บทย่อ
เมื่อชีวิตในโลกใบเดิมสิ้นสุด ทว่าชะตาดันเล่นตลกให้ต้องกลายมาอยู่ในร่างของเจ้าสาวบรรณาการแด่จอมมาร ใครก็ว่าราชามารผู้นี้ช่างโหดร้าย สตรีที่เคยถูกส่งเข้าไปล้วนถูกเขาปลิดชีพตายทั้งหมด
บทที่ 1 ลมหายใจสุดท้าย
เพราะบุตรสาวของอนุผู้นี้ช่างใจกล้าเหนือสตรี ซ้ำยังชอบแต่งกายผิดจารีตประเพณีไม่เคารพกฎเกณฑ์ นางจึงถูกส่งไปสำนึกตนยังชานเมืองทุรกันดาร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านเดิมที่หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นเผ่าบูชาจอมมารวิหคทอง ทุก ๆ สิบปีจะต้องมีการส่งตัวเจ้าสาวบรรณาการให้แก่จอมมารในดินแดนลึกลับ คาดไม่ถึงว่าชะตาเกิดของนางจะขึ้นตรงกับเนตรหายนะของปีที่สิบนี้เข้าอย่างพอดี ทั้งหมู่บ้านล้วนร่ำลือว่า บุตรีเสนาบดีใหญ่และอนุที่สิ้นใจไปแล้วล้วนเป็นที่ชิงชัง แม้นางหายตัวไปคงไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญ
ในคืนที่เกิดพายุลมฝนกรรโชกอย่างหนัก ร่างบอบบางกลับนอนขดกายอยู่บนแคร่ไม้เก่าในห้องเก็บฟืน นางเป็นคุณหนูรองลูกของเสนาบดีก็จริงอยู่ ทว่าเมื่อถูกส่งเข้ามาเพื่อสำนึกตนยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดสนใจไยดี ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งจากบ่าวไพร่สารพัด ผู้คนเหล่านี้หาได้เกรงกลัวคุณหนูรองเช่นนาง ซ้ำยังประณามว่านางคือ บุตรีนอกคอกผู้ที่บิดาแสนเกลียดชัง การที่ถูกส่งมายังสถานที่เช่นนั้นหมายถึงว่านางได้โดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว
ปัง!
เสียงบานประตูถูกกระแทกจนเปิดออก นัยน์ตาคู่งามเปิดกว้างมองผ่านความมืดสลัว นางชินและชากับเหตุการณ์เช่นนี้เสียแล้ว ริมฝีปากสีกุหลาบแสยะยิ้ม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
"นำตัวนางไป" หญิงชราผู้หนึ่งกล่าวแทรกเสียงฝนพรำ
บรรดาชายฉกรรจ์ต่างดาหน้าเข้ามาฉุดกระชากลากถูร่างสตรีผอมบางลงจากแคร่ไม้ ชายร่างกำยำผู้หนึ่งยกนางขึ้นพาดบ่า หญิงสาวไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด ภาพที่นางเห็นล้วนกลับด้านไปเสียหมด บรรดาชาวบ้านต่างรายล้อมสตรีตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเอาไว้ท่ามกลางสายฝนที่หลั่งริน ดั่งสวรรค์กำลังย้ำเตือนความสิ้นหวังภายในใจของหญิงสาว นัยน์ตากลมหลับลงเชื่องช้า เธอหวังว่านี่จะเป็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวังสุดท้าย อีกไม่นานนางคงต้องถูกลอยแพกลางสายน้ำเย็นเยียบเพื่อส่งมอบให้กับราชามารผู้ชั่วร้าย หญิงสาวแค่นยิ้มหนึ่งหน จากนั้นสติของนางพลันดับวูบลงในที่สุด
.
.
เฮือก!
"เหยาเหยาเป็นอะไร เราปลุกอยู่ตั้งนานเธอก็ไม่ยอมตื่น" เสี่ยวผิงตื่นตระหนกเมื่อเธอพยายามปลุกลี่เหยาเหยาอยู่นานสองนาน แต่ทว่าเพื่อนของเธอก็เอาแต่ส่ายศีรษะและขมวดคิ้วไปมาบนโต๊ะหนังสือ นับว่าโชคยังดีที่อาจารย์ไม่ว่างเข้าสอน เพื่อนร่วมห้องต่างทยอยเดินออกไปจนดูบางตาลงแล้ว เวลานี้ภายในห้องจึงเหลือพวกเธอเพียงสองคนเท่านั้น
ลี่เหยาเหยาพยายามปรับลมหายใจของตนให้เป็นปกติ หยาดเหงื่อเม็ดละเอียดผุดขึ้นบนกรอบหน้างาม "ขอโทษทีเสี่ยวผิง เราแค่ฝันนิดหน่อย"
"ฝันเหรอ ฝันเรื่องอะไร ดูเครียดขนาดนั้น ไม่สบายหรือเปล่า"
"เอ่อ...เราคงเครียดเรื่องบทบาทที่ได้รับเกินไปจนเก็บไปฝันน่ะ ไม่เป็นไร" ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้มบาง
"เหยาเหยา ไม่ต้องคิดมาก ละครก็คือละคร เธอแค่แสดงออกมาตามหน้าที่ สิ้นสุดลงแล้วก็ไม่มีอะไร อีกไม่กี่วันจะถึงงานแสดงของมหาลัยแล้ว ทำใจให้สบาย" เสี่ยวผิงกล่าวปลอบใจ
เสี่ยวผิงรู้ดีว่าบทบาทที่ลี่เหยาเหยาได้รับน่ากังวลเพียงใด นับได้ว่าต้องเข้าใจตัวละครอย่างมากที่สุด คาดไม่ถึงว่าเพื่อนของเธอจะนำกลับไปฝันเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ ซ้ำจากหญิงสาวร่าเริงกลับต้องคอยเคร่งเครียดกดดัน การแสดงละครเวทีหนนี้เป็นเส้นตัดสินโปรเจกต์จบการศึกษาของพวกเธอ ลี่เหยาเหยาลุกขึ้น พลันยื่นมือให้กับเสี่ยวผิง เสี่ยวผิงจึงเอื้อมมือตอบ พลางลุกขึ้นตามแรงดึงของอีกฝ่าย
"มีเรื่องใดบ้างที่คุณหนูเหยาเหยาผู้นี้จัดการไม่ได้ แค่จัดการกับความรู้สึกนิดเดียวสบายน่า"
ลี่เหยาเหยาเอื้อมมือโอบไหล่ของเสี่ยวผิง ปลายนิ้วตบบ่าเพื่อนรักเปาะแปะ พลางก้าวเดินไปพร้อมกัน
"จ๊ะ! ยัยคุณหนูขี้เซา ขอให้มันจริงเถอะ แต่ถ้าวันไหนไม่สบายใจหรือรู้สึกป่วยตรงไหนต้องรีบบอกเรานะ" เสี่ยวผิงกล่าวพลางเขี่ยปลายจมูกเพื่อนรักเล่นอย่างนึกมันเขี้ยว
"จ้า ๆ รู้แล้วน่า นี่เพื่อนหรือแม่กันคะเนี่ย"
ลี่เหยาเหยาและเสี่ยวผิงเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อนุบาล พวกเธอทั้งสองตัวติดกันราวกับตังเม ไปไหนไปกันอยู่เสมอ ลี่เหยาเหยาเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาโดดเด่นทรงเสน่ห์ ซ้ำนิสัยน่ารักน่าเอ็นดูและกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็ก ๆ โตมาเธอจึงเลือกเรียนในคณะนิเทศศาสตร์เพื่อต่อยอดความสามารถของตน แม้ตอนนี้อาจยังไม่ใช่นักแสดงเด่นดังเช่นรุ่นใหญ่ แต่ก็มีงานโฆษณาเข้ามาอยู่ไม่ขาด ส่วนเสี่ยวผิงก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับลี่เหยาเหยา พวกเธอเรียนคณะเดียวกัน อาศัยอยู่หอด้วยกัน เนื่องจากที่บ้านของทั้งสองล้วนห่างไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
ณ หอพัก
ลี่เหยาเหยานั่งมองหน้าของตนผ่านกระจกพลางกะพริบดวงตาปริบ ๆ เธอสำรวจมองใบหน้าตัวเองซ้ายขวา แล้วจึงเหลียวหลังมองไปยังเพื่อนของตนซึ่งกำลังง่วนอยู่กับแท็บเล็ตบนมือหน้าเคร่งเครียด
"เสี่ยวผิง เธอว่าเป็นไปได้ไหมที่ตัวละครบางตัวอาจเคยมีชีวิตจริง ๆ"
เสี่ยวผิงละสายตาจากสิ่งที่กำลังทำ นัยน์ตากลมหรี่ลงเล็กน้อย "อืม...แบบนั้นมันก็มีนะเหยาเหยา เช่นละครที่อิงประวัติศาสตร์ไง"
"ไม่ใช่ เราหมายถึง ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่อิงอะไรเลย แต่สร้างขึ้นจากจินตนาการผู้เขียนล้วน ๆ"
"เหยาเหยาเธอกำลังคิดมากกับบทชายาจอมมารที่ได้รับเหรอ เธอกังวลว่านางจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ คิดมากน่า" เสี่ยวผิงยิ้มอ่อนพลางส่ายหน้าไปหนึ่งหน
"อืม...ดูเหมือนเราจะคิดมากเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ ละครก็ได้รับมาตั้งเยอะแยะ มาคิดมากอะไรกับโปรเจกต์ละครเวทีเรื่องเดียวกัน"
"นั่นสิ ๆ รีบมาสก์หน้า แล้วก็มานอนได้แล้วค่ะ คุณนักแสดงสาวสวย" เสี่ยวผิงกล่าวหยอกล้อเชิงไม่จริงจังนัก
"โอเคค่า คุณผู้จัดการคนสวย รีบแล้ว ๆ"
.
.
งานละครเวทีของมหาวิทยาลัยได้เดินทางมาถึง ลี่เหยาเหยาอยู่ในเครื่องแต่งกายคล้ายชุดฮั่นฝูสีแดงสด เรียกอีกอย่างคงเป็นชุดวิวาห์ซะมากกว่า
"อู้หู ชายาจอมมารผู้นี้สวยจังแฮะ มีแต่ตาทึ่มนั่นแหละที่ฆ่าเมียตัวเองตาย" เสี่ยวผิงกล่าวพลางหมุนกายของเพื่อนรักซ้ายขวา หัวเราะคิกคัก
"เสี่ยวผิง" ลี่เหยาเหยายกปลายนิ้วชี้เชิงบอกให้สหายของตนเงียบ ๆ เหตุเพราะเพื่อนร่วมกลุ่มที่คิดบทละครนี้ขึ้นมาก็อยู่ด้านในเช่นกัน
อยู่ ๆ สาวแว่นหนาเตอะยอดนักเขียนก็เดินเข้ามาใกล้พวกเธอ พลางสำรวจมองเสี่ยวผิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และเหลียวมองลี่เหยาเหยาเช่นเดียวกัน เธอขยับแว่นสี่เหลี่ยมบนดวงตาเล็กน้อย
"รู้จักหรือเปล่า แบดเอนอะ แฮปปี้เอนมันน่าเบื่อแล้ว ถ้าอยากให้ผัวรักผัวหลงก็ลองไปเปลี่ยนชะตาเอาเองเลยซิ" เด็กแว่นตัวสูงระดับไหล่แหงนใบหน้ามองลี่เหยาเหยาสลับกับเสี่ยวผิง พลันยกสองนิ้วขึ้นชี้ดวงตาของตัวเองและกลับด้านไปมาระหว่างพวกเธอทั้งสอง ราวต้องการบ่งบอกว่า ฉันจับตาดูพวกเธออยู่นะ
"เหยาเหยา เธอแสดงให้ดีล่ะ ฉันตั้งใจเขียนมันมาก"
ลี่เหยาเหยาไม่เอ่ยสิ่งใด เธอยืนตัวแข็งทื่อพยักหน้าตอบรับ เพียงแวบหนึ่งราวกับเห็นรอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นบนใบหน้าใสซื่อนั่น ก่อนจากไปเจียลี่ตบฝ่ามือลงบนไหล่ของลี่เหยาเหยาสองสามแปะ เอ่ยกระซิบ "อยากลองช่วยชายาจอมมารหรือเปล่าล่ะ"
เจียลี่ทิ้งท้ายประโยคไว้เพียงเท่านั้นจึงสาวเท้าเดินห่างออกไป ลี่เหยาเหยามองตามเด็กแว่นร่างท้วมจนลับสายตา หัวใจของเธอกลับเต้นกระหน่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ
"ยัยแว่นเด็กประหลาด แค่พูดถึงบทที่เขียนนิดเดียวไม่ได้หรือไง ชิ!" เสี่ยวผิงเอ่ยไล่หลัง
"เอาน่า ช่างเถอะเสี่ยวผิง นี่ก็ถึงเวลาแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปแสตนบายหลังเวทีก่อนนะ"
"อือ...สู้ ๆ นะ" เสี่ยวผิงยิ้มให้กำลังใจ
ลี่เหยาเหยายิ้มตอบ พลางชูแขนพร้อมกำปั้น "สู้ สู้"
ละครเวทีดำเนินมาจนถึงกลางเรื่องแล้ว เสี่ยวผิงลุ้นกับบทบาทของเหยาเหยามาโดยตลอด ด้านข้างของเธอกลับมีนักเขียนตัวดีมายืนขนาบกายตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ "เจียลี่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกอกตกใจหมด" เสี่ยวผิงสะดุ้งโหยง
"ขวัญอ่อน" เจียลี่กล่าวหน้าตาย พลางดันกรอบแว่นให้เข้าที่เข้าทาง
เสี่ยวผิงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีกเธอจึงเหลียวหน้ามองไปยังเวทีด้านหน้า เจียลี่ก็เช่นเดียวกัน เสี่ยวผิงเริ่มสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของลี่เหยาเหยา คิ้วของเธอจึงเริ่มเคลื่อนเข้าหากัน
"เหยาเหยา" เสี่ยวผิงกล่าวน้ำเสียงเบาหวิว ภายในใจเริ่มเต้นโครมคราม เสี่ยวผิงรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลนัก
อยู่ ๆ นักแสดงนำเช่นลี่เหยาเหยาพลันทรุดฮวบลง นัยน์ตาของเธอมองตรงมายังเสี่ยวผิงและเจียลี่ ลี่เหยาเหยาเริ่มรู้สึกว่าตนหายใจไม่ออก ผู้คนทั้งฮอลล์ต่างแตกตื่นโกลาหล บ้างรีบมาดูอาการ บ้างโทรเรียกรถพยาบาลจ้าละหวั่น เสี่ยวผิงเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งรุดขึ้นไปบนเวทีอย่างเร่งร้อน พร่ำเรียกเพื่อนสนิทของตนด้วยอาการตื่นตระหนก
"เหยาเหยา! เหยาเหยา!"
ภาพสุดท้ายที่ลี่เหยาเหยามองเห็นคือรอยยิ้มเย็นยะเยือกของเจียลี่ ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะของเธอก็หายไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดสะบั้นลง

