บทที่ 1
“คุณหนูเจ้าคะ อากาศลมแรงนักรีบเข้าเรือนกันเถิดเจ้าคะ” เสียงของเสี่ยวลู่กล่าว คุณหนูว่านหนิงหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ความงดงามของคุณหนูในยามวสันตฤดู ใบหน้านั้นงดงามได้รูปผิวพรรณขาวเนียนผุดผาด รอยยิ้มดั่งแสงอาทิตย์แสนอบอุ่นท่ามกลางความหนาว เบื้องหลังเป็นต้นเถาฮวา ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกเถาฮวาสีชมพูสวยงาม ช่างเป็นความงดงามที่ตราตรึงใจของผู้คนที่ได้ยลยิ่งนัก
“ข้ายังไม่อยากเข้าเรือนเลย เสี่ยวลู่”
“เช่นนั้นจะทำให้คุณหนูอาจเป็นไข้ได้นะเจ้าคะ”
“อืม ก็ได้” ว่านหนิงตอบอย่างเสียไม่ได้ เพราะเป็นคนที่มีร่างกายอ่อนแอ หากถ้านางต้องลมหนาวนานเกินไป อาจจะทำให้ป่วยไข้ได้
ภายในจวนตระกูลว่านมีผู้นำตระกูลคนปัจจุบันคือว่านเฉิน เขาเป็นขุนนางระดับสามที่มีอำนาจในราชสำนักไม่น้อย เป็นมือเป็นไม้คนสนิทขององค์ชายสิบแห่งราชวงศ์เซี่ย
ว่านเฉินเป็นบุรุษเจ้าชู้ยิ่งนัก ฮูหยินเอกของเขาคือสตรีจากตระกูลเซวียน ซึ่งวิธีการที่เขาได้นางมานั้นคือใช้อำนาจในราชสำนักของบิดาตนเองบีบบังคับช่วงชิงนางมาจากคู่หมั้น
เดิมนั้นตระกูลเซวียนเป็นตระกูลขุนนางตกอับ เมื่อโดนผู้มีอำนาจใช้อำนาจในทางมิชอบบีบบังคับรังแกจึงจำใจต้องยกบุตรสาวให้เป็นฮูหยินเอกของว่านเฉิน แม้จะเป็นคนชั่วช้าไปบ้าง แต่ว่านเฉินก็รักและให้เกียรติเซวียนอันอย่างดี
สตรีนางหนึ่งที่ถูกบีบบังคับ แม้ไม่เต็มใจก็ต้องทอดกายให้กับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ทุกวันต้องคอยปรนเปรอเรือนร่างสนองความต้องการของผู้เป็นสามี กาลเวลาที่ล่วงเลยนานวันเข้าทำให้นางหลงลืมอดีตที่เคยมีรักอันหวานชื่นไปจนหมดสิ้น
ทว่า...เจ้าคนโฉดว่านเฉินก็ไม่ได้หยุดหยั้งเพียงหนึ่งสตรีเดียวเท่านั้น เขายังมีฮูหยินรอง และอนุมากมายหลายคน แต่ภายในใจของชายโฉดผู้นี้นั้น เซวียนอันก็ยังเป็นสตรีที่เขารัก และพึงพอใจมากเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี
ทั้งสองนั้นมีบุตรสาวแสนรักอยู่หนึ่งคน มีนามว่า ว่านหนิง และว่านหนิงนั้นเกิดมาจากความรักของผู้เป็นบิดามารดา นางจึงเป็นที่รักของทั้งบิดามารดา และคนในตระกูลว่าน ว่านหนิงมีรูปโฉมงดงามชวนให้ผู้คนตราตรึงใจ แต่ว่านเฉินนั้นก็ไม่ได้มีบุตรแค่ว่านหนิงเพียงคนเดียว
ก่อนหน้านั้นเขาก็มีฮูหยินเอกคนแรกที่มีบุตรชายอยู่หนึ่งคนนามว่า ว่านห่าวหราน และภายในจวนตระกูลว่านยังมีสตรีที่ทรงอำนาจอยู่อีกคนคือ ฮูหยินรองฉู่ฟางหรง นางให้กำเนิดบุตรสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งที่มีนามว่า ว่านลู่หรง
ความจริงว่านเฉินยังมีบุตรอีกหลายคน แต่เกิดกับอนุ จึงนับว่าไร้ค่าในสายตาบิดายิ่งนัก บุตรทั้งสามคนอย่าง ว่านห่าวหราน บุตรชายคนโต ว่านลู่หรง บุตรสาวคนรอง และว่านหนิง บุตรสาวคนเล็กแสนรัก จึงนับว่าเป็นบุตรคนสำคัญของจวน
แม้ภายในจวนจะดูสงบสุข แต่ก็ไม่ได้สงบสุขอย่างที่ผู้คนคิดนัก ฉู่ฟางหรงนั้นต้องการแย่งชิงตำแหน่งฐานะภายในจวน แต่ไม่อาจทำได้ เพราะเซวียนอันนั้นเป็นสตรีแสนรักของสามี นางจึงได้แต่สะสมความแค้นภายในใจ
ฉู่ฟางหรง คือภรรยาคนแรก มาจากตระกูลที่สนับสนุนตระกูลว่านจนมาไกลถึงเพียงนี้ แต่กลับได้เพียงตำแหน่งฐานะฮูหยินรอง ซึ่งนางก็ยินยอม เพราะมารดาของว่านห่าวหรานนั้นมาจากตระกูลใหญ่ ตอนที่นางตายจากไป ฉู่ฟางหรงก็ได้แต่หวังว่านางจะได้ขึ้นเป็นฮูหยินเอกของตระกูลว่าน
แต่ท้ายที่สุดว่านเฉินก็หักหลังความจงรักภักดีของนางด้วยการแต่งเซวียนอันเข้ามา ไม่เพียงไม่ยกตำแหน่งฮูหยินเอกให้นาง แต่กลับหาสตรีอื่นมาแทนที่ฮูหยินคนเดิม ทั้งยังรักแบบปักใจ หลงลืมสิ้นซึ่งคำสัญญาที่มอบให้ไว้แต่คราวก่อน และเพราะนางไม่อาจทำอะไรได้จึงต้องฝืนกล้ำกลืนมาโดยตลอด
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้ว่านหนิงได้ดีกว่าข้า ท่านแม่ ข้าเป็นพี่สาวนาง เหตุใดข้าถึงไม่มีงานแต่งที่ดีแบบนาง ทำไมองค์ชายสู่ขอนาง แต่กลับไม่ยอมสู่ขอข้า เพราะข้าไม่ใช่บุตรสาวฮูหยินเอกใช่หรือไม่”
เสียงตัดพ้อของบุตรสาวทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่ร้าวรานอย่างบอกไม่ถูก
บุตรสาวของนางหากเทียบกับว่านหนิงแล้ว ว่านลู่หรงนับว่างดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าว่านหนิงเลยแม้แต่น้อย ตัวนางเองก็ไม่ได้รังเกียจว่านหนิง ทว่า...ลึกภายในใจมันก็อดที่จะรู้สึกชิงชังไม่ได้
เด็กคนนั้นมักจะได้ดีกว่าบุตรสาวนางในทุกเรื่อง ไม่เคยต้องพยายาม แต่กลับได้ทั้งความรัก และคำชื่นชมเสมอมาจากทุกคน แตกต่างจากบุตรสาวของนางที่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งคำชื่นชมจากบิดา แต่มันก็ยากยิ่งนักที่ว่านลู่หรงจะได้รับคำชมนั้นมาสักครั้ง
และเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่เพิ่งเกิดขึ้น ว่านหนิงได้รับการสู่ขอก่อนที่บุตรสาวของนาง ทั้งที่ตามลำดับศักดิ์แล้ว ควรจะเป็นว่านลู่หรงก่อนที่ควรได้แต่งงานก่อนน้องสาว ว่านหนิงได้รับการสู่ขอจากองค์ชายสิบ แม้ฐานะจะเป็นเพียงพระชายารอง แต่นั่นจะนับเป็นอะไร วันหน้าหากองค์ชายสิบได้ขึ้นครองราชย์ ฐานะของว่านหนิงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก แล้วบุตรสาวของนางเล่า
“แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ต้องทำให้เจ้าได้ดีกว่าว่านหนิงให้ได้”
ฉู่ฟางหรงกล่าวก่อนจะเผยสีหน้าอันแสนชั่วร้ายออกมา นางไม่ยอมว่านเฉินอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขาเลือกที่จะไม่รักษาสัญญา นางก็ไม่รู้จะแสร้งแกล้งโง่ไปทำไมอีก ตัวนางเป็นคนเช่นไรนางล้วนทราบดีอยู่แก่ใจ
/////
ผ่านมาหลายวัน ฉู่ฟางหรงก็คิดแผนการอันแยบยลที่เต็มไปด้วยเรื่องร้ายกาจได้ นางทุ่มเงินจำนวนมากในการจ้างโจรจอมต้มตุ๋นหลอกลวงมาหนึ่งคน โดยเอาชีวิตของบุตรสาวมันมาเป็นประกัน มันผู้นี้มีนามว่า เฉิงเซวี่ย
“ถ้าเจ้าทำงานนี้สำเร็จ ก็จะได้รางวัลตอบแทนอย่างงาม และมันมากพอที่จะใช้รักษาโรคที่บุตรสาวของเจ้าเป็นอยู่”
เพราะบุตรสาวอันเป็นที่รักป่วยหนัก ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา ทำให้เฉิงเซวี่ยไม่มีทางเลือกมากนัก แม้ว่าตัวเองจะออกมาจากวงโคจรนี้แล้ว เพราะไม่อยากจะทำให้บุตรสาวต้องอับอาย
“ท่านอย่าลืมคำที่เคยสัญญาก็พอ” เฉิงเซวี่ยตอบกลับ
เฉิงเซวี่ย เคยเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้านมาหลากหลายพื้นที่ก่อนจะหนีเข้ามาที่เมืองหลวง มันเป็นพ่อหม้ายฮูหยินตายมีบุตรสาวตัวน้อยมาหนึ่งคน
ลักษณะท่าทางคำพูดคำจาของมันลื่นไหลยิ่งนัก เพียงแค่เอ่ยปาก ผู้คนมากมายก็ล้วนคล้อยตาม หน้าตาก็นับว่าเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ถึงแม้ผิวพรรณจะหยาบกร้านเพราะทำงานหนักบ้างก็ตาม ทั้งรูปร่างและการต่อสู้ของก็นับว่าโดดเด่นอยู่ไม่น้อยเลย
“ท่านแม่ ท่านคิดจะทำอะไรเจ้าคะ” ว่านลู่หรงถามมารดาของตนเอง หลังจากที่มารดาขึ้นมาบนรถม้า ใบหน้าของฮูหยินรองฉู่ฟางหรงยิ้มออกมาอย่างพอใจ
นางเชื่อมั่นว่ายังไงแผนการนี้ของนางจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ไม่เพียงจัดการว่านหนิงได้ แต่ยังทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของว่านเฉินและเซวียนอันได้อีกด้วย เท่านี้นางก็คือคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในจวนแล้ว
“ข้าจะให้มันมาลวงหลอกว่านหนิง ให้นางได้เสียกับบ่าวไพร่ชั้นต่ำ เพียงเท่านี้น้องสาวของลูกก็ไม่ใช่ขวากหนามที่น่ารำคาญอีกแล้ว”
“ทำเช่นนี้จะไม่ถูกจับได้หรือท่านแม่” ว่านลู่หรงกล่าว แม้นางจะไม่ได้คิดอยากให้ว่านหนิงต้องมาพบเจอกับอะไรเช่นนี้ แต่ความอิจฉาริษยา ความชิงชังที่ฝังลึกมาตั้งแต่นางยังเยาว์วัยนั้น ได้ฝังกลบความรู้สึกห่วงหาอาทรที่เคยมีต่อน้องสาวต่างมารดาจนหมดสิ้น
“ก็แค่คนสวนเท่านั้น ใครจะสนใจกัน อย่างมากข้าก็แค่โดนบิดาเจ้าตำหนิเรื่องที่เอามันเข้ามาภายในจวน”
“แล้วท่านแม่คิดว่าว่านหนิงนางจะตกหลุมพรางหรือเจ้าค่ะ” ว่านลู่หรงยังคงแสดงทีท่าที่ไม่มั่นใจนัก
“แน่นอนสิลูก แม่ย่อมคิดและวางแผนเอาไว้แล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง น้องสาวเจ้าผู้นี้โง่เขลาจะตาย นางไม่เคยพานพบบุรุษอื่นนอกจากบิดาและพี่ชาย บ่าวผู้นี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา มันเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวง”
“ข้าไม่ได้อยากทำร้ายนางถึงขนาดนั้น ว่านหนิงนางก็เป็นเด็กดีมากผู้หนึ่ง” ว่านลู่หรงกล่าว ชั่วขณะ ในดวงตาของนางมีความรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมา
นางไม่ได้เกลียดชังน้องสาวขนาดที่จะทำร้ายกันขนาดนี้ แต่นางเพียงน้อยใจ และไม่อยากรู้สึกต้อยต่ำเมื่อเทียบกับน้องสาว ทั้งที่นางก็เป็นบุตรสาวคนหนึ่งของท่านพ่อ และนางก็เป็นพี่สาว
ท่านแม่ของนางก็ไม่ได้มาจากตระกูลต่ำต้อยอะไร นางเพียงอยากแต่งงานเข้าจวนองค์ชายสิบ แม้จะได้ตำแหน่งต่ำต้อยก็ยังดีกว่าเป็นฮูหยินขุนนางชั้นต่ำ หรือเป็นอนุของขุนนางที่อายุมากราวกับบิดา
“คิดการใหญ่ เจ้าจะใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด นึกถึงอนาคตของตนเองไว้ หากใจอ่อนก็เป็นเช่นข้านี่แหละ ถูกบิดาเจ้าหลอกซ้ำหลอกซ้อนจนเจ้าต้องกลายเป็นบุตรอนุ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
จากนั้นภายในจวนตระกูลว่านก็มีบ่าวชายคนใหม่ที่มีนามว่าเฉิงเซวี่ย รูปร่างหน้าตาของบ่าวผู้นี้นั้นดีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังประพฤติตัวเรียบร้อยไม่เป็นที่สังเกตมากนัก เรื่องการทำงานก็ขยันดีเยี่ยม
“คุณหนูเจ้าขา มาทางนี้เจ้าค่ะ ข้ามีอะไรจะให้ท่านดู” เสี่ยวลู สาวใช้คนสนิทของว่านหนิ่งเอ่ยบอก พร้อมกับเดินนำคุณหนูเล็กของตนเองมายังสวนด้านหลัง
“เจ้ามีอะไรจะให้ข้าดูอย่างนั้นหรือเสี่ยวลู่ เหตุใดดูลับลมคมในเช่นนี้” ถึงจะสงสัย แต่ว่านหนิงก็ยอมเดินตามเสี่ยวลู่มา จนหยุดอยู่บริเวณหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ตรงนั้นอย่างไรเจ้าคะ”
ว่านหนิงมองไปยังสวยดอกไม้ที่มีบ่าวผู้ชายคนหนึ่งกำลังขุดดินอยู่
“ก็แค่บ่าวกำลังขุดดิน เจ้าชวนข้ามาดูทำไมเสี่ยวลู่” ว่านหนิงหันไปถามสาวใช้ด้วยความไม่เข้าใจ
“ข้าชอบเจ้าค่ะ” จบคำพูดของเสี่ยวลู่ เสียงหัวเราะของนายกับบ่าวก็ดังขึ้น ทำให้เฉิงเซวี่ยที่กำลังขุดดินอยู่หันมามองโดยที่อีกสองคนนั้นไม่ทันได้สังเกต
แค่เห็น เฉิงเซวี่ยก็รู้ทันทีว่านี่คือคุณหนูเล็กที่เขาได้รับค่าจ้างมาให้ทำร้ายนาง แต่ใบหน้าที่ดูอ่อนต่อโลกเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เขา บุรุษใดเห็นจะทำร้ายนางลงได้อย่างไรกัน
แม้ว่าจิตสำนึกส่วนดีจะยังพอมีอยู่บ้าง แต่ชีวิตบุตรสาวของตนเองนั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เฉิงเซวี่ยจึงก้มหน้าทำงานของตนต่อไป และรอวันที่จะลงมือ
///////////////////////////////////////////////////////
