Chapter 4 พี่เลี้ยงจำเป็น
ในใจนึกเข่นเขี้ยวและอยากหักคอแม่ของสาวน้อยนางนี้ เขาโกรธและยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น ผลักดันเป็นพลังแค้นให้เขาต้องตามล่าหาตัวเธอกลับมารับโทษให้สาสมกับความวุ่นวายที่เธอสร้างให้คฤหาสน์ของเขาในเช้าวันนี้
สาวน้อยถ่ายอุจจาระเต็มผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่เธอสวมอยู่ พอเปิดออกทุกคนก็เบือนหน้าหนีตามๆ กัน หนุ่มๆ ก็เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา
“นายมาจัดการซิ คาเธอร์” คนเป็นนายสั่งและถอยออกมา
คาเธอร์ก้มลงกระซิบกระซาบกับอดัม หลังจากนั้นเขาก็ดันตัวอดัม ให้เดินเข้าไป และตัวเองเดินถอยออกมาปิดจมูกทำท่าพะอืดพะอมอยู่ ริมประตู
พอเด็กหญิงถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของอดัมเธอก็ร้องจ้าดังลั่นห้องน้ำอีกครั้ง อดัมหันมามองคนเป็นนาย “ผมคงมือหนักไป”
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าของคฤหาสน์ต้องลงมือเอง “ถอยออกมา ฉันจัดการเอง”
แต่กว่าที่ชายหนุ่มจะชำระล้างให้เธอสะอาดหมดจดเขาต้องกลั้นลมหายใจ และกลืนความขยักขย้อนจะอาเจียนลงท้องไปหลายหน ไม่คิดว่าการดูแลเด็กไร้เดียงสาจะยากเย็นมากเพียงนี้
“แค่วันเดียวเธอก็ทำให้ฉันปั่นป่วนมากขนาดนี้เลยนะเดลล่า เธอเป็นลูกของใครกันแน่ สร้อยข้อมือเส้นนั้นต้องการสื่ออะไร แล้วแม่ของเธอไปไหน”
ชายหนุ่มล้างชำระร่างกายของสาวน้อยจนสะอาดหมดจด และ ใช้ผ้าขนหนูของตัวเองพันรอบตัวเธอเอาไว้ ที่บ้านไม่มีผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่เคยมีของใช้เด็กอ่อน ไม่มีทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเธอ หลังจากนั้นเขาก็ป้อนนมและสาวน้อยนางนั้นก็หลับไปบนเตียงของเขา
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อศึกสงบลง แม้ว่าเขาจะเป็นคนโหดร้าย และรู้ว่าสร้อยที่อยู่บนข้อมือของเธอมีสัญลักษณ์ของศัตรูหมายเลขหนึ่งของตัวเอง แต่เขาก็ไม่ใจร้ายมากพอที่จะทำร้ายเด็ก
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ หากฝ่ายนั้นต้องการใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการทำลายล้าง เขาก็จะใช้เด็กคนนี้เป็นตัวสืบหาข้อมูลเช่นกัน เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นลูกของใคร และผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับเด็กคนนี้หรือคนในตระกูลคาซ่าอย่างไรบ้าง
หลังจากที่ทุกอย่างเงียบสงบลง เขาก็สั่งให้ลูกน้องไปซื้อของใช้สำหรับเด็ก ในขณะที่ตัวเองเรียกอดัมและคาเธอร์เข้าห้องทำงานเพื่อดูกล้องวงจรปิด
“ตามตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด่วน ฉันให้เวลาสามวัน พวกนายต้องพาตัวเธอมาให้ฉัน”
คำสั่งประกาศิตที่หลุดออกมาจากปากของเจ้านายหนุ่มทำให้ สองบอดีการ์ดคู่ใจแอบหวั่นใจ ดูจากลักษณะของเธอน่าจะไม่ใช่ผู้หญิงยุโรป เพราะเป็นคนตัวเล็กมาก
“ครับ” พวกเขารับคำและเดินออกไปจากห้อง หากว่าเป็นคำสั่ง แม้ต้องพลิกฟ้าตามล่าพวกเขาก็ต้องทำ
เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์กลับเข้ามาในห้องของตัวเอง เขาก็ ปวดหัวหนักกว่าเรื่องที่เขาสั่งลูกน้องคนสนิทไปทำเมื่อครู่ เด็กหญิงเดลล่ากำลังแผดเสียงร้อง ในขณะที่บนเตียงของเขาเปียกชุ่มเป็นวงกว้างเพราะเธอไม่ได้สวมผ้าอ้อมสำเร็จรูป
“เอาอีกแล้วนะเดลล่า ฉันไม่ว่างสำหรับเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกและส่ายหน้าเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดตัวของตัวเองผืนใหม่มาพันรอบตัวเธอเอาไว้หลวมๆ และย้ายเธอมานอนในบริเวณที่ไม่เปียกบนเตียงของตัวเอง
สิตมนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเครื่องบินลำที่เธอนั่งค่อยๆ พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังจากใจหายตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะความกลัวมาหลายชั่วโมงที่สนามบิน
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก เธอเพิ่งมีโอกาสได้สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเจ้าของคฤหาสน์หลังงามเมื่อตอนมาถึงสนามบิน หลังจากที่ตกกระไดพลอยโจนรับปากเพื่อนสาวทำภารกิจสำคัญ
หลังจากที่เธอได้รู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร ความกลัวก็ถาโถมราวกับพายุ เธอนั่งสั่นหลบมุมอยู่จนกระทั่งผ่านเข้าเกตขาออก ถึงแม้ว่าจะผ่านเกตขาออกมาแล้ว เธอก็ยังไม่คลายความกลัว หวาดผวาทุกครั้งเมื่อเห็นชายฉกรรจ์เดินผ่าน
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ารูมเมตร่วมห้องที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปี จะเกี่ยวพันกับมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลแห่งอิตาลี แต่ในตัวตนที่เธอรู้จักกับซารีน่า หญิงสาวเป็นคนอ่อนโยนและชอบทำอาหาร เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้านและหลังร้านที่พวกเธอเป็นลูกจ้าง จะมีบ้างที่ซารีน่าออกไปธุระเพียงลำพัง จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้รู้ว่าเพื่อนสาวตั้งท้อง
ก่อนหน้านี้สิตมนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนตั้งท้องกับใคร แม้จะอาศัยอยู่ร่วมกันมาห้าปี เพราะเมื่อถามถึงพ่อของลูก คำตอบที่ได้จากเธอคือเงียบและร้องไห้
สิตมนรู้จักกับซารีน่าในวันที่เธอกำลังเดินทางไปเรียนที่ปาแลร์โมทางตอนใต้ของอิตาลี เธอเดินทางมาเยี่ยมพี่สาวและพี่เขยที่โรม แต่ก็เห็นหญิงสาววิ่งหนีตายจากการถูกคุกคามจากชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ ผู้หญิงต่างถิ่นอย่างเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก นอกเสียจากพาผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัววิ่งหนีตายเข้าไปซุกในซอกหลืบแคบๆ ทั้งคู่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ซารีน่าอ้อนวอนขอตามเธอไปด้วย บอกเธอว่าพ่อกับแม่ของเธอถูกฆ่าตาย และต้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่เธอเหลือตัวคนเดียวไม่มีญาติอยู่ที่ไหนอีก สิตมนจำต้องพาเธอไปด้วย ทั้งคู่นั่งรถไฟไปเกือบสิบสองชั่วโมง
เพราะความที่เป็นลูกกำพร้าเหมือนกันและอยู่ต่างถิ่น ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเสมือนญาติเพียงคนเดียวของอีกฝ่ายตลอดระยะเวลาห้าปีในเมืองปาแลร์โม
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นไปจับล็อกเกตที่คล้องอยู่บนคอตัวเอง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ทั้งคู่ผ่านมาด้วยกันตลอดระยะเวลาห้าปีเต็ม จนกระทั่งมาถึงเรื่องราวเมื่อสองสามวันก่อน
ข้อความในจดหมายยังจารึกฝังแน่นในหัวใจของเธอ ความรู้สึกในวันวานที่เหมือนเธอถูกธารน้ำแข็งมหึมาไหลทาบทับเอาไว้บนตัว
เธอเปิดเข้ามาในบ้านก็เห็นสภาพกระจัดกระจาย หนูน้อยเดลล่าร้องไห้จ้าเพราะกำลังหิวนม เธอรีบวิ่งถลาเข้าไปหาหนูน้อย ปากก็ตะโกนร้องเรียกหาเพื่อนสาวที่อยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเธอ
