บทที่ 5
ดึกดื่นค่อนคืนแล้วเสียงเจ้าโทนเห่าดังลั่นหน้าเรือน ปลุกให้ทุกคนตื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แสงไฟสว่างจ้าจากห้องครัวใต้ถุนเรือนเปิดขึ้น ลุงมั่นถือไฟฉายส่องมาตลอดทาง ในมือกระชับท่อนไม้พอเหมาะมือพร้อมจะใช้เป็นอาวุธหากมีอะไรเกิดขึ้น
“ใคร มาซะดึกขนาดนี้”
รถเก๋งสีดำจอดอยู่ที่หน้าเรือนแต่ไม่เห็นตัวคนขับ ชายสูงวัยเดินอย่างระมัดระวังใช้ไฟฉายส่องไปให้ทั่วๆ ทั้งคันรถ พยายามจะส่องเข้าไปในตัวรถเพื่อหาคนขับ แต่ก็ไม่เห็นหน้าคนขับเสียที เสียงเหมือนอะไรหล่นดังตุ๊บใกล้ๆ กับประตูด้านข้างคนขับ
“เฮ้ย อะไรเนี่ย” ลุงมั่นรีบฉายไฟดูแล้วก็ต้องตะโกนด้วยความตกใจว่า
“คุณภู ทำไมเป็นอย่างนี้” ลุงมั่นรีบเข้าไปประคองตัวภูชิตให้ลุกขึ้นมายืนให้ได้
มีคำถามว่า ทำไมภูชิตจึงมาถึงบ้านสวนในสภาพนี้ เขาไม่เคยเห็นคุณหมอหนุ่มทำตัวแบบนี้มาก่อน คุณภูในสายตาของทุกคนคือคุณหมอหนุ่มเรียบร้อยมีสัมมาคารวะ และที่สำคัญไม่เคยปล่อยให้ตัวเองมีสภาพนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ถ้าคุณเสือน้อย เจ้านายของเขาก็ว่าไปอย่าง ถึงไม่ใช่หนุ่มชอบก๊งแต่ก็ไม่ได้สำอางค์เรียบร้อยแบบคุณภู ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่สองคนพี่น้องนี้เหมือนกันอยู่อย่างตรงที่ ไม่เคยมีใครเมามายไม่ได้สติแบบนี้มาก่อน แต่ทำไมวันนี้คุณภูจึงเป็นเช่นนี้ได้
“เต็มที่เลยนะครับ คุณภู” ลุงมั่นเบือนหน้าเล็กน้อย เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวชองภูชิตเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ชนิดที่เรียกว่าไปอาบมาแน่นอน
ลุงมั่นค่อยๆ ประคองภูชิตขึ้นมาจากพื้น ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในสภาพสะลึมสะลือจับต้นชนปลายไม่ได้ว่ามายังไงไปยังไง รู้แต่ว่ากำลังอยากจะคายของเก่าออกมา
“โอ๊ยๆ คุณภูเบาๆ ครับเดี๋ยวก็ไส้พังกันพอดี” ชานสูงวัยร้องลั่นด้วยความตกใจ
ภูชิตเดินตุปัดตุเป๋ไปอาเจียนแบบหมดไส้หมดพุงเสียงดังลั่นไปหมด แสงไฟบนเรือนเปิดสว่างจ้า
“ต๊าย คุณภูเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นได้ซะขนาดนี้” ป้าสะอิ้งลูบหลังเบาๆ จนชายหนุ่มดีขึ้น แล้วช่วยลุงมั่นพยุงภูชิตขึ้นไปบนเรือน
ภูบดินทร์เห็นท่าทางของพี่ชายแล้วตกใจรีบวิ่งลงมาช่วยลุงมั่นพยุงขึ้นบ้านอย่างทุกลักทีเล ป้าสะอิ้งวิ่งหายเข้าไปในครัวถือชามกะละมังและผ้าขนหนูตามขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็ว
กว่าจะพาภูชิตขึ้นมานั่งที่ระบียงได้เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆ กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากภูชิตจะตัวไล่เลี่ยกับภูบดินทร์แล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มยังดื้อแบบไม่รู้เรื่องอีกด้วย
“ไปทำอะไรมาพี่ภู ทำไมเป็นแบบนี้” ภูบดินทร์ถามอย่างแปลกใจ พร้อมกับสำรวจว่าตามเนื้อตัวของพี่ชายมีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือไม่
“พี่ภู ทำไมเมาขนาดนี้ถูกหวยเหรอไง” ภูบดินทร์เขย่าตัวพี่ชายที่ยังไม่ได้สติ ป้าสะอิ้งวิ่งมาพร้อมกับอุปกรณ์ช่วยงานเพื่อมาปรนนิบัติภูชิต รินนลีที่ยืนอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยอย่างคล่องแคล่ว
“พี่เสือ พาพี่ภูไปนอนดีกว่า มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ดึกมากแล้วลุงกับป้าจะได้พักผ่อนด้วย” ภูบดินทร์พยักหน้ารับทันที เขาเปลี่ยนจากเสือมาเป็นลูกแมวน้อยเชื่องๆ ยามที่อยู่กับรินนลี ช่วยกัลุงมั่นพยุงภูชิตเข้าไปนอนในห้องนอนของตนแต่โดยดี
ตอนสายของวันถัดมา รินนลีกับภูบดินทร์นั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันอย่างอารมณ์ดี วันนี้ไม่มีงานอะไรเร่งด่วนชายหนุ่มจึงอ้อยอิ่งอยู่กับรินนลีไม่ยอมไปไหน
“วันนี้พี่เสือ ไม่ลงสวนเหรอคะ” รินนลีถามสองมือก็ช่วยป้าสะอิ้งเก็บสำรับบนโต๊ะอาหารยกลงไปเก็บในครัว ก่อนจะเดินไปชงกาแฟมาเสริฟ์วางตรงหน้าชายคนรักเช่นทุกวัน
“วันนี้ไม่มีอะไรด่วนมาก พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องรินดีกว่าคะ” ภูบดินทร์ตอบตาเป็นประกาย
ช่วงหลังๆ ถ้าไม่มีงานอะไรด่วนหรือชายหนุ่มมักจะสั่งงานให้ลุงมั่นหรือลูกน้องคนอื่นทำแทน แล้วค่อยลงไปตรวจงานอีกทีตอนเย็น นอกนั้นเขาใช้เวลาทั้งวันขลุกอยู่บนเรือนกับหญิงสาวแทบไม่ห่างไปไหน
ภูชิตรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาพยายามจะนึกให้ได้ว่าตนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ ยืนเซไปเซมาอยู่สักพัก ตั้งสติได้แล้วพยายามจะเดินออกจากห้องแต่เพียงไม่กี่ก้าวยังไม่ทันจะพ้นประตู ก็รู้สึกพะอึดพะอมรีบวิ่งออกไปที่ระเบียงด้านนอกเพื่อคายของเก่าออกมา ครั้งนี้เรียกได้ว่าหมดไส้หมดพุงจริงๆ เลยก็ได้ ป้าสะอิ้งทิ้งสำรับบนโต๊ะนางก็รีบวิ่งมาดูแลทันที
“โอ๊ย เบาๆ ค่ะ คุณภูเดี๋ยวตายกันพอดี” ป้าสะอิ้งเอามือลูบหลังชายหนุ่มเบาๆ
“ไปเมาที่ไหนมาเนี่ย ขับรถกลับมาสภาพเนี่ย ไม่เหลือคราบคุณภูชิตเลย” ภูบดินทร์ทรุดลงนั่งข้างพี่ชาย พร้อมกับพินิจพิจารณาหน้าตาของพี่ชายตนใกล้ๆ หน้าตาของภูชิตตอนนี้ดูไม่ได้เลยทีเดียว แค่ข้ามคืนคนเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“โถ คุณภูไปทำอะไรมาค่ะ ทำไมเป็นแบบนี้” ป้าสะอิ้งเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกแล้ว
นางเห็นสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มตอนนี้ พอจะเดาได้ไม่ยากว่าคุณภูของนางคงมีเรื่องคับอกคับใจอะไรมาอย่างแน่นอน และคงหนีไม่พ้นเรื่องของสาวน้อยที่คิดจะแต่งงานด้วยแน่
รินนลีสะกิดแขนคนรักเบาๆ ให้ภูบดินทร์หยุดเซ้าซี้ถามอะไรตอนนี้ เธอหันมาหาภูชิตแล้วพูดว่า
“พี่ภูไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายก่อนไหมคะ มีอะไรเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน”
ภูชิตไม่มีปฎิกริยาตอบสนองอะไรจากใครทั้งสิ้น นั่งนิ่งๆ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่อยากจะขยับ ไม่อยากจะพูดกับใคร อยากจะเมาอย่างเดียว เมาให้ลืม ลืมความเจ็บปวดที่อยู่ในใจให้หมดไป
“ไปอาบน้ำกันดีกว่าค่ะคุณภู เดี๋ยวป้าถูหลังให้อาบน้ำแล้วมากินข้าวจะได้สบายเนื้อสบายตัวนะคะ” ป้าสะอิ้งรู้ใจชายหนุ่มดีกว่าใครทั้งหมดดี นางรู้ว่าต้องจัดการอย่าไงรกับภูชิตในตอนนี้
“อาบน้ำแล้วจะได้หล่อๆ ไงคะสาวๆ เขาชอบมองคนหล่อ คุณภูของป้าหล่ออยู่แล้วถ้ายิ่งได้อาบน้ำก็ยิ่งหล่อใหญ่เลย ไปนะคะไปอาบน้ำกัน”
ภูชิตนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรปล่อยให้ป้าสะอิ้งเช็ดหน้าเช็ดตาไปตามที่ใจอยากทำ ต่อให้หล่อเหลาราวเทพบุตรก็ไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อความหล่อเหลาที่ตัวเองภูมิใจหนักหนา ไม่อาจจะรั้งให้หญิงคนรักเป็นของตนได้ นางสะอิ้งเหลือบตามองชายหนุ่มเล็กน้อยแล้วชวนคุยต่อว่า
“คุณภูของป้าน่ะอาบน้ำแล้วก็ยิ่งหล่อ ไม่เหมือนคุณเสือรายนั้นน่ะไม่ชอบอาบน้ำ คุณภูของป้าว่าง่ายกว่าตั้งเยอะ จริงไหมค่ะคุณภู”
“หล่อไปก็ไม่มีใครรักผมไม่รู้จะหล่อไปทำไม” น้ำเสียงเหมือนประชดชีวิตเล็กน้อย ป้าสะอิ้งยิ้มออกมาอย่างดีใจ รู้ว่าคุณภู ยอม เปิดปากแล้ว
“ใครไม่รักคุณภูของป้าก็ช่างแต่ป้ารัก ใครบอกว่าคุณภูไม่หล่อแต่สำหรับป้าคุณภูหล่อที่สุด ไปนะคะคนดีไปอาบน้ำกัน เร็ว เดี๋ยวจะได้มาทานข้าวกันนะ” ป้าสะอิ้งพยุงภูชิตให้ลุกขึ้น
เขามองหน้าหญิงสูงวัยเห็นรอยยิ้มดีใจที่มุมปากและแววตาที่อบอุ่น น้ำตาของภูชิตพาลจะไหลออกมาอีกครั้งให้ได้ เขาเป็นพวกขี้แพ้ขนาดนี้แล้ว ยังมีคนคอยห่วงใยเขาอีกหรือ
“ตอนเด็กๆ นะ เวลาที่ไม่มีใครยอมอาบน้ำ คุณแม่ไม่จัดการเองหรอกให้ป้าสะอิ้งดูแล ท่านบอกว่าป้าสะอิ้งเลี้ยงพวกเรามาแต่เด็ก รู้ว่าต้องประเหลาะยังไงถึงอยู่หมัด คุณแม่บอกว่าถ้าให้ท่านจัดการพอดีพวกเราไม่ต้องอาบน้ำกันเพราะคุณแม่ไม่ชอบบังคับ แต่ไม่รู้ทำไมพอโตขึ้นถึงได้ชอบบังคับนัก โดยเฉพาะบังคับให้มีเมีย”
คำพูดประโยคหลังกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคนเฉพาะตนกับรินนลี ทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาทันทีด้วยความเขินอาย ยิ่งเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาจากชายหนุ่มแล้ว รินนลียิ่งไม่กล้าสบตา
“อย่าค่ะพี่เสือ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” รินนลีเหลียวมองรอบด้านอย่างระแวง เมื่อเจ้าของสวนหนุ่มทำท่าจะหอมแก้มเธออีกแล้ว
“ดีซิ จะได้รู้ว่าพี่รักน้องรินแค่ไหน” ภูบดินทร์ถือโอกาสหอมแก้มเนียนเบาๆ อีกครั้ง
คู่รักข้างนอกกำลังจู๋จี๋กันอย่างมีความสุข แต่คู่ของภูชิตกับป้าสะอิ้งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งน้ำตา หลังจากที่ป้าสะอิ้งพยุงภูชิตเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ชายหนุ่มเกรงใจที่จะต้องให้หญิงสูงวัยมาอาบน้ำให้เหมือนเด็กๆ
