์เย้าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ตอนไปล่องเรือชมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยกัน เจนนิเฟอร์ก็ไปยืนกางแขนอยู่บนดาดฟ้าเรือ แล้วทำท่าเป็นโรสในภาพยนตร์เรื่องไททานิค พอมาอียิปต์ก็อยากจะเป็นมเหสีของกษัตริย์ขึ้นมาซะงั้น
“หยาบคาย...เดี๋ยวโดนคำสาปฟาโรห์เล่นงานนะจ๊ะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้”
จู่ ๆ ก็เกิดลมหมุนพัดทรายปลิวเข้ามาในรถ พิมลภัสว์ร้องว้าย! ใช้มือจับกระโปรงพัลวัน จนผ้าโพกศีรษะของเจนนิเฟอร์ที่พาดไหล่ปลิวออกไปนอกตัวรถ หญิงสาวลุกขึ้น ยื่นมือไปจนสุดแขนหมายจะคว้าชายผ้าไว้ โดยใช้แขนข้างหนึ่งจับผนังเบาะ อีกข้างชะโงกออกไปนอกตัวรถ
“ว้าย! ลิซ่า! กลับเข้ามาเดี๋ยวนี้” เจนนิเฟอร์เอี้ยวตัวลุกขึ้นใช้แขนแข็งแรงเกี่ยวเอวเพื่อนสาวกลับมานั่งแอ้งแม้งบนเบาะรถได้เหมือนเดิม
“กรี๊ด! เจน...ปล่อยนะ มันหลุดไปแล้ว!” พิมลภัสว์ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของหญิงร่างยักษ์ มองผ้าคลุมผมที่ปลิวตกลงไป ขณะที่รถกอล์ฟคันอื่น ๆ กำลังขับตามหลังมาห่าง ๆ
พนักงานขับรถกอล์ฟชะลอความเร็วเลียบรถเข้าชิดเลนส์ในแล้วจอดสนิทอยู่กับที่
“ผมจะจอดรถตรงนี้นะคุณ”
“ไปก่อนก็ได้ค่ะ อีกนิดเดียว เดี๋ยวพวกเราเดินตามไป” พิมภัสว์กระโดดลงจากรถ เจนนิเฟอร์ตามลงมาติด ๆ เหลืออีกไม่ถึงสองร้อยเมตรก็จะถึงหุบผากษัตริย์ เธออยากจะเดินชมบรรยากาศเสียหน่อย
พนักงานขับรถเคลื่อนเจ้าสี่ล้อคันเล็กออกไปช้า ๆ ไม่อยากทิ้งผู้โดยสารกลางทาง พิมลภัสว์รีบหันหลังเดินย้อนกลับไปทางเดิม มองเห็นรถกอล์ฟคันอื่น ๆ ที่กำลังตามมาอยู่ลิบ ๆ
ยังไงซะ ปาณวัตรต้องมองเห็นเธอ จะแกล้งเดินกระเผลก ๆ เสียหน่อยเพื่อเรียกร้องความสนใจ เขาจะต้องลงมาดูอาการของเธอแน่ ตามสัญชาติญาณของหมอที่ดี
จากนั้นเราก็จะเดินคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งกันสองคน ท่ามกลางดินแดนแห่งมนต์ขลัง...และพระอาทิตย์ยามบ่าย
หัวใจที่แข็งแกร่งเหมือนหินของเขา...จะต้องถูกกัดกร่อนด้วยน้ำทิพย์อย่างเธอ
“ตายแล้ว! ลิซ่า! มัน มันหลุดไปแล้ว!”
เจนนิเฟอร์ตะโกนด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนเห็นผี หญิงสาวหยุดเดินและหันกลับมามองเพื่อน
“ก็กำลังจะเดินไปเก็บนี่ไง เดินเร็ว ๆ สิจ๊ะ เดี๋ยวรถของคุณหมอก็มาถึงก่อนพอดี”
“เปล่า..ลิซ่า! ผม...ผมของเธอ...หลุดไปแล้ว!”
“อะไรนะ!?” พิมลภัสว์ลูบศีรษะของตัวเอง แล้วใจหายวาบ...ตายจริง! วิกผมของเธอหลุดหายไปไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วนั่น รถกอล์ฟที่คุณหมอสุดหล่อนั่งมาใกล้เข้ามาทุกที
โอ...ไม่นะ...เขาจะต้องไม่เห็นเธอในสภาพนี้...
“ตกอยู่บนรถแน่นอนเลยลิซ่า” เจนนิเฟอร์วิ่งไปเก็บผ้าคลุมผมที่ปลิวตกอยู่ที่พื้นถนน ก่อนจะวิ่งกลับมาหาพิมลภัสว์ที่ตอนนี้ทำหน้าตาประหลาดจนหาความสวยไม่เจอ สงสัยฟันปลอมที่ซื้อมาจะเหยินมากเกินไป ไฝที่มุมปากก็เม็ดใหญ่เท่าสิวหัวช้าง หน้าตาแบบนี้ถึงจะตัดผมทรงจัสติน บีเบอร์ ก็ออกมาเหมือนแก้วหน้าม้าอยู่ดี
ปาณวัตรชะโงกออกมามอง เมื่อเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่บนถนนไกล ๆ เขามองเห็นใครคนหนึ่งเหมือนกำลังจะตกจากรถกอล์ฟ ด้วยสัญชาติญาณหมอ เขาจึงบอกโซเฟอร์ให้เร่งความเร็วรถขึ้นอีกนิด ด้วยเกรงว่าจะมีใครได้รับบาดเจ็บ
“ไม่ได้การแล้ว ลิซ่า...วิ่ง!” เจนนิเฟอร์เอาผ้าคลุมผมหญิงสาว มัดชายไว้ลวก ๆ คว้าข้อมือเล็ก ๆ นั้นแล้วกระชากให้ออกวิ่งพร้อมกัน เมื่อเห็นปาณวัตรชะโงกหน้าออกมาจากรถ
พิมลภัสว์ถลกกระโปรงขึ้นเหนือเข่า ออกวิ่งไปตามแรงฉุดของเพื่อนหนุ่ม แม้ขาจะยาวแต่รองเท้าก็เป็นอุปสรรคไม่น้อยในการใส่เกียร์ถอย แม้วันนี้จะใส่ส้นเตี้ยมาก็เถอะ เธอดึงมือออกจากการเกาะกุมของเพื่อนแล้วก้มลงถอดรองเท้า ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งตามรถกอล์ฟที่วิ่งช้า ๆ อยู่ห่างไปอีกไม่กี่เมตร
“จอดด้วย...จอดด้วยค่า...” เจนนิเฟอร์ตะโกนเรียกรถกอล์ฟ พร้อมกับโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้ถอยกลับมารับ
โชเฟอร์หันกลับมา มองเห็นหญิงสาวโบกมือหยอย ๆ เขาก็หันกลับไป ส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างระอาแล้วใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่
“อยากวิ่งแข่งกันก็ไม่บอก...พวกฝรั่งนี่ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ”
พิมลภัสว์อยากจะร้องไห้ เมื่อรถกอล์ฟห่างออกไปทุกที ตอนนี้เธอรู้สึกแสบร้อนที่ฝ่าเท้าจนไม่อยากจะวิ่งต่อไปอีกแล้ว
“มาขี่หลังฉันนี่” เจนนิเฟอร์นั่งยอง ๆ เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาว พิมลภัสว์กระโดดขึ้นคร่อมหลังเพื่อนที่ตอนนี้สวมวิญญาณสุภาพบุรุษอุทิศแผ่นหลังและร่างกายเป็นอูฐให้ขี่ชั่วคราว
“ขอบใจนะเจน” เธอกอดคอเจนนิเฟอร์ไว้แน่น เมื่อเพื่อนหนุ่มเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง คราวนี้ลัดเลาะเข้าไปในทะเลทรายที่เริ่มมีเนินทรายให้หลบซ่อนตัว
