บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 พิสูจน์สายเลือด

การปรากฏตัวของหญิงสาววัยสิบแปดที่บอกว่าชื่อหลินเยว่พร้อมกับประโยคที่ว่า ‘พระจันทร์ยิ้ม’ ทำให้หลิวเฟยขมวดคิ้ว ยังไม่แน่ใจนักว่าตนคิดถูกหรือไม่ ในขณะที่หลินเยว่มองเธอตรงๆ ดวงตาไม่สั่นไหวแม้แต่นิด

“แล้วพระจันทร์ยิ้ม... ที่เธอหมายถึงคืออะไร” น้ำเสียงของหญิงวัยสี่สิบถามเสียงสั่น

หลินเยว่ลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อออกแล้วเปิดแผ่นหลังให้เธอดู รอยปานรูปจันทร์เสี้ยว ที่มีจุดขี้แมลงวันสองจุดเล็กๆ อยู่มุมพระจันทร์ ที่ทำให้รอยปานนี้กลายเป็นรูปพระจันทร์ยิ้ม

“นั่นมัน... ปานรูปพระจันทร์” หลินเยว่เดินเข้าไปใกล้ มือที่ยื่นไปสัมผัสปานแดงนั้นสั่นเทาเล็กน้อย ทั้งหมดยืนยันสถานะได้ว่าคนตรงหน้าคือลูกสาวที่หายไปเมื่อสิบสามปีที่แล้ว

“เจียวเจียว.... เจียวเจียวของแม่”

“ชื่อเจียวเจียวทำให้หญิงสาวคุ้นเคย ที่แท้ชื่อเดิมของเธอก็คือเจียวเจียวนี่เอง”

“ฉันยังไม่อยากให้คุณปักใจเชื่อในตอนนี้ มีบางอย่างที่ฉันยังอธิบายในตอนนี้ไม่ได้ แต่ฉันขอให้คุณไปตรวจดีเอ็นเอกับฉัน ถ้าผลออกมาว่าเราเป็นแม่ลูกกันจริง ถึงตอนนั้นฉันจะเล่าเรื่องให้คุณฟัง”

หลิวเฟยนิ่งงัน เธอเป็นคนมีเหตุผล แม้จะไม่เชื่อ แต่สายตาจริงจังของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ลังเล

“เธอจะให้ฉันไปตรวจเลือดกับเธอหรือ”

“ใช่ค่ะ ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่เรียกว่า ‘การตรวจดีเอ็นเอ’ ใช้พิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ชัดเจนที่สุด ผลตรวจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปลอมได้”

หลิวเฟยมองหน้าเธออีกครั้ง หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ดูเหมือนคนบ้า หรือคนมาขอเงิน แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบางอย่าง

“ก็ได้ฉันจะไปกับเธอ”

“แต่เรื่องทุกอย่างขอให้เป็นความลับก่อนนะคะ เพราะมีคนวางแผนที่จะสลับตัวฉันกับคนอื่นเพื่อมาตบตาคุณ ตอนนี้ฉันบอกได้แค่นี้ค่ะ เอาไว้ผลตรวจออกแล้วฉันจะอธิบายอย่างละเอียดอีกที” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลิวเฟยพยักหน้าทำตามที่อีกฝ่ายพูด แต่ถึงไม่ตรวจเธอก็มั่นใจแล้วว่าหญิงสาวคนนี้คือลูกสาวที่หายไป

ที่โรงพยาบาล ห้องตรวจชั้นสี่ ทั้งคู่ถูกพาเข้าห้องตรวจเลือด พยาบาลมองพวกเธอสลับกันด้วยความงุนงง เพราะใบหน้าและโครงหน้าของทั้งคู่มีบางอย่างคล้ายคลึง

หลังจากตรวจเสร็จ หลินเยว่ขอพูดกับหลิวเฟยเพียงลำพัง

“คุณนายเจียงคะ ฉันอยากขอให้คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อนแม้กระทั่งสามีของคุณเองก็ห้ามบอก” เธอกำชับอีกครั้งให้แน่ใจว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ

“ทำไมล่ะ”

“เพราะถ้าฉันพูดออกไปตอนนี้ พวกที่อยู่เบื้องหลังจะหาทางปกปิดหลักฐานอีก ฉันอยากให้คุณไปพร้อมผลตรวจ แล้วประกาศรับตัวฉันที่ศูนย์เด็กกำพร้าเอง จะได้ไม่มีใครกล้าเถียง”

หลิวเฟยมองเธอเงียบๆ นานครู่หนึ่ง ดูจากสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเด็ดเดี่ยว เธอต้องรู้อะไรมาแน่ถึงกล้าพูดแบบนี้

“ได้ ฉันจะรอผลตรวจ แล้วจะไปหาเธอด้วยตัวเอง”

“ขอบคุณค่ะ แม่…” หลินเยว่ก้มศีรษะเบาๆ

คำสุดท้ายหลุดจากปากเธอโดยไม่ตั้งใจ หลิวเฟยชะงัก ดวงตาเธอสั่นเล็กน้อย

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ…”

“ขอโทษค่ะ ยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียกคุณด้วยคำนี้” หลินเยว่เพียงยิ้มบางๆ ก่อนหันหลังเดินออกจากห้อง

ประตูปิดลงเบาๆ หลิวเฟยยังคงยืนอยู่กับที่ มือแตะหน้าอกของตัวเอง หัวใจเธอเต้นแรงอย่างประหลาด

ในหัวผุดขึ้นคำถามเดียว

“หรือว่าการหายตัวไปของเจียวเจียวมีเบื้องหลัง”

ในขณะเดียวกันที่ด้านนอก หลินเยว่เดินออกจากโรงพยาบาล ริมฝีปากเธอค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น

วันที่เธอพาหลินชิงอวี้ไปสัก เธอปกปิดรอยขี้แมลงวันเอาไว้ให้เห็นเพียงปานแดงเท่านั้น เพราะในชาติก่อนอีกฝ่ายสักทั้งรอยปานแล้วเก็บรายละเอียดทั้งหมดจนเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน

“มีปานแดงไปก็เท่านั้น เพราะฉันมีทั้งพระจันทร์ยิ้ม มีทั้งผลตรวจดีเอ็นเอ มาดูกันว่าเธอจะเอาอะไรมาขโมยสถานะของฉัน หลินชิงอวี้” เธอพึมพำออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ ชาตินี้อย่างไรชะตาของเธอจะต้องพลิกผัน พ่อแม่ต้องปลอดภัย กู้อี้เฉินกับเธอต้องไม่พรากจาก

เมื่อกลับมาถึงศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า หลินชิงอวี้ก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วรีบคล้องแขนเธอเอาไว้

“อาเยว่ มีของฝากหรือไม่” น้ำเสียงนั้นถามด้วยความคาดหวัง

“ฉันไปสมัครงานมานะ ไม่ได้ไปเที่ยว จะได้มีของฝากให้เธอ” หลินเยว่ตอบเสียงเรียบ ท่าทีที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้อีกฝ่ายชะงัก ไม่ใช่ว่าเพื่อนคนนี้และตามใจเธอที่สุดหรอกหรือ เหตุใดจึงเหมือนเย็นชาขึ้นมา

“เธอโกรธเรื่องที่ฉันพูดว่าให้เธอหาสามีหรือ จริงสินะ ฉันลืมไปว่าเธอชอบพออยู่กับพี่อี้เฉิน ขอโทษที่พูดต่อหน้าเขา แต่เอาจริงๆ ฉันก็หวังให้เธอได้เจอคนที่ร่ำรวยกว่า” หลินชิงอวี้พูดเสียงอ่อน

‘ทำเป็นมาหวังดี ไม่ใช่ว่ากลัวฉันจะแสดงตัวหรือ เลยให้ซ่งเถากับจางลี่ซูมาพาตัวฉันไปขังไว้และถูกเธอฆ่าฝังให้ตายอย่างอนาถ’ เมื่อคิดถึงสิ่งที่ถูกกระทำก็เจ็บแค้นในอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“อาเยว่ เธออย่าโกรธฉันเลยนะ”

“ฉันแค่เหนื่อยน่ะ” พูดจบแล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นไปยังห้องพักของเธอ โดยมีหลินชิงอวี้ตามไปด้วย

“แล้วการสมัครงานเป็นอย่างไรบ้าง” หลินชิงอวี้รีบมาถามอย่างเอาใจ

ช่วงนี้เธอยังต้องพึ่งพาหลินเยว่ให้ช่วยซักผ้าและทำงานแทนอยู่ จึงต้องทำดีเอาไว้ ก่อนจะเฉดหัวส่งในภายหลัง

“ก็เขียนใบสมัครงานทิ้งไว้ ถ้าผ่านเขาจะส่งจดหมายมาให้น่ะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวก็หวนคิดถึงอดีตไม่ได้

ชาติก่อน เธอสมัครงานไว้หลายที่ รอจดหมายตอบรับก็ไม่มีสักที่ แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป พอมาคิดดูแล้วบางทีจดหมายตอบรับอาจจะถูกหลินชิงอวี้ หรือไม่ก็หลี่หนิงขัดขวางเอาไว้ เพราะถึงไม่มีจดหมายตอบรับก็ควรมีจดหมายแจ้งปฏิเสธ

‘ที่แท้ก็ไม่เหลือทางรอดให้ฉันเลยสักนิด’ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แน่นอนว่านอกจากชาตินี้นอกจากจะสลับชะตาตัวเองกลับมา และทวงคืนคนรอบข้างที่เธอรักแล้ว ก็จะเอาคืนคนเหล่านี้อย่าสาสม

หลินชิงอวี้เดินไปนั่งที่เก้าอี้เขียนหนังสือของเธอ ในขณะที่หลินเยว่ก็นั่งเก้าอี้ฝั่งของตัวเอง ทั้งสองพักในห้องเดียวกันตั้งแต่วันแรกที่มาถึงจนถึงตอนนี้ ความรักและความเชื่อใจที่มีให้อีกฝ่ายนั้นเต็มร้อย แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะทรยศกันได้

“นี่ก็เย็นแล้ว ไปช่วยแม่ครัวทำอาหารเย็นกันเถอะ” เธอชวนอีกฝ่าย ทั้งที่ก็รู้ว่าหลินชิงอวี้นั้นขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่ชอบหยิบจับทำงานอะไร

“เอ่อ ตอนเย็นแม่หลี่ก็เรียกฉันไปคุยด้วยน่ะ” อีกฝ่ายรีบปฏิเสธ

“จริงสิ ช่วงนี้เธอกับแม่หลี่ดูสนิทสนมกันนะ” หลินเยว่ถามขึ้นมา ทำให้หลินชิงอวี้ชะงักไปเล็กน้อย

“เมื่อก่อนฉันผิดเองแหละที่ไม่รู้จักผู้น้อยผู้ใหญ่ ไม่เข้าใจความหวังดี แม่หลี่จริงๆ ก็เข้มงวดกับทุกคนแหละ แล้วอีกอย่าง แม่หลี่ก็อยากให้ฉันฝึกงานกับเธอ ฉันถึงไม่ได้ออกไปสมัครงานที่ไหนไงเล่า” เธอรีบอธิบาย พลางยิ้มแห้งเหมือนคนที่กังวลว่าความลับจะเปิดเผย

“อ๋อ ที่แท้แม่หลี่ก็ชวนเธอทำงานด้วยกันนี่เอง มิน่าเล่าถึงไม่ออกไปหางานทำด้วยกัน” หลินเยว่แสร้งยิ้มทำเหมือนว่าเข้าใจ

‘ก็ดี เพราะหากเธอพลาดจากตระกูลเจียงก็จะได้อยู่ทำงานแทนแม่หลี่ของเธอ... ถ้าเธอได้รับอนุญาตให้อยู่นะ’ หญิงสาวคิดในใจพลางนึกถึงวันที่ทั้งสองรู้ว่าแผนการล้มเหลว

********************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel