ตอนที่ 1 สตรีชั่วช้าที่ได้ชื่อว่าคุณหนูสาม
“กรี๊ด!! ฆ่าคนแล้ว คุณหนูสามฆ่าคนแล้ว !!”
เสียงกรีดร้องดังระงม ผู้คนวิ่งพลุกพล่าน
เจียงรั่วอี้สะดุ้งตกใจหลังได้ยินเสียงร้องตะโกนใช้สายตาไม่เข้าใจมองความวุ่นวายภายในห้องอย่างเหม่อลอย
จำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอกำลังยืนฮัมเพลงมีความสุขกับวันหยุดสุดสัปดาห์อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วสถานการณ์ตรงหน้านี้มันอะไรกัน ทำไมทุกคนถึงได้แตกตื่นขนาดนี้ แล้วชุดพวกนี้คืออะไร ทำไมเธอถึงสวมชุดจีนโบราณแทนที่จะเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา
ทว่าก่อนหญิงสาวจะได้ทำความเข้าใจเรื่องราวตรงหน้าเสียง ปัง! ของประตูพลันเปิดออก
“เกิดอะไรขึ้น! เสียงดังวุ่นวายไปถึงข้างนอก”
“คุณชายกู้แย่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหลานแย่แล้ว!”
สตรีอายุประมาณสามสิบปลาย ๆ วิ่งเข้ามาเกาะขาชายหนุ่มใบหน้าเปื้อนน้ำตาท่าทางน่าสงสาร
“หมิงหมิง ?! เกิดอะไรขึ้นกับหมิงหมิง!”
“คุณหนู คุณหนูถูกคุณหนูเจียงวางยาเจ้าค่ะ! ฮึก คุณชายต้องช่วยคืนความยุติธรรมให้คุณหนูของบ่าวนะเจ้าคะ”คนพูดเอ่ยเสียงติดสะอื้น สองมือกำข้อเท้าชายหนุ่มแน่น
“แค่ก ๆ !”
ตอนนี้เองเจียงรั่วอี้ถึงพึ่งสังเกตเห็นว่าในห้องมีหญิงสาวท่าทางน่าสงสารคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกแน่น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ใบหน้าซีดเซียว บนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนรอยสีแดงเป็นดวงดวง มุมปากมีเลือดไหลออกมา
“หมิงหมิง!”ชายผู้มาใหม่ก้าวเข้าไปประคองคนบนพื้นให้ลุกขึ้นยืน หญิงสาวเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตารื้นไห้ เสียงสั่นเครือ
“เหวินซาน”
“เจ้า...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะมาแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดกับนางหรือ เหตุใดสภาพเจ้า”
คนถูกเรียกหมิงหมิงเม้มปาก เหลือบตามองเจียงรั่วอี้ หลุบตาลงท่าทางหวาดกลัว ตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำ
“คือว่า ข้า แค่ก ๆ”สำรอกเลือดออกมาอีกคำ
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว”กู้เหวินซานวางมือบนศีรษะให้หญิงสาวพิงหน้าอก น้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะตวัดสายตามองเจียงรั่วอี้ สีหน้าถมึงทึง
“เจียงรั่วอี้ อะไรทำให้เจ้าเติบโตมาเป็นคนเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนข้าเคยคิดว่าเจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าจิตใจเจ้าบิดเบี้ยวมากขนาดไหน วันนี้ถึงขั้นกล้าวางยาพิษคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง วันหน้าคงมิวายกล้าถือมีดวิ่งแทงคนไปทั่ว!”น้ำเสียงกดต่ำเย็นชา
คนถูกด่าสะดุ้งมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ
มาโกรธเธอทำไมก่อน แล้วคนในอ้อมกอดนะ บอกว่าถูกวางยาไม่ใช่เหรอทำไมไม่พาไปหาหมอ มายืนกอดกันทำซีนละครรักอยู่ทำไม หรือจริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกวางยา แต่กำลังแสร้งเป็นแม่ดอกบัวขาว?
“สีหน้าเจ้าหมายความเช่นไร หรือกำลังจะบอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำ!”
ก็เธอไม่ได้ทำจริง ๆ จะให้ยอมรับได้ยังไง
กู้เหวินซานส่งเสียง เหอะ ในลำคอ ดันลิ้นกับกระพุ้งแก้ม ถอนหายใจยาวขยับปากเอ่ย
“เจ้ายังจะกล้าแสร้งว่าตนไม่ได้ทำ มีใครในแคว้นนี้ที่ไม่รู้บ้างว่าเจ้าชั่วช้าสารเลวแค่ไหน คนอย่างเจ้าไม่ควรเกิดมามีฐานะดีเลย น่าจะเกิดเป็นสุนัขข้างถนนจะได้ไม่มีอำนาจมารังแกผู้อื่น หรือไม่ก็ควรเกิดมามีชีวิตลำบาก อด ๆ อยาก ๆ แล้วตายไปเหมือนสุนัขข้างถนน !”
“นั่นปากเหรอ ?”
“...”คนถูกสวนกลับถึงกับชะงัก
“ฉันถามว่านั่นปากเหรอ ถึงได้พ่นแต่คำพูดไม่น่าฟังออกมา คำก็สารเลว สองคำก็ชั่วช้า คนที่ชั่วช้ามันนายมากกว่ามั้ง ยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร เข้ามาในห้องถาม ๆ คนของตัวเองเสร็จก็หันมาด่าฉันปาว ๆ คิดว่าตัวเองเป็นใครวิเศษวิโสมาจากไหนถึงได้มาด่าฉัน แล้วผู้หญิงคนนั้นนะ บอกว่าถูกวางยาไม่ใช่เหรอทำไมไม่รีบพาไปหาหมอ มัวแต่มายืนด่าฉันฉอด ๆ ระวังจะพาไปรักษาไม่ทัน ถึงตอนนั้นอย่าคิดจะมาโทษฉันทีหลัง!”
กล่าวจบดวงตาไม่พอใจก็เหลือบมองหญิงสาวในอ้อมกอด จึงเห็นว่ามือเธอขยำชายเสื้อเข้าแน่นขึ้น ขมวดคิ้วเข้าหากัน ท่าทางไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิด สีหน้าเองก็ดูมีเลือดฝาดขึ้นมาก“หรือจริง ๆ แล้วไม่ได้ถูกวางยา แต่แค่อยากอ่อยผู้ชายจึงพยายามทำตัวน่าสงสาร”
“เจ้า !!”กู้เหวินซานตวาดก้อง
คนถูกตวาดสะดุ้งโหยงหันสายตามองอีกฝ่าย
“เจ้ามันเกินเยียวยาแล้ว!! ในดินแดนนี้มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นละที่ชอบเสแสร้ง ตนเองเสแสร้งจนเคยตัวคนเดียวไม่พอยังกล้ากล่าวหาคนอื่นว่าเสแสร้ง!”
“ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับหมิงหมิง ข้าและสกุลกู้จะเอาเรื่องสกุลเจียงของเจ้าให้ถึงที่สุด ให้เจ้าได้รู้ว่าเพราะความชั่วร้ายของเจ้าทำให้ชีวิตเจ้าต้องพินาศ!”
กู้เหวินซานด่าเสร็จก็ประคองคนในอ้อมกอดออกจากห้อง ถ้าไม่ติดว่าหญิงสาวในอ้อมกอดท่าทางไม่ดี มิหนำซ้ำยังขยำชายเสื้อเขาเป็นเชิงห้ามปรามตนก็อยากจะต่อว่าสตรีชั่วร้ายตรงหน้าอีกหลาย ๆ ประโยคเผื่อนางจะสำนึกในสิ่งที่ตนทำ
เจียงรั่วอี้มองคนทั้งสองเดินออกจากห้องไปจนลับตา หันสายตากลับมามองความเละเทะภายในห้อง
“เสียดายจังทั้งที่หน้าตาดีแท้ ๆ แต่ไร้เหตุผลชะมัด”เจียงรั่วอี้ถอนหายใจนึกเสียงดายหน้าตาหล่อ ๆ หันกลับมาสำรวจโดยรอบ
สภาพในห้องไม่เหมือนคนถูกวางยาแล้วล้มลงไป แต่เหมือนเกิดการสู้รบปะทะกันสักยกแล้วจับยากรอกปากมากกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ชุดน้ำชา จานชาม ต่างล้มระเนระนาดระเกะระกะเต็มพื้น
สองขาเรียวเดินวนรอบห้อง มองหาว่ามีกล้องซ่อนอยู่ตรงไหนไหม
“หืม อะไรน่ะ”หญิงสาวย่อตัวหยิบขวดใบเล็กใต้โต๊ะ ถ้าในจังหวะที่มองมาไม่มีแสงส่องกระทบขวดเข้าพอดีเธอคงไม่สังเกตเห็น
ดวงตาขี้สงสัยมองพิจารณาขวดในมือครู่หนึ่งก่อนดึงมาใกล้จมูก“แหวะ กลิ่นอย่างเหม็นเลย”ใบหน้างดงามถึงกับเหยเก“ของแบบนี้มาตกอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันนะ”ดวงตาดอกท้อมองขวดให้มือด้วยความสงสัยใคร่รู้ ดูจากลักษณะขวดแล้วไม่เหมือนของที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟแต่เป็นของส่วนตัวที่นำมาเอง เพราะรูปแบบของลวดลายแตกต่างจากของอื่น ๆ ในร้าน
“คุณหนูเจียงข้ามารับตัวกลับจวนขอรับ”
“ตะเถร!”เจียงรั่วอี้สะดุ้ง รีบคว้าจับขวดที่โยนขึ้นไปด้านบนเพราะความตกใจ ก่อนจะหันกลับมามองด้านหลัง ตรงหน้าคือบุรุษในชุดสีเขียวอ่อนลายใบไผ่สะอาดตาท่าทางนอบน้อมยื่นห่างออกไปประมาณสองก้าวขา
“ทำไมเข้ามาเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงเรียกก่อน ถ้าฉันตกใจจนหัวใจวายไปจะทำยังไง!”
“...”คนถูกต่อว่ามองหญิงสาวตรงหน้านิ่งก่อนเอ่ยออกมาด้วยท่าทางสงบ ไม่ได้สนใจสายตาตำหนิของเจียงรั่วอี้
“นายท่านสั่งข้ามาตามคุณหนูกลับจวนขอรับ ได้โปรดทำตามด้วย ไม่อย่างนั้นข้าน้อยคงต้องใช้กำลังบังคับ”
“นายท่าน ? จวน ? นายพูดถึงอะไร ตอนนี้ฉันต้องกลับบ้านแล้วไม่มีเวลาไปไหนกับนายหรอกนะ”เจียงรั่วอี้พูดพลางเดินผ่านอีกฝ่ายออกไปด้านนอก
ถึงจะยังสงสัยว่าตนเองมาปรากฏตัวในห้องนี้ได้ยังไง แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าเธอต้องรีบหาทางกลับบ้าน จู่ ๆ ก็ถูกพาตัวมาที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ไม่รู้ว่าถูกยกเค้าไปแล้วหรือยัง ในบ้านยิ่งไม่ค่อยมีอะไรอยู่ด้วย
“คุณหนูหากท่านไม่ยอมข้าจะลงมือแล้วนะขอรับ”
คนฟังชะงักฝีเท้ายื่นนิ่งไม่เคลื่อนไหว
เจียงรั่วอี้ไม่ได้กลัวคำขู่ของอีกฝ่าย แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเธอตะลึงงันจนทำตัวไม่ถูก
คนพวกนี้เป็นใคร ? ทำไมต้องมองเธอแล้วแสดงท่าทางหวาดผวาออกมาหรือว่าหน้าตาเธอตอนนี้น่าเกลียดน่ากลัว แถมลางสังหรณ์ของเธอยังบอกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เจียงรั่วอี้ที่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหันกลับไปมองด้านหลัง
“นายน่ะ”
“...”
“ฉันเรียกนายนั่นแหละ”
คนฟังชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“ใช่ ช่วยบอกฉันหน่อยสิว่าที่นี่คือที่ไหน”
คนถูกถามขมวดคิ้วแต่ก็ยอมตอบคำถาม“แคว้นเทียนจู แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนอัน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ฝึกตน”
“...”
“คุณหนู!”ชายตรงหน้าก้าวเพียงครั้งเดียวก็เข้ามาประชิดเจียงรั่วอี้ที่ทำท่าเหมือนจะล้ม
หญิงสาวเงยหน้ามองสีหน้าเรียบเฉย มองจุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้า
เพียงพริบตาเดียว พริบตาเดียวก็สามารถเข้ามาประชิดตัวเธอได้ทั้งที่ยืนห่างออกไปเกือบสิบก้าว
สองมือสั่นเทายกขึ้นจับแขนอีกฝ่าย“นายบอกว่า ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนอันอย่างนั้นเหรอ”
“ขอรับ คุณหนูท่านไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
เหตุใดวันนี้คุณหนูถึงทำตัวแปลก ๆ ปกติถ้าเขาแตะต้องตัวคงมิวายถูกตบหน้าหันและถูกต่อว่าด้วยวาจาเจ็บแสบหลายประโยค ทว่าไม่เพียงไม่แสดงท่าทางรังเกียจยังเผยสีหน้าสับสนไม่เข้าใจออกมาด้วย
“นายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม ไม่ได้กำลังอำฉันเล่นใช่ไหม”
“...”
“เหอะ เหอะ นี่คือเรื่องจริงเหรอ แคว้นเทียนจู ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนอันจริง ๆ เหรอ และฉันก็คงจะเป็นเจียงรั่วอี้คุณหนูสามตระกูลเจียงสินะ”
คนที่กลับมายืนเกือบจะมั่นคงแล้วมองคนข้างกายแต่พอเขาพยักหน้าขึ้นลง
“คุณหนู!”
ร่างกายก็ทรุดนั่งบนพื้นอีกครั้ง หญิงสาวยกมือห้ามไม่ให้เขาเข้ามาประคอง ดวงตาจ้องมองภาพสะท้อนใบหน้าบนพื้นท่าทางห่อเหี่ยว ยกมือขึ้นดึงแก้มตัวเองแรง ๆ
ก็เจ็บนิ แสดงว่าไม่ใช่ความฝัน
คุณหนูสาม
คุณหนูสามตระกูลเจียง
เธอกลายเป็นคุณหนูสามตระกูลเจียงจริง ๆ เหรอ สตรีชั่วช้าร้ายกาจคนนั้นน่ะนะ เธอจะกลายเป็นคนชั่วร้ายแบบนั้นไปได้ยังไง!
อ๊ากกกก! สวรรค์ท่านช่างใจร้ายยิ่งนัก ฉันทำอะไรผิด ทำไมถึงส่งเข้ามาในร่างของสตรีชั่วร้ายที่คนมากมายพากันรังเกียจ!
ทำไมไม่ส่งมาในร่างนางเอกที่ทุกคนหลงรักแถมสุดท้ายยังได้ครองรักกับพระเอก ทำไมต้องเป็นตัวร้ายที่จุดจบคือต้องตายด้วย!
