
บทย่อ
"อย่าคิดว่าพี่จะยอมให้เธอชุบมือเปิบสมบัติของพี่" เขาเสียงขุ่น จ้องอย่างไม่พอใจ ตอนแรกก็ไม่อะไรกับคนตรงหน้า แต่หลังจากที่ถูกบังคับและกันตาไม่ยอมปฏิเสธในเรื่องนี้ มันทำให้เขาโมโห คงอยากจะเป็นเมียเขาจนตัวซีดตัวสั่นสินะ ถึงได้อมพะนำไม่ยอมพูดปฏิเสธออกมา ผู้หญิงที่ดูซื่อ ๆ ไม่มีพิษมีภัย สุดท้ายก็ร้ายเหลือ เผลอ ๆ อาจจะเป่าหูคุณย่าเขาหลายอย่าง คงเพราะอยากเป็นคุณนาย อยากเป็นเจ้าของทุกอย่างก็เป็นได้ หึ! คิดว่าจะยอมเหรอ? คนอย่างเธอ ต้องเจอคนอย่างเขา "กันตาไม่ได้อยากได้อะไรของพี่เลยสักนิด สมบัติที่คุณย่าครอบครองอยู่ มันก็เป็นของพี่ทั้งนั้น กันตาเป็นแค่คนอื่นจะไปมีสิทธิ์ได้อย่างไร?" กันตาพยายามอธิบาย แต่เหมือนเป็นหนึ่งจะไม่ยอมฟัง "รู้แล้วก็ดี หัดเจียมเอาไว้ อย่าคิดใฝ่สูงเกิดตัว เพราะคนอย่างเธอ จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไปปฏิเสธคุณย่าให้พี่ด้วย ว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่" "กันตา..." หญิงสาวอึกอัก คุณย่าพระคุณล้นหัว เธอจะกล้าขัดได้อย่างไร อีกทั้งความรู้สึกบางอย่างในใจ ความรู้สึกที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้ลึก ในก้นบึ้งของหัวใจ มันกลับไม่อยากให้เธอขัดเจตนารมณ์ของคนที่เลี้ยงดูมา "กันตาทำไม่ได้" "พี่ว่าแล้ว คนอย่างเธอมันคิดใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว เธอมันก็แค่เด็กในบ้าน ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว"
Chapter 1 รับเลี้ยง
Chapter 1
ครืน~ ครืน~ เปรี้ยง!
ในค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ท้องฟ้ามัวหม่นมืดทะมึน หยาดพิรุณร่วงโรยลงมาเป็นสาย ร่างกำยำสูงใหญ่เดินฝ่าสายฝน แขนแกร่งโอบอุ้มทารกน้อยไว้แนบอก หมวกปีกกว้างยังพอช่วยบดบังสายฝนที่สาดกระหน่ำเข้ามา
‘สุชาติ’ รีบเร่งฝีเท้า เสียงฟ้าร้องสนั่นก้องพสุธา ฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำไม่หยุดยั้ง ทั้งยังมีสายฟ้าแลบแปล๊บจนน่าหวาดกลัว
สองเท้าเปล่าย่ำโคลนดินไปตามทุ่งนา สายลมกรรโชกแรงจนร่างเซถลา แต่เขาก็ฝ่าแรงลมไปจนถึงบ้านทรงไทยหลังใหญ่
“อุแว้! อุแว้!” ทารกน้อยแผดเสียงร้องจ้า ในขณะที่คนเป็นบิดาวางลงบนพื้นไม้กระดานแข็ง ๆ มือเล็ก ๆ แกว่งไกว่ คล้ายต้องการให้คนที่เพิ่งวางเมื่อครู่ อุ้มสู่อ้อมอกอีกครั้ง
เขามองเด็กน้อยด้วยความโกรธ นึกชังจับใจ ทารกน้อยที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่ชั่วโมง เป็นคนพรากภรรยาอันเป็นที่รักให้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ลูกที่เกิดมาแทนที่จะเป็นเเก้วตาดวงใจ กลับเป็นคนที่มาพร่าผลาญชีวิตภรรยาแสนรัก เขาชังเด็กคนนี้ยิ่งนัก เด็กอัปมงคลที่มาพังความสุขในชีวิตของเขา
“นั่นใคร?” สุชาติหันไปมองเจ้าของเสียงเพียงครู่ก่อนจะรีบเดินออกไป ทิ้งทารกน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้ “หยุดนะ จะไปไหน?”
น้ำเสียงของนวลละออดังขึ้น พร้อมกับวิ่งไปคว้าแขนสุชาติเอาไว้ จะเอาเด็กมาทิ้งที่นี่ได้อย่างไร แต่พอสุชาติหันมานวลละออก็ต้องตกใจ เมื่อได้เห็นว่าใครเป็นคนเอาเด็กมาทิ้ง
“สุชาติ”
“ผมฝากนังเด็กนั่นด้วยนะครับคุณละออ มันทำให้เมียผมตาย ผมเลี้ยงมันไม่ได้ ผมทำใจเลี้ยงมันไม่ได้ ฮึก” น้ำเสียงของสุชาติเจือปนไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเขาสั่นสะท้านอย่างหนัก เจ็บปวดจนไม่อาจเก็บกลั้น “คุณละออจะเลี้ยงมันเป็นทาส เป็นอะไรก็แล้วแต่คุณละออ เด็กนั่นมันทำให้เมียผมตาย ฮึก ผมเลี้ยงมันไม่ได้หรอก”
“แต่เด็กไม่ผิดนะสุชาติ นายทำให้เขาเกิดมา นายต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเขา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมียนาย เด็กไม่ผิดเลยนะ นายไม่ควรยัดเยียดความผิดให้เขา” นวลละออพยายามพูดเตือนสติ เด็กคือผู้บริสุทธิ์ไม่ได้รู้เรื่องของผู้ใหญ่เลยสักนิด แต่คนหัวใจแตกสลาย ไม่อาจจะทนเลี้ยงดูทารกน้อยได้
“มันผิด มันทำให้เมียผมตาย” สุชาติว่าแล้วสะบัดแขนจนพ้นการจับของนวลละออ วิ่งฝ่าสายฝนออกไป
“สุชาติ!” นวลละออจะวิ่งตาม แต่เสียงร้องของทารกน้อยก็แผดเสียงดังขึ้น นางจึงตัดใจวิ่งกลับไปดูเด็ก “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ย่ามาแล้วนะเด็กดี”
พอถูกอุ้ม เด็กน้อยก็ซุกตัวหาความอบอุ่น ปากเล็ก ๆ ที่เคยแผดเสียงร้องก็เงียบลง ดูดมือตัวเองจนน้ำลายไหลเยิ้ม นวลละออมองเด็กน้อยสลับกับมองหาสุชาติ แสงฟ้าแลบสว่างเป็นระยะ แต่ทว่าคนเป็นพ่อเด็กอ้อมแขนกลับไม่หวนกลับมา
“คุณย่าครับ มีอะไรหรือเปล่า?” เป็นหนึ่งเดินลงบันไดมา
“ปะ…เปล่าจ้ะ หนึ่งทำไมถึงยังไม่นอน”
“ฝนตกหนัก ฟ้าร้องดังขนาดนี้ ผมนอนไม่หลับ ว่าแต่เด็กที่คุณย่าอุ้มคือใครครับ?”
“ลูกลุงสุชาติน่ะ เขาเอามาฝากเอาไว้ ย่าว่าเรารีบขึ้นบ้านกันดีกว่า ฝนตกหนักแบบนี้ หนูน้อยโดนไอฝนจะไม่สบายเอา”
“ครับ” เป็นหนึ่งพยักหน้า “ว่าแต่ลุงสุชาติเอาลูกมาฝากคุณย่าทำไม?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย นวลละออได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้จะตอบหลานชายอย่างไรดี “ว่าไงครับ ลูกลุงสุชาติมาอยู่กับคุณย่าได้ยังไง ทำไมไม่ไปอยู่กับลุงสุชาติกับป้าแก้วตา”
“แก้วตาเสียน่ะ ลุงสุชาติก็เลยเอาลูกมาฝากย่าก่อน พรุ่งนี้ก็คงมาเอาลูกกลับไปน่ะ”
“อ๋อ ครับ” เป็นหนึ่งพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะดูทารกน้อย ที่กำลังลืมตาแป๋วมองดูเขา “ตาโตมากเลยครับคุณย่า”
“จ้ะ หนึ่งดูน้องไว้ให้ย่าก่อนนะ ย่าไปเอาชุดหนึ่งมาให้น้องใส่ก่อน”
“ครับ” นวลละออยิ้มให้หลานชาย ก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องเก็บของ เสื้อผ้าของหลานชายเมื่อครั้งยังแบเบาะ ถูกเก็บเอาไว้ในกล่องอย่างดี
นางรีบเปิดกล่องหยิบชุดเด็กออกมา ดีที่สาวใช้ประจำบ้านมาทำความสะอาดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ซักเก็บเอาไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด
“มาแล้ว ๆ” นวลละออรีบสวมใส่เสื้อผ้าให้ทารกน้อย ผลัดเปลี่ยนผ้าขนหนูที่เปียกชืดออกจากตัว หนูน้อยพอได้อยู่ในชุดที่แสนอบอุ่น ก็นอนหลับตาพริ้ม ไม่งอแงแต่อย่างใด
“หาว~” เป็นหนึ่งป้องปากหาว นอนเล่นอยู่บนเตียงคนเป็นย่า ก่อนจะผล็อยหลับไป นวลละออมองทารกน้อยที่กำลังนอนอยู่ข้าง ๆ หลานชายแล้วถอนหายใจออกมา ความรู้สึกหนักอึ้งเต็มอก ได้แต่หวังว่าสุชาติจะคิดได้ และกลับมารับหนูน้อยไปเลี้ยงดู
หลังจากวันที่สุชาติเอาลูกสาวมาทิ้งไว้ เขาก็หนีหายออกไปจากหมู่บ้าน งานศพของแก้วตานวลละออก็เป็นเจ้าภาพ จัดงานศพให้ตามอัตภาพ
แก้วตาพ่อแม่ตายจากตั้งแต่เด็ก ๆ ญาติพี่น้องก็ไม่มี ส่วนญาติทางสุชาติ ไม่มีใครยอมรับเลี้ยงเด็กน้อย เพราะต่างมีลูกเล็กเด็กแดงที่ต้องดูแล ไม่สามารถเลี้ยงดูทารกน้อยได้
วันแล้ววันเล่าที่นวลละออรอคอย นางหวังว่าสุชาติจะกลับมารับลูกสาว แต่เปล่าเลย เงียบหายเหมือนตายจาก ผ่านไปเกือบสี่เดือน นวลละออได้ข่าวว่าสุชาติกระโดดน้ำตายหาเพื่อนของเขา ในคืนที่เอาเด็กไปฝากไว้ จึงตัดสินใจรับเด็กทารกน้อยไว้ และตั้งชื่อว่ากันตา
กันตาเป็นเด็กเลี้ยงง่าย คล้ายกับเจียมตัวว่าตัวเองไม่มีพ่อแม่ ไม่งอแงให้คนเลี้ยงดูต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจ นวลละออเองก็เอ็นดูเด็กน้อยเป็นอย่างมาก จนให้ลูกชายของนางรับเลี้ยงกันตาเป็นลูก ซึ่งเปรมกับปานตะวันลูกชายกับลูกสะใภ้ของนาง ไม่ขัดข้องแต่ประการใด
“อยากกินนมไหมกันตา?” เป็นหนึ่งจับแขนเด็กหญิงตัวอ้วนเขย่าไปมา
“แอ้ ๆ ”
“เด็กอะไรน่ารักที่สุดเลย” ว่าจบก็แอบเปิดกระป๋องนมผง ตักนมมากินหนึ่งช้อน เคี้ยวตุ้ย ๆ อวดเด็กตัวอ้วนที่กำลังมองไปที่เขา “ทำไม อยากกินด้วยเหรอ?”
“แอ้ ๆ”
“อยากกินล่ะสิ เดี๋ยวพี่ให้ชิม” ว่าจบก็ตักนมในกระป๋องช้อนพูน ๆ ขึ้นมา
“ตาหนึ่ง!”
“ตายห่า” เป็นหนึ่งรีบซ่อนช้อนนม
“แอบมากินนมน้องอีกแล้ว เดี๋ยวย่าตีเลย”
“เปล่าสักหน่อย ผมไม่ได้กิน” ว่าจบก็รีบเอาช้อนนมเข้าปากแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันที
