Chapter 2 เด็กหญิงเดลล่า
อดัมกับคาเธอร์โค้งศีรษะ “ขอประทานโทษครับบอส มันอยู่ในช่วงสลับเวรกันพอดี”
“ฉันถือว่านั่นคือคำแก้ตัว! ไล่ทุกคนที่อยู่ในเวรกะนั้นออกให้หมด” เขาคำรามเสียงกร้าว ดวงตาคู่คมดุดันมากกว่าเดิม มันจับจ้องไปที่ใบหน้า บอดีการ์ดหนุ่มสลับกันจนพวกเขาต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น สองหนุ่มโค้งรับ แต่ก็ยังยืนนิ่งเฉยรอคำสั่งต่อ จนคนหงุดหงิดต้องถามขึ้นมาอีกรอบ
“แล้วฉันต้องเป็นคนจัดการเด็กคนนี้หรือไง จะทำยังไงก็ทำ และพาเด็กคนนี้ออกไปให้พ้นหน้าฉัน แก้วหูฉันจะระเบิดอยู่แล้ว” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แววตาดุดันเหมือนกำลังโกรธจัดเต็มที่
“พวกผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับเด็กคนนี้ดี”
“ถ้าเรื่องแค่นี้พวกนายไม่รู้ ก็ไม่สมควรจะทำงานต่อไปเหมือนกัน” แววตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มจ้องมองที่ดวงตาของลูกน้องทีละคนสลับกัน ไฟความโกรธในดวงตาแทบจะเผาพวกเขาจนมอดไหม้
คาเธอร์ทำท่าอึกอัก ขณะที่อดัมก็ถือตะกร้าเด็กมือสั่นเพราะเกรงกลัวสายตาทรงพลังของเขา ส่วนคนที่อยู่ในตะกร้าก็ยิ่งแผดเสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิม
“ผมรู้ว่าต้องส่งตัวเธอให้ทางการ พร้อมกับหลักฐานทั้งหมดที่เรามี” คาเธอร์บอก
“รู้อย่างนี้... แล้วพวกนายยังจะยืนเซ่ออยู่ทำไมอีก” เสียงคนโกรธยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
คาร์เธอและอดัมยืนถกเถียงเกี่ยงกันไปเถียงกันมาอยู่สักพัก จนคนเป็นนายเงยหน้ามองอย่างไม่สบอารมณ์อีกรอบ ในที่สุดคาเธอร์ก็ยอมเป็นหน่วยกล้าตาย ตัดสินใจนำของที่อยู่ในตะกร้าส่งให้คนเป็นนาย
“สิ่งนี้ทำให้พวกผมไม่สามารถตัดสินใจได้” เขาบอกพร้อมกับส่งสร้อยข้อมือเส้นเล็กที่ติดตัวสาวน้อยให้คนเป็นเจ้านาย แน่นอนว่าสิ่งนั้นทำให้หัวใจของซันเซสวูบไหวลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“เดลล่าอย่างนั้นเหรอ...” ชายหนุ่มรำพึงถึงชื่อที่สลักอยู่บนสร้อยข้อมือของสาวน้อย
เดลล่าเป็นชื่อที่สลักอยู่บนสร้อยข้อมือที่ติดตัวเธอมา แต่สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยที่มีเพียงเส้นเดียวในโลก ที่ถูกสั่งทำขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเท่านั้น เขาพยายามหาความหมายของข้อความที่สลักอยู่บนตัวสร้อย รวมไปถึงความต้องการที่น่าจะเป็นของบุคคลที่นำเด็กคนนี้มาวางเอาไว้พร้อมสร้อยที่หน้าคฤหาสน์ของเขา
บางทีอาจจะแค่ต้องการสืบข้อมูลบางอย่าง บางทีก็อาจจะแค่ก่อกวน หรือบางทีมันอาจจะมีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้น เขาไม่อาจคาดเดาและตอบได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ดวงตาสีมรกตของเขาละจากตัวอักษรที่สลักอยู่ สบตาบอดีการ์ดหนุ่มและส่งสร้อยเส้นนั้นให้คาเธอร์ “เอาสร้อยเส้นนี้ไปเช็กที มีฝังไมโครชิปอะไรเอาไว้ข้างในหรือเปล่า เก็บไว้เพียงตัวเด็กและสร้อยเส้นนี้ ส่วนสัมภาระที่ติดตัวของเธอทั้งหมดก็ทำลายทิ้งให้หมด จากนั้นนายก็ช่วยจัดการเรื่องของใช้เด็กอ่อนให้เธอด้วย”
ชายหนุ่มสั่งคาเธอร์เสียงเข้ม คนได้รับคำสั่งเพียงโค้งคำนับเพื่อเป็นการตอบรับ แต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อรอรับคำสั่งเพิ่ม
“ไปจัดการตอนนี้เลย” ชายหนุ่มย้ำอีกรอบ
“ครับ” คาเธอร์รับคำและเดินออกไปจัดการทันที
หลังจากที่คาเธอร์เดินออกไป ซันเซสเบนสายตาคู่คมเพ่งมองไปยังเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มที่อยู่ในตะกร้า พูดกับเธอเบาๆ
“เธอต้องการบอกอะไรกับฉัน...”
เจ้าของดวงตาใสแจ๋วถูกพันตัวไว้กับผ้าผืนหนา และวางไว้ในตะกร้าอีกชั้น สิ่งที่โผล่พ้นออกมาให้เห็นมีเพียงดวงตาใส จมูกเล็กๆ ที่โด่งนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสีชมพูสดเป็นกระจับรับกับพวงแก้มใสสีชมพูระเรื่อ ปากของเธอยังขยับร้องไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้
ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับบอดีการ์ดก่อนจะถาม “เด็กผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ ส่งตัวมาให้ฉันที ทำไมยังร้องอยู่”
“เธอเป็นเด็กผู้หญิง อายุน่าจะเดือนเศษ ผมก็ไม่ทราบว่าเธอร้องเพราะอะไร ทั้งอุ้มทั้งปลอบก็ไม่หยุดร้องสักที” อดัมบอก
ซันเซสพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ คงไม่มีใครเข้าใจอาการของเด็กที่ไม่สามารถพูดคุยหรือบอกอะไรได้ หากบุคคลพวกนั้นไม่ได้คลุกคลีอยู่กับเด็กและทารกจนสังเกตอาการออก
อดัมยกตะกร้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะช้อนตัวสาวน้อยได้ถนัด ช้อนอุ้มตัวเด็กที่อยู่ในตะกร้าส่งให้เจ้านายหนุ่ม ทันทีที่เธอถูกส่งไปยังอ้อมกอดของ อีกคน เสียงร้องไห้จ้าเมื่อครู่ก็หยุดชะงักลงราวปิดสวิตช์
“อ้าว! หยุดร้องเลย” อดัมอุทานออกมามองหน้าเธออย่างแปลกใจ
ท่ามกลางบรรยากาศตอนเช้ามืดในช่วงปลายซัมเมอร์อุณหภูมิเกือบสิบห้าองศา แต่ชายหนุ่มยังสัมผัสถึงความอุ่นในตัวของเด็กน้อย ร่างกายของเธอยังอุ่นอยู่ในตะกร้าผ้า นั่นก็แสดงว่า... หญิงสาวนางนั้นวางตัวเด็กคนนี้เอาไว้ไม่นาน ก่อนที่จะมีคนไปพบ
“แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา” ชายหนุ่มบอกกับเจ้าของดวงตาใสแป๋วที่กำลังมองเขาอยู่ เพียงแค่เห็นดวงตาคู่นั้นเขาก็ทําร้ายไม่ลง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของเธอจะทิ้งลูกสาวไว้หน้าบ้านคนอื่นได้ลงคอ
บอดีการ์ดหนุ่มยิ้มออกมา ในขณะที่ดวงตาของคนอุ้มนุ่มนวลลงอย่างเห็นได้ชัด
หนูน้อยทำปากจู๋และดูดปากเล็กน้อยเหมือนเธอกำลังหิวนม ซันเซสเงยหน้าขึ้นมองบอดีการ์ด ลืมความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ไปชั่วขณะ
“นายช่วยฉันดูหน่อยซิ อาการแบบนี้เธอหิวนมหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามบอดีการ์ดหนุ่ม
อดัมชะเง้อคอไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าในอ้อมกอดของเจ้านาย เขาพยักหน้าคล้อยตามและตอบกลับไปทันที “เหมือนจะใช่ครับ”
“นายชงนมเป็นไหม”
อดัมส่ายหน้าหวือกับประโยคถัดมาของเจ้านายหนุ่ม พวกเขายังไม่เคยมีลูก แม้แต่ในคฤหาสน์ก็ไม่มีผู้หญิงสักคน แม้กระทั่งเชฟที่ทำอาหาร ก็ล้วนแต่เป็นทีมของผู้ชายทั้งสิ้น
“ไม่ครับ” เขาตอบทันที “ผมไม่เคยมีลูก ไม่เคยต้องเลี้ยงเด็ก และที่นี่ก็ไม่มีนมผงสำหรับเด็กอ่อน”
“ไม่เคย ก็ลองสิ ไปจัดการเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม
“เราไม่มีนม เราไม่เคยซื้อนมเด็กอ่อนมาไว้”
“ไม่เคยก็ไปซื้อ” ชายหนุ่มบอกกึ่งตวาด เพราะสาวน้อยเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกครั้ง หลังจากเงียบไปสักพัก
อดัมย่นคิ้วอย่างใช้ความคิด และบอกเหมือนเพิ่งนึกได้ “ในกระเป๋าที่คาเธอร์ถือออกไปมีชุดขวดนมอยู่ในกระเป๋าอีกใบเตรียมมาด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกคาเธอร์กลับมาก่อน” เมื่อมีคำสั่งต่อท้าย อดัมโค้งให้เจ้านายและรีบจัดการทันที
